"อยากไปเที่ยวววววว"
ทุกครั้งที่เริ่มเบื่อการวนลูปของการทำงาน ความคิดที่อยากจะไปเที่ยวก็จะกลับมาอีก จนเริ่มบ่นๆ กับเพื่อน แล้วก็โยนไอเดียกันไปมาในไลน์ เริ่มตั้งแต่กาญจนบุรี เพราะดันไปเห็นที่พักริมน้ำงามๆ ในทวิตเตอร์ สักพักก็ขยับไปน่าน เพราะเริ่มสนใจในความสโลวไลฟ์
และสุดท้าย ไปจบที่ สปป.ลาว
แต่ยิ่งโตขึ้นเพื่อนก็ยิ่งหาย จากที่ในกรุ๊ปมีคนอยู่ 6 คน เหลือไปเที่ยวกัน 2 คนซะงั้น 5555
กระบวนการเลือกเมืองที่จะไป และจองตั๋วที่พัก ตั๋วเครื่องบิน คืออย่าให้เล่า วันนึงก็เล่าไม่จบ ใช้เวลาประมาณสามสี่วันในการเถียงกันว่าจะไปเมืองไหนดีวะแล้วก็เปลี่ยนแพลนไปเรื่อยๆ จะเวียงจันทร์-วังเวียง เวียงจันทร์-หลวงพระบาง วังเวียง-หลวงพระบาง แล้วจะไปยังไงอะ? รถไฟ บินตรง หรือเครื่องแล้วต่อรถ? หรือรถไฟแล้วต่อรถ โอ้ย ปวดหัว
สุดท้ายก็ไปจบตรงที่ บินจากกรุงเทพไปลงอุดร นั่งรถตู้ต่อไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แล้วก็ต่อรถเข้าเมือง จะได้เที่ยว เวียงจันทร์ - วังเวียง - หลวงพระบาง แล้วนั่งเครื่องจากหลวงพระบางกลับกรุงเทพ สามเมืองในสี่วัน ถือว่าคุ้ม!
เลือกนั่งสายการบิน Thai Lion Air จาก กรุงเทพ (ดอนเมือง) - อุดร ไฟล์ทเช้าที่สุด 06.05 น. ไปถึงโน่นก็ประมาณ 7 โมงนิดๆ เป็นครั้งแรกที่ขึ้นสายการบินนี้ ที่นั่งแคบ ดีเลย์นิดหน่อยพอเป็นพิธี ลงจอดอนาถมากแม่ อยากร้องไห้ แต่ก็โอเค คุ้มค่ากับราคา 600 กว่าบาทที่จ่ายไป
พอถึงอุดรก็เจอหมอกเลยแต่บรรยากาศดูดีมาก เดินออกมาจากข้างในปุ๊ปก็เจอรถตู้อุดรแก้วทัวร์ ที่จะพาเราไปส่งที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ในราคา 200 บาท สภาพรถดีมากๆๆ เป็นรถตู้ใหม่ คนขับมีมารยาท ช่วยยกกระเป๋า จอดตามที่บอก แล้วก็ขับความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนด ถึงชายแดนในเวลาชั่วโมงนิดๆ ถือว่าประทับใจมาก!
บรรยากาศที่ชายแดนไทย-ลาวก็เงียบๆ เหงาๆ ด้วยความเป็นวันศุกร์ตอนเช้า ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยว มีแต่คนลาวที่ข้ามกลับประเทศ ต้องนั่งรถทัวร์ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว น่าจะประมาณกิโลนิดๆ ค่ารถก็ 15 บาท แต่สภาพก็นั่นแหละ แปปเดียวหน่า
เมื่อถึงอีกฝั่งหนึ่งก็ต้องกรอกใบ Arrival เสร็จก็ตรวจพาสปอร์ต เดินข้ามตม.ไปเราก็ข้ามประเทศแล้ว!
ยอมรับว่าตกใจที่มีคนขับแท๊กซี่จำนวนมากเดินเข้ามาทักทาย ให้ความช่วยเหลือ พร้อมขายของไปด้วย 555 แต่สิ่งแรกที่ทำคือขอซื้อซิมลาวก่อนนะคะพี่ หนูขาดโลกโซเชียลไม่ได้จริงๆ เลยเลือกร้านแรก ความงงของราคาคือ ถ้าซื้อ 7 วัน 1 GB จะราคา 100 บาท แต่ 7 วัน 7 GB ราคา 200 บาท โอ้โห ได้เกินเท่าตัวขนาดนี้เราก็เลือกแบบ 200 บาทดีกว่า เซฟๆ
- เวียงจันทร์ เมืองหลวงสุดจะสงบ เงียบ เหงา -
ด้วยความงก ตอนแรกก็กะจะนั่งรถทัวร์จากชายแดนเข้าเมืองเวียงจันทร์ตามรีวิว เพราะมันแค่ 30-40 บาท แต่เห็นสภาพรถกับกระเป๋าที่ลากมา เลยตัดสินใจเหมารถแท๊กซี่นั่นแหละ 300 บาท พาเราไปส่งในที่ที่ต้องการ เลยเลือกไปร้านอาหารก่อนที่แรก หิวมาก ข้าวที่กินก่อนขึ้นเครื่องเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ความงกต่อที่สอง คือกะจะเดินจากร้านอาหารไปประตูชัย เพราะดู Map แล้วไม่ไกล แต่ลืมบวกกระเป๋าเดินทางด้วย เดินลากกระเป๋าไปบนสภาพถนนและฟุตบาทไทยโมเดล คือไม่มีกระเบื้องแผ่นไหนเรียบเสมอกัน แถมยังต้องเดินบนถนนบางช่วง เลยเลือกโบกตุ๊กๆ ตามที่คนลาวตรงนั้นแนะนำดีกว่า ขอบอกว่าราคาตุ๊กๆ ที่โดนเสนอมา ต่อได้ขอให้ต่อ เพราะดีไม่ดีเราจะได้ราคาที่ถูกกว่าครึ่งนึง! (หรืออาจจะมากกว่านั้นถ้าเราเป็นคนลาว)
ถึงประตูชัยแล้วจ้า
ประตูชัยกับฟิล์มพังๆ ที่แสงเข้า แต่ก็สวยไปอีกแบบ
เห็นแล้วหันไปมองหน้าเพื่อน เออ เราไม่ได้มาผิดที่เนอะ คนน้อยจังวะ 5555 เป็นการเที่ยวที่เงียบเหงา ไม่มีใครแย่งถ่ายรูป แอคได้เต็มที่ เลือกมุมกันสนุกมาก แดดก็ไม่ร้อนด้วย แล้วก็เดินไปต่อที่ พระธาตุหลวง เวียงจันทร์ เน้นคำว่า เดิน เพราะเจรจากับตุ๊กๆ ไม่ลงตัว แพงเกินไม่ไป
ฟุตบาทประเทศลาวกว้างมากเลยนะ แต่เค้าไม่ได้มีไว้ให้คนเดิน เค้าเอาไว้จอดรถกันแม่! นี่ถึงกับต้องเดินลากกระเป๋าบนถนน ตอนนั้นไม่กลัวรถชนแล้ว ขอถึงเร็วๆ แบบล้อไม่พังไปซะก่อน คือมันไกลพอสมควรเลยขอแวะคาเฟ่เล็กๆ ก่อนไปสู้ต่อ ร้านนี้ชาเขียวนมอร่อย ยกนิ้วเลย
ลากกระเป๋ากว่าจะถึงพระธาตุก็ผ่านที่ทำงานต่างๆ เห็นเค้าออกมากินข้าวกันพอดีเพราะตอนนั้นก็จะเที่ยงแล้ว สาวชาวลาวเค้าใส่ผ้าถุงไปทำงานกัน งามดี พอถึงพระธาตุหลวงเดินผ่านลานจอดรถก็ตกใจอีกรอบ มันกว้างมากแต่ไม่มีรถจอดซักคันเลย สิ่งที่ประทับใจคือความชิลของพนักงานเฝ้าประตู เดินหายไปเม้าที่ไหนไม่รู้ ซักพักก็กลับมาเก็บเงิน 5000 กีบ (ประมาณ 20 บาท) แต่ความชิลของบ้านเมืองเค้าอะเนอะ พนักงานเก็บเงินก็ใจดีให้ฝากกระเป๋าไว้ได้ มีคนที่นั่งรออยู่แถวนั้นก็ช่วยดูให้เลยเดินตัวปลิวไปรอบพระธาตุได้
ชาวลาวที่เดินวนพระธาตุก็จะคล้ายๆ เวียนเทียนบ้านเรานะ คือเดินพนมมือรอบพระธาตุ ส่วนคนไทยที่เจอก็คือถ่ายรูปกันสนุกสนาน 5555 ที่น่าสังเกตคือพระธาตุนี่จะเป็นองค์สีเหลืองแปลกๆ เหมือนบูรณะมาใหม่ ไม่ค่อยทองอร่าม แต่ว่าสีตัดกับท้องฟ้าสวยมากกก
ปฏิบัติการต่อราคารถก็กลับมาอีกครั้ง ความที่ว่าแพลนในเวียงจันทร์มีเท่านี้ เพราะเท่าที่ดูมามันไม่มีที่เที่ยว เลยกะมาแวะแปปเดียวแล้วต่อรถไปวังเวียงต่อ สภาพการนั่งรถตุ๊กๆ บ้านเขาเสี่ยงภัยกว่าบ้านเรานะ มันเป็นตุ๊กๆ ที่คนต้องนั่งหันหน้าเข้าหากัน แล้วท้ายรถมันจะเทกระจาด คือรถมันเอียงอะ นั่นแหละ ต้องเอาขากันกระเป๋าไว้ไม่ให้ไหล เส้นทางที่จะไปบขส.สายเหนือก็คือขรุขระลูกรังมากๆ เรียกได้ว่าหน้าชาหน้าแดง
ถึงสายเหนือพร้อมคำอวยพรของคนขับรถตู้ "ขอบใจหลาย เที่ยวให้สนุก" อะไรประมาณนี้ ถือเป็นความน่ารักของชาวลาวที่เห็นได้ตลอดทริป
แต่ยัง ช้าก่อน ความหรรษา รสชาติชีวิตมันเริ่มหลังจากนี้แหละ ...
Louder in Laos-der ไปเที่ยวลาวกันเด้อ! - Day 2-3 วิงเวียนใน วังเวียง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in