โอเค เริ่มอีกแล้วทริปเที่ยวประจำปี
ก่อนอื่นก็คือ เชียงใหม่อีกแล้วหรอ(วะ)
5555555555 เป็นจังหวัดที่ไปบ่อยจนขี้เกียจนับ อันดับแรกคือมีบ้านญาติอยู่ที่นั่น สองคืออากาศดี ที่เที่ยวเยอะ คาเฟ่ ภูเขา น้ำตก ส้มตำ เต็มไปหมด
ถือโอกาสในการว่างงาน (ว่างจริง ๆ เพราะลาออกมาแล้ว) ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ลาออกเหมือนกัน แงง เลยล่อไปซะ 9 วันเต็ม ๆ แพลนเยอะบ้างน้อยบ้างปน ๆ กันไป แต่เป็นอีกทริปที่เรื่องประทับใจเยอะเพราะได้ไปที่ที่ไม่เคยไป
5 FEB 2020
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเลือกนั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่ ถือว่าเปิดโลกอยู่เหมือนกัน เลือกนั่งสมบัติทัวร์เพราะว่ารีวิวดี แถมราคาประหยัดอีกต่างหาก (นั่งชั้น VIP เที่ยวละประมาณ 800 บาทต้น ๆ)
รถออกที่ขนส่งหมอชิตเวลา 21:39 น.
ซึ่งก่อนหน้านั้นเราต้องไปเรียนภาษาจีนที่จุฬาก่อน แล้วก็บึ่งไป หอบแดกอยู่เหมือนกัน แต่ทันเวลาเหลือเฟือ
ขึ้นไปบนรถก็มีจอทีวีให้ดู มีหนัง คอนเสิร์ต ฟังเพลง แถมมีหูฟังให้ด้วย มีขนมแจกเยอะมาก
รถของสมบัติทัวร์จะแวะให้เราได้พักกินข้าวเข้าห้องน้ำที่จุดพักรถแถวกำแพงเพชร เที่ยวรถที่เรานั่งไปถึงนั่นประมาณตี 1 พอดี หมดอารมณ์จะกินอะไร ก็เลยลงไปเข้าห้องน้ำแล้วขึ้นมานอนต่อ
6 FEB 2020
ถึงเชียงใหม่ประมาณ 7 โมงกว่า ๆ เจอด่านตรวจวัดอุณหภูมิพอดิบพอดี สมกับเป็นการเที่ยวช่วงโควิดระบาด แงง
วันแรกของการเที่ยวเชียงใหม่เราไปที่แคมป์เลี้ยงช้าง Thai Elephant Home มีรถมารับถึงขนส่งเลย สะดวกมาก คุยไปคุยมาพี่คนขับบอกว่าแปลกใจอยู่ที่มารับคนไทย เพราะปกติค่ายนี้ไม่ค่อยมีคนไทยมา 55555
แต่พอไปถึงแล้วแฮปปี้มากกกกก เพราะมันเป็น Thai Elephant Home Nursery รวมช้างเด็กกับแม่ช้างเอาไว้ ซึ่งดีมากกก (ถึงแม้ทางเข้าจะสมบุกสมบันไปนิด) เดี๋ยวจะเล่าเป็นสเต็ป
ที่นั่นจะมีสต๊าฟพาเราไปแนะนำว่ามีอะไรบ้าง มีอะไรให้ทำบ้าง บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านยกใต้ถุนสูงอยู่กลางทุ่งนา (แต่น่าเสียดายตอนที่ไปไม่ใช่ฤดูทำนา เลยได้มาเป็นหญ้าแห้ง ๆ แทน) มีไฟฟ้าจากพลังงานโซลาเซลล์ให้ใช้ เปิดจากบ้านออกมาก็เจอภูเขา เป็นวิวที่โคตรรรรรดี แค่มาเห็นแบบนี้ก็คุ้มแล้ว
มุมมองจากที่พัก เปิดประตูห้องออกมาแล้วเจอแบบนี้เลย~
หลังจากที่เก็บของในที่พัก สต๊าฟก็เรียกเราไปดื่มกาแฟ เป็นกาแฟสดที่ปลูกจากเครือข่ายเดียวกัน แล้วก็พาไปทำความรู้จักไก่ชื่อ มาชิตะ ควาย 3 พ่อแม่ลูก น่ารักมากกก เชื่องมาก เป็นมิตรต่อทุกคน
แกจะขี่ก็ขี่ไปนะ กินหญ้าแปป
แล้วก็ให้เราไปเก็บดอกไม้เอามาทำสบู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก ออกมาหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู...
ทำสบู่เสร็จแล้วก็มีเวลาให้เราไปถ่ายรูปเล่นตามมุมโน้นมุมนี้ เดินเล่นกับไก่กับหมา นอนเล่นกันจนเพลิน สต๊าฟก็แนะนำให้รู้จัก Volunteer สองคนที่เพิ่งกลับมาจากการไปเที่ยวน้ำตก ผู้หญิงชาวไต้หวันเลือกอยู่ที่แคมป์ 1 อาทิตย์ ส่วนชาวสเปนอยู่ 1 เดือน!
เราเลยได้ไปให้อาหารช้างแล้วก็พาช้างเล่นน้ำพร้อมกันเลย กิจกรรมตรงนี้ทำให้หลงรักลูกช้างมาก ๆ ความเด็กแล้วก็ซน ๆ ของนาง จะพุ่งเข้าหาคนตลอด แถมเลือกกินอีกต่างหาก (นางเลือกแต่ข้าวโพดที่มีฝ้ักแล้ว ฉลาดมากจ้ะหนู)
กิจกรรมที่น่าจะเป็นจุดขายของที่นี่เลยก็คือ อาบน้ำช้าง ที่โดนทั้งพ่นน้ำใส่ โดนช้างจุ๊บแก้มไปตามระเบียบ คือน่ารักมากกก อยากลงไปน้วยคาน้ำ (ถ้าไม่ติดว่าช้างขี้ไว้เต็มไปหมด แง)
เล่นกับช้างเสร็จแล้วสต๊าฟก็พาเราไปแช่เท้าด้วยสมุนไพร เอาสมุนไพรนานาชนิดที่ไม่รู้ว่าอะไรบ้างไปต้มกับน้ำร้อน เป็นการแช่เท้าที่ฟินมาก เหมือนแช่กับน้ำเก๊กฮวยเพราะกลิ่นนางแรงสุด เขาบอกว่าถ้าเรายังไม่แช่เท้าจะเอาไว้ล้างหน้าก่อนก็ได้แล้วค่อยเอาเท้าลง แต่ตอนนั้นเราจุ่มเท้าลงไปแล้ว เค ผ่านไป
แล้วก็พอกหน้าด้วยโคลน ตอนแรกเรากับเพื่อนก็เหงียม ๆ ไม่กล้าละเลงมาก ทาไปทามา เออ หน้ากรูเทาไปหมดแล้ว
มีเวลาให้เราไปล้างหน้าอาบน้ำก่อนจะมืด เพราะไม่งั้นจะหนาวมาก (เครื่องทำน้ำอุ่นกำลังติดตั้ง แต่ยังใช้ไม่ได้ นี่แหละข่าวร้ายของที่นี่ ราดน้ำทีหน้าชาไปเป็นแถบ ๆ)
มื้อเย็นของเรากับเพื่อนเป็นมื้อจัดหนักจัดเต็มมาก ทำเหมือนให้กินกันซัก 5 คน แต่นี่มากันแค่ 2 คนเอง เรียกว่ายัดเอาเลยก็ได้ แง
จบจากมื้อเย็นแล้วยังจะมีบาบีคิวให้กินอี๊กกกก เป็นการปิ้งเองจากเตาถ่าน ก็ได้ฟีลไปอีกแบบ แต่แทบจะยัดไม่ลงแล้วนะ อิ่มเกิ๊น
ช่วงดึกนี้ก็ไม่มีอะไร ชิลล์ ๆ มีสต๊าฟมาสอนเล่นไพ่ของพม่า ก็งู ๆ ปลา ๆ ไป ชนะบ้างแพ้บ้าง
จบไปอีกวันสำหรับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสจากปางช้างที่ไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in