ผมหายไปเสียนานเลยจากอัพเดตรอบที่แล้ว ต้องโทษด้วยนะครับ
ตอนนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นที่ทำงาน เราต้องเรียนรู้เรื่องระบบอะไรใหม่เยอะแยะ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสับสนมากทีเดียวเลย
สำหรับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผมจะเปลี่ยนแนวทางในการเล่าเสียใหม่ โดยจะเล่าเรียงลำดับเวลานะครับ แล้วผมจะพยายามเชื่อมโยงแต่ละเรื่องเข้าด้วยกันเท่าที่ทำได้ โดยไม่ให้สะเปะสะปะนะครับ
ตอนที่ผมเริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆ ไม่ค่อยมีใครบอกผมหรอกครับว่าจะเจอเรื่องประหลาดอะไรบ้างในงาน ผมเดาเอาเองว่าเขาคงกันไว้ไม่ให้เด็กใหม่อย่างผมสติแตกและทิ้งงานไปเสียก่อน แต่ว่าแค่ไม่กี่เดือนหลังจากที่ผมเริ่มงาน ผมก็ได้คุยกับเพื่อนคนนึงได้งานปาร์ตี้ที่เราทั้งสองคนเมากันแอ๋ แล้วเพื่อนผมก็เปิดปากพูด ..
"ช่าย งานมันอาจจะทำให้ขนลุกหน่อยนะ ข้างนอกนั่น ฉันว่าที่มันแย่ที่สุดก็คือการที่มีคนตายในที่ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นั่นล่ะ หรือตอนที่เราพบศพเขาในเวลาสิบนาทีหลังจากที่มีคนเจอเขาครั้งสุดท้าย 'สาบานได้เลย เขาดูปกติดีตอนที่เดินสวนกับผมตรงโค้งนั่น' นายจะได้ยินพวกเขาบอก เรื่องบ้าอะไรพวกนั้นน่ะ
* เหมือนอย่างผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเจอตอนฤดูใบไม้ผลิบนเส้นทางเดินป่าที่คนเยอะที่สุดของเราเส้นนึง มีคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่เต้นท์เราแล้วแจ้งว่ามีผู้ชายคนหนึ่งล้มอยู่กลางทางเดิน หัวเขาจมอยู่ในกองเลือด พวกเราก็เลยรีบวิ่งไปตรงนั้นและพบว่าชายคนนั้นนอนตายสนิทไปแล้ว ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะว่าหัวด้านหลังเขาเละอย่างกับมันบด กระโหลกแตกละเอียด มันสมองไหลเยิ้มออกมาเหมือนไส้คัสตาร์ด และเขาก็อายุมากแล้ว เราก็เลยคิดกันว่า เออ เขาคงล้มหัวกระแทกพื้นเสียชีวิต เพราะว่าคนแก่ก็เกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เว้นแต่เพียงว่า ตรงที่ที่เขาล้มมันไม่มีหินก้อนใหญ่อยู่เลยน่ะสิ มันไม่มีมีแม้แต่ตอไม้หรือกิ่งไม้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีรอยเลือดหยดเป็นทาง นั่นแปลว่าเขาล้มแล้วเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นเลย ทีนี้พอเราลองมาคิดว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม แต่รอบๆ นั้นก็มีคนอยู่ตั้งมากมาย สมมติว่ามีคนโผล่มาแล้วทำร้ายเขาจากด้านหลัง ก็ไม่มีทางเลยที่คนแถวนั้นจะไม่ได้ยินหรือไม่เห็น และอีกอย่างถ้าเป็นอย่างนั้นจะต้องมีรอยเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วสิ แต่ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกว่าเขาแค่ล้มลงแล้วหัวฟาดลงบนพื้นเท่านั้นเอง แล้วอะไรกันวะที่มันกระแทกหัวเขา ? "
* "อีกเรื่องก็เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง เราพบเธอในอุทยานฯ อีกที่เมื่อห้าปีแล้ว ในสมัยที่ฉันยังอยู่แถบชนบท เราพบเธออยู่กลางดงต้นสน เธอนอนขดตัวรอบลำต้นสนเหมือนกับว่ากำลังกอดมันอยู่ ฉันก็เข้าไปขยับร่างเธอเพื่อจะเคลื่อนย้าย แล้วน้ำที่ไหนไม่รู้ก็ไหลเป็นน้ำตกออกมาจากปากเธอ เปียกรองเท้าฉันไปหมด เสื้อผ้าเธอก็แห้ง ผมก็แห้งสนิท แต่ปริมาณน้ำในปอดและท้องของเธอนั้นเยอะมาก เหลือเชื่อมากเลยเพื่อน รายงานของเจ้าหน้าที่ชันสูตรน่ะเหรอ? บอกว่าเธอเสีียชีวิตเพราะจมน้ำน่ะสิ ปอดเธอมีแต่น้ำทั้งๆ ที่เราอยู่กลางพื้นที่ทะเลทรายสูงและห่างจากแหล่งน้ำเป็นไมล์ ไม่มีแอ่งน้ำ ไม่มีอะไรเลย ไม่มีวี่แววของคนอื่นที่อยู่ข้างนอกนั่น ฉันหมายถึง ใช่ มันเป็นไปได้ที่เธอจะถูกฆ่า แต่ทำไมต้องพยายามทำอะไรยากๆ อย่างนั้น ? ทำไมไม่แค่แทงเธอซะก็จบแล้ว? ฉันไม่รู้ว่ะ เรื่องนี้มันแปลกชะมัด"
แน่นอนว่าเรื่องพวกนั้นมันทำให้ผมตกใจไปนิดนึงเลยล่ะ แต่พวกเราเมากันมากและผมคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ อีกอย่างผมยังสันนิษฐานว่าเขาคงพูดเกินจริงไปมากเพราะคุณก็รู้ว่าพวกเราดื่มกันหนัก
โอเค ผมไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ มันแย่มากจนผมพยายามสุดๆ ที่จะลืมมันให้ได้ แต่แน่ล่ะว่าพูดง่ายกว่าทำ เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณหกเดือนหลังจากการสนทนากับเพื่อนของผมที่บาร์และจนถึงตอนนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นเลย จริงๆ ก็มีเรื่องบ้างตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย และแน่นอนล่ะว่ามีเรื่องบันไดด้วย แต่มันไม่ยากที่คุณจะทำความคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ นั้นถ้าเราทำกับมันเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีนี้แตกต่างไปเล็กน้อย
* ชายคนหนึ่ง อายุราวๆ ยี่สิบกว่าปี และเขาก็มีอาการดาวน์ซินโดรมด้วย เขาหายตัวไปในตอนที่พ่อแม่เขาละสายตาบนทางเดินป่าเส้นหลักในอุทยาน มันเป็นเรื่องแปลกมากนะ เพราะชายคนนั้นไม่เคยอยู่ห่างจากแม่เขาเลย คนเป็นแม่เชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า ลูกชายของเขาถูกลักพาตัวไป แต่เรนเจอร์ที่ไม่ได้อยู่ที่อุทยานฯ บอกว่าไม่มีใครจะลักพาตัวคนตรงนี้หรอก นะ.. ด้วยความพิการแบบนั้น พูดง่ายๆ ก็คือคงไม่ได้มีไหวพริบมาก เราเสียเวลาพักใหญ่เพื่อทำให้คนเป็นแม่ใจเย็นลงพอที่เราจะสอบถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับลูกชายเขาได้ แล้วเราก็ประกาศค้นหาคนหายอย่างเป็นทางการ เคสนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะว่าผู้สูญหายอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้ชีวิตตามลำพังได้ ตำรวจในพื้นที่ก็เข้ามาช่วยอีกแรง
เราตามหาตัวเขาไม่เจอในคืนแรก ซึ่งมันทรมานใจมาก พวกเราทั้งหมดไม่อยากนึกภาพเลยว่าเขากำลังอยู่กลางป่านั่นเพียงลำพัง เราสันนิษฐานเอาว่าเขาคงเดินหลงไปเรื่อยๆ ทิ้งห่างพวกเรามากขึ้นไปอีก พวกเราส่งเฮลิคอปเตอร์ค้นหาในวันถัดมา และพบตัวเขาอยู่ในหุบเขาเล็กๆ ผมช่วยพาเขากลับขึ้นมาได้ แต่เขาก็อยู่ในสภาพที่แย่มากและผมก็คิดว่าเราทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่รอดแน่ๆ
เขาตกลงไปในหุบเขานั่นจนทำให้กระดูกสันหลังหัก ท่อนล่างของร่างกายเขาไม่มีความรู้สึก ขาทั้งสองก็หัก ข้างนึกหักที่ต้นขา เขาเสียเลือดไปมากทีเดียว เขาคงต้องสับสนและหวาดกลัวตอนที่เขาอยู่คนเดียว เขาเลยพยายามลากตัวเองเคลื่อนที่ไปให้ได้ ซึ่งมันทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น ผมรู้ว่ามันฟังดูแย่ แต่ขณะที่ผมอยู่บนเฮลิคอปเตอร์กับเขา ผมถามเขาว่าทำไมเขาไม่ยอมอยู่เฉยๆ ไม่ยอมอยู่กับที่ทั้งที่บาดเจ็บ ผมแค่อยากจะมีบางอย่างไปบอกแม่เขา เพื่อให้เธอได้รู้ว่านี่มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ อีกอย่างเพราะคนเจ็บดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าแม่เขาคงอาจจะไม่ทันได้ถามด้วยตัวเธอเอง
เขาร้องไห้และพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ 'เด็กชายที่ดูเศร้าสร้อย' อยากให้เขาไปเล่นด้วยกัน เขาบอกว่าเด็กชายตัวเล็กๆ ต้องการ 'แลกเปลี่ยน' เพื่อที่เขาจะได้ 'กลับบ้าน' จากนั้นเขาก็หลับตาและเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกที เขาก็อยู่ในหุบเขาแล้ว ผมไม่แน่ใจนักว่าที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริงมั้ย แต่มันคงเป็นใจความสำคัญเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละ เขาเอาแต่ร้องไห้และร้องหาแม่ ผมจับมือเขาไว้ พยายามอย่างที่สุดที่จะทำให้เขาสงบใจลงได้ 'ข้างนอกนั่นหนาวมาก' เขาเอาแต่พูดแบบนี้
'มันหนาวมากเลยข้างนอกนั่น ขาผมเย็นจนแข็ง มันหนาวมาก ข้างในผมก็หนาว' เขาค่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็หยุดพูดไป เขาหลับตาไปสักพัก จนเมื่อเราอยู่ห่างจากโรงพยาบาลอีกห้านาทีเท่านั้น เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองหน้าผม น้ำตาหยดใหญ่ไหลออกจากตา เขาพูดว่า 'แม่จ๋าคงไม่ได้เจอผมแล้ว ผมรักแม่นะ ผมอยากให้แม่อยู่ด้วย' แล้วเขาก็หลับตา แล้ว ... ไม่ตื่นขึ้นมาอีก มันสะเทือนใจผมมากและผมก็ไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทำลายความรู้สึกข้างในตัวผมย่อยยับไม่มีชิ้นดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in