ประเดิมปีนี้ด้วยการเข้าโรงดูหนังน่ารักๆอย่าง Mary Poppins Returns ซึ่งไม่ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ ดีงามมากกกกกกกกกกกกกกกกก  กุมใจ รู้สึกว่าต้องจัดเวอร์ชั่นแรกปี 1964 ให้ได้(ยังไม่เคยดูเลย) 

ขอขอบคุณเอมิลี่และเบนวิมากที่เล่นหนังเรื่องนี้ ตอนแรกเราเฉยๆไม่ได้อยากดู เพราะคิดว่าเรื่องมันคงเด็กน้อยอ่ะ แต่พอเห็นเบนวิในเทรลเลอร์เท่านั้นละ ต้องดูแล้วโว้ยย รักเบนวิตั้งแต่ Perfume และจะรักตลอดไป555

เนื้อเรื่องมันก็เด็กน้อยจริงแบบที่คิดไว้ แบบนิทานก่อนนอน เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนและเพ้อฝันสดใสแบบเด็กๆ อาจดูเชยๆไปบ้างแต่นั่นคือเรื่องเล็ก เมื่อได้ความมิวสิคัลแบบบอร์ดเวย์ การแสดงที่มีพลัง เรื่องจินตนาการชวนยิ้ม ลายเส้นการ์ตูนและภาพสวยๆเข้ามาเติมเต็มในตัวหนัง นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เราตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ได้อย่างหมดหัวใจ และอยากมีพี่เลี้ยงแบบแม่รี่บ้างจัง ใครกันจะไม่อยาก

สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องคือเพลง มันเพราะทุกเพลงเลยอ่ะ ที่ชอบสุดและทำให้เราร้องไห้ต้องยกให้ The Place Where Lost Things Go เนื้อเพลงมันจับใจมาก บางสิ่งไม่ได้หายไปไหนหรอกมันแค่ย้ายที่อยู่ใหม่เท่านั้น มันอาจซ่อนอยู่หลังดวงจันทร์คอยมองเราอยู่ก็ได้ หรือที่ไหนก็ตามข้างๆเรา  รองลงมาคือ

เพลง Nowhere to go but up เป็นฉากที่น่ารักและมีความสุขมากๆๆ ฟังแล้วสดใสสุดๆเลย(ฉันจะพาเธอลอย ล่องไปใ...ไม่ใช่ละ)

เพลง A Cover is Not the Book โชว์ใหญ่อลัง เนื้อหาคือชวนให้เด็กๆอ่านหนังสือกันนะจ๊ะอย่าดูแต่หน้าปกมีเรื่องน่าสนุกรออยู่มากมายในนั้น ฟังแล้วนึกถึงตัวเองอ่ะเวลาซื้อหนังสือส่วนใหญ่ก็ดูที่หน้าปกก่อนเลยจนป่านนี้มันก็ยังดองเค็มอยู่ในตู้55 

เพลง Trip a Little Light Fantastic ฉากนี้เพลงสนุกสุด โชว์ดีท่าเต้นเท่ห์และสวยมาก 

เพลง Can You Imagine That ฉากนี้น่ารักมาก ชอบการจินตนาการสุดๆ การอาบน้ำของคุณจะเปลี่ยนไป55 และก็ยังชอบเพลงอื่นอีกนะ แต่พอเหอะมันจะทั้งเรื่องแล้ว นี่รีวิวหนังหรือเพลงเริ่มแยกไม่ออกละ

มาที่ฝฝ่ายนักแสดง จะพูดถึงเบนวิก่อนละกัน สิ่งที่พึ่งรู้เลยคือ He can sing ว้อยย ปลื้มปริ่ม ฉากแสดงอารมณ์ก็ดีเหลือเกิน ฉากไหนพี่แกร้องไห้อินี่ร้องตามหมดเลย55 เอมิลี่ก็เป็นแมรี่ที่น่ารักมากชอบจริตจะก้านและการแสดงออกทางสายตา เมอรีลออกมานิดเดียวแต่แย่งซีนได้เลย ลุงคอลลินก็น่ารักแต่ไม่เห็นร้องเพลงเลยอ่ะ(หรือร้องแต่ฉันจำไม่ได้วะ) ส่วนคนอื่นก็เล่นดีกันทุกคน น้องๆสามคนก็ด้วยแต่แอบเสียดายบทที่อาจไม่ค่อยขับเท่าไหร่ในความรู้สึกเรา

ในส่วนของโปรดักชั่นวิชวลต่างๆ ก็คุณภาพดีตามสไตล์ดิสนีย์ ชอบฉากที่เป็นลายการ์ตูนผสมกับภาพคนจริงมาก เป็นลายเส้นเก่าๆดูคลาสสิคดี และมันดูกึ่งจริงกึ่งฝัน เหมือนทำให้เห็นว่าโลกจริงกับโลกจินตนาการมันอยู่ร่วมกันได้ และก็ชอบการดีไซน์โชว์ท่าเต้นต่างๆ ชอบของแนวนี้อยู่แล้วเห็นแล้วตื่นตาตื่นใจทุกที

รักเรื่องนี้มาก เหมาะกับการดูในช่วงเวลาที่เหนื่อย ท้อ หมดไฟเพื่อเตือนถึงความทรงจำและความสนุกสนานของความคิดที่ไร้ขีดจำกัด เตือนถึงความเป็นเด็กในตัวเรา

ลองคิดดูสิการอยู่กับโลกความจริงทั้งวันมันเหนื่อยขนาดไหน ถ้าได้ปล่อยตัวเองสักนิด กระโดดลงไปในโลกแห่งจินตนาการ เหนือจริง ที่ไม่ต้องคิดเยอะให้วุ่นวาย ที่ๆทุกสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้เสมอ ได้ฟังเพลงเพราะๆ โยกไปกับมัน ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ซาบซึ้ง พลังชีวิตของเราคงอัพขึ้นมาไม่มากก็น้อยแหละ

จงเปิดหัวใจให้แก่จิตนาการ ลองมองมุมกลับดูบ้าง จุดแสงสว่างนำทางให้ตัวเอง 

ถ้า Mary Poppins คือนิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก

Mary Poppins ก็อาจจะเป็นนิทานก่อนตื่นสำหรับผู้ใหญ่ที่หลงลืมความเป็นเด็กไปก็ได้

ขอบคุณค่ะ Mary Poppins

ปล. มีความสงสัยว่าทำไมไม่ซับเพลงท้ายๆอ่าา คือเพลงนึงไขข้อข้องใจมาแล้วว่ามันเป็น Cockney Rhyming Slang แปลไม่ได้นี่เข้าใจ แต่เพลงสุดท้ายอ่ะ เพลงสุดท้ายทำไมไม่แปล๊!! 555