เรื่องสุดท้ายที่ K.D. เล่าให้ฟัง เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง ในตอนที่เธอพลัดหลงจากกลุ่มขณะเดินป่าเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็กใหม่ เธอและเพื่อนในทีมอยู่ระหว่างการเรียนเรื่องการใช้เชือกปีนเขาบนพื้นที่สูงด้านหนึ่งของภูเขาในอุทยานที่เธอทำงานอยู่ เธอเกิดอยากเข้าห้องน้ำเลยขอแยกตัวออกมาเพื่อทำธุระ เธอเดินห่างจากกลุ่มมาประมาณ 50 ไมล์ในช่วงพักเบรกทานข้าว จากตรงนี้ไปผมจะเล่าตามที่เธอพูดเป๊ะๆ นะครับ "ฉันออกไปฉี่ พอเสร็จแล้วฉันก็กำลังจะเดินกลับไปที่กลุ่ม แต่พอเดินไปได้แค่ซักห้าฟุตเท่านั้นฉันก็รู้สึกตัวว่า ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน มันไม่ใช่ความรู้ว่า 'ฉันเลี้ยวผิดเลยหลง' ฉันหมายความว่าฉันนึกไม่ออกจริงๆ เลยว่าฉันอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ ถ้าคุณถามฉัน ฉันคิดว่าตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตรงนี้เป็นรัฐอะไร มันเหมือนเวลาที่คุณจินตนาการว่าคนเป็นโรคความจำเสื่อมรู้สึกยังไง เข้าใจมั้ย? คุณลืมทุกอย่างหมดสิ้น คิดไม่ออกว่าต้องทำอะไร ฉันเลยยืนเฉยๆ อยู่ตรงนั้นพักนึง พยายามคิดให้ออกว่าฉันอยู่ที่ไหนและต้องทำยังไงต่อไป แต่ยิ่งฉันอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกสับสนและงุนงง แล้วฉันก็เริ่มออกเดิน ..
เท่าที่ฉันนึกออก ฉันสุ่มเลืิอกทางเอาแล้วก็เดินไปตามนั้น เดินๆ อยู่มันก็ยิ่งแย่ลงจนถึงขั้นที่ฉันจำไม่ได้ด้วยว่ามาทำอะไรบนภูเขานี่ ฉันเดินย่ำเท้าช้าๆ ไปบนหิมะ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงนั่น เหมือนกับว่าเสียงมันอยู่ในหัวฉันเองเลย เหมือนเสียงกบที่พูดได้ เสียงต่ำแล้วก็แหบ มันส่งเสียงซ้ำไปซ้ำมาในหัวว่า 'ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เธอต้องหาอะไรกินนะ หาอะไรกินซะ แล้วเธอจะไม่เป็นไร เดินไปเรื่อยๆ แล้วหาอะไรกิน กิน กิน' ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลยมองหาอะไรรอบตัวเพื่อกินเป็นอาหาร และฉันสาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกหิวเท่านั้นมาก่อน ..
ทุกอย่างมันเกินที่ฉันจะทำความเข้าใจได้จริงๆ ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันสามารถกินได้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าฉันได้หมด ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นกี่โมงแล้วเพราะฉะนั้นฉันเลยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่อย่างนี้มานานเท่าไร แล้วฉันก็ได้ยินเสียงคนจริงๆ ส่งเสียงมาทางฉัน ฉันเดินเข้าไปหาเสียงนั้นและพบว่านั่นเป็นเพื่อนเจ้าหน้าที่ฯ คนหนึ่ง เขาทำสีหน้าตกใจมาก เขาวิ่งเข้ามาหาฉันพลางถามว่า 'ฉันโอเคไหม ฉันไปอยู่ที่ไหนมา'
แล้วเรื่องน่ากลัวก็เกิดขึ้น ระหว่างที่เขาวิ่งเข้ามาใกล้ ฉันเอื้อมมือไปที่เอวเพื่อชักมีดสำหรับล่าสัตว์ออกมา ฉันไม่รู้ตัวว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ แต่สิ่งเดียวที่ฉันคิดคือ 'ฉันต้องกิน' เพื่อนร่วมงานคนนั้นเห็นท่าทางฉันที่ชักมีดออกมา เขาก็ถอยหลังไปในทันที เขาตะโกนว่าให้ฉันวางมีดลงซะ เขาจะไม่ทำร้ายฉัน แล้วนั่นก็เหมือนมีใครดีดนิ้วใส่หน้า สติของฉันก็กลับมา ฉันมีสติรู้ตัวว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันวางมีดลง แล้ววิ่งไปเขา ถามเขาว่าฉันหายไปนานแค่ไหน โดยคิดว่าเขาคงตอบว่าประมาณครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นหน่อย แต่เขาบอกว่าฉันหายไปสองวันเต็มๆ ..
ฉันเดินข้ามยอดเขาไปสองลูกจนเกือบจะถึงอีกฝั่งหนึ่งของภูเขานั่น และถ้าฉันยังเดินต่อไปอีก ฉันคงหลงเข้าไปในป่าดิบขนาดกว่าสามร้อยไมล์และคงไม่มีใครตามหาฉันเจอ คนที่เจอฉันบอกว่าเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ส่วนฉันก็คิดอะไรไม่ออกเลย เหมือนเวลาผ่านไปแค่นิดเดียวในความรู้สึกฉัน ฉันก็เลยไม่ได้เล่าอะไร ฉันกลับไปยังจุดรวมพลพร้อมกับเขาและถูกส่งตัวไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปโรงพยาบาล พอฉันไปถึงโรงพยาบาล หมอและพยาบาลก็จับฉันตรวจแทบทุกอย่าง แล้วก็พยายามหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน สมมติฐานที่พวกเขาเห็นพ้องกันมากที่สุดคือฉันคงเกิดภาวะเสียความรู้สึกตัวไปชั่วขณะ คล้ายๆ กับความจำเสื่อมฉับพลันหรือไม่ก็เป็นอาการชักที่ไปทำให้สมองฉันน็อคไปซะงั้น แต่ความจริงแล้วก็คือไม่มีใครรู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ แต่ฉันจะบอกคุณไว้เลยว่าตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็ไม่เคยออกไปนอกพื้นที่คนเดียวอีก เพื่อนคนอื่นก็ยังพูดแกล้งฉันทุกทีที่ฉันต้องลากเพื่อนไปด้วยเสมอถ้าฉันต้องออกไปทำธุระในป่า แต่ฉันก็บอกพวกนั้นไปว่า ทนฟังเสียงฉันฉี่ยังดีกว่าปล่อยให้ฉันหายไปไหนไม่รู้สองวันเต็มๆ ในป่าเย็นยะเยือกแบบนี้นะ"
-----------------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in