เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนจะโบยบินvampmazter
(ขอเล่า) ขอวีซ่าเรียนต่อเยอรมนี
  • สวัสดีค่ะทุกคน

    ช่วงนี้หวานก็ว่างๆ อยู่ระหว่างรอบินไปเรียน

    จริงๆ ก็ไม่ว่างเท่าไร ต้องจัดเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า

    เก็บของย้ายออกจากคอนโดที่เช่าอีก

    แต่ก็ถือว่าว่างแหละ 55555

    เลยถือโอกาสอัพบล็อกแรกด้วยการขอวีซ่า

    เพื่อไปศึกษาต่อที่เยอรมนีเลยแล้วกันค่ะ



    จริงๆ การขอวีซ่าไปศึกษาต่อ

    ที่หน้าเว็บของสถานทูตเยอรมนีจะบอกไว้ละเอียดอยู่แล้ว

    ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง

    เพราะฉะนั้น จะไม่โฟกัสส่วนนั้นมากนะคะ

    แต่จะเล่าว่าไปสถานทูตแล้วจะเจออะไรบ้าง 55

    อีกอย่างด้วยความที่หวานเป็นนักเรียนทุน ก.พ.

    สิ่งที่ต้องมีมันก็จะต่างกับไปทุนที่บ้านนิดหน่อย

    เช่น ปกติแล้ว นักเรียนที่ไปด้วยทุนตัวเอง

    จะต้องมีบัญชี Blocked Account

    ที่สถานทูตก็จะกำหนดว่าจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชี

    อย่างน้อย 8,460 ยูโร

    แล้วก็ต้องยื่น Statement

    บัญชีของผู้สนับสนุนทางการเงิน

    ถ้าพ่อแม่ออกให้ ก็ของท่านอะค่ะ

    แต่ความเป็นนักเรียน ก.พ. มันก็จะมีอภิสิทธิ์อยู่

    ตรงที่ว่าไม่ต้องมี/ยื่นสิ่งต่างๆ ข้างต้น

    เพียงแค่เอาจดหมายน้อยที่สำนักงาน ก.พ.

    รับรองว่าเราเป็นข้าราชการซึ่งกำลังจะเดินทาง

    ไปศึกษาต่อจริง และจะต้องกลับมาปฏิบัติราชการ

    ที่ประเทศไทยหลังจากเรียนจบ

    โดยทางรัฐบาลไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบ

    ค่าใช้จ่ายของเรา

    ทำให้เราไม่ต้องแสดงหลักฐานด้านการเงินตรงนี้

    ซึ่งบอกตามตรงว่าเป็นข้อดีมาก

    เพราะที่บ้านคงไม่มีปัญญาไปหาเงิน

    จำนวนขนาดนั้นมายัดใส่บัญชี TT

    (ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาเป็นนักเรียนทุน

    ก.พ. ตั้งแต่แรก 5555)

  • อะ เข้าเรื่อง

    การจะขอวีซ่าเนี่ย

    ก็ต้องนัดวันเพื่อสัมภาษณ์กับสถานทูตเยอรมนี

    ซึ่งสามารถนัดได้ผ่านทางหน้าเว็บของสถานทูตเลย

    ช่วงเดือนกุมภา-มีนา คิวก็จะแน่นๆ หน่อย

    เพราะ Spring Term ของเยอรมนี

    จะเปิดเดือนเมษายน

    ปกติระยะเวลาพิจารณาวีซ่าจะใช้เวลา

    3 สัปดาห์ กับอีก 2 วัน

    แต่แนะนำว่าให้จองวันไว้เนิ่นๆ เลยค่ะ

    สัก 1 เดือนก่อนวันบิน จะได้ไม่ตื่นเต้นมาก 5555

    อย่างหวานบินวันที่ 31 มีนาคม

    ก็นัดสัมภาษณ์วีซ่าวันที่ 11 กุมภาพันธ์

    เพื่อที่จะได้รับวีซ่าวันที่ 11 มีนาคม

    จะได้รับวีซ่าทันเวลาก่อนลากลับบ้านที่ใต้



    เมื่อวันที่ 11 กุมภามาถึง เวลานัด 11 โมง

    จะต้องไปถึงก่อนอย่างน้อย 15 นาทีก่อนเวลา

    ด้วยความตื่นเต้นมว้าาาาาก

    หวานก็ไปถึงสถานทูตตั้งแต่ 9 โมงครึ่งเลยจ้า

    จนต้องไปหาไรกินเรื่อยเปื่อยที่ถิ่นเก่า

    คือ สถาบันเกอเธ่นั่นเอง 5555

    กลับมาก็เพิ่งจะ 10 โมงครึ่ง โอ้ย

    ก็นั่งรอจน 10.45 น.

    ก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์ที่มีเจ้าหน้าที่ยืนเรียกคิวอยู่

    เขาก็ถามเวลานัด ถามชื่อ ขอดูใบนัด

    แล้วก็บอกว่าเข้าไปข้างในแล้วกดบัตรคิวเบอร์ 13

    ก็เข้าไปนั่งรอ วันนี้คนไม่แน่นขนัดอย่างที่คิด

    แต่ก็แทบไม่มีที่นั่ง 555

    คือ ถ้าช้าไปอีกก้าวหนึ่งก็ต้องยืนแล้ว



    ระหว่างรอก็นั่งคุยกับผู้ชายที่นั่งข้างๆ

    นางเป็นเพื่อนบ้านอาเซียน (พม่าหรือกัมพูชานั่นล่ะ)

    ที่ตอนแรกเราพูดไทยใส่เขาไปแล้วเขาทำหน้างง 5555

    เลยกดปุ่มเปลี่ยนภาษามาพูดอังกฤษแทน

    ได้ความว่าเขามาเรียนเมืองไทยที่ปัญญาภิวัฒน์

    ตอนนี้ใกล้จบแล้ว

    แล้วได้ทุนจากสถาบันให้ไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนี

    ได้ฟังแล้วก็ประทับใจในความมีไฟในตัวเขานะ

    จากบ้านมาเรียนที่ไทย แล้วพยายามจนได้ทุนอีก

    (ภาษาอังกฤษเขาก็ดีมากด้วย)
  • พอถึงคิวเรา ก็เดินเข้าไปแบบลั้ลลามาก

    เพราะความทรงจำที่เคยมีจากการขอวีซ่าเชงเก้น

    ครั้งก่อนมันดีที่สุดเลยเว้ยแก

    เจ้าหน้าที่ใจดีมาก คุยดี๊ดี ตอนสัมฯ เสร็จก็บอกเลย

    ว่าผ่านนะ ขอให้สนุกไรงี้



    ตัดภาพมาวันนี้ เจ๊ที่อยู่ตรงหน้านั้นตั้งแต่วินาทีแรก

    ที่เห็นหน้าเราจนบอกลา

    ไม่ยิ้มให้สักแอะเลยจ้า ดุมาก

    ริมฝีปากในขณะที่ไม่ได้พูดนี่เม้มตรงเป็นไม้บรรทัด



    "ขอวีซ่าไปทำอะไรคะ"


    "ไปศึกษาต่อค่ะ ปีแรกไปเรียนภาษาก่อน

    จบแล้ว ถึงจะต่อปริญญาโท

    พี่ที่เคยไปก่อนหนูบอกว่าต้องขอวีซ่าศึกษาต่อ

    เพราะ ถ้าได้แล้วมันเปลี่ยนประเภทไม่ได้"

    มีวีซ่าศึกษาต่อกับวีซ่าเรียนภาษา

    *มันมีวีซ่าศึกษาต่อกับวีซ่าเรียนภาษา

    ซึ่งจริงๆ แล้วจะขอวีซ่าศึกษาต่อได้

    ต้องมีทักษะเยอรมันระดับ B2 อยู่ในมือ

    ไปต่อยอดอีกนิดก็เข้ามหาลัยได้เลย

    แต่ของเรามันพิเศษที่ว่า

    ปลายทางต้องการจะเรียนโท

    แต่ยังขาดภาษาที่จะใช้เป็นพื้นฐาน

    เลยจำเป็นต้องเริ่มด้วยการเรียนภาษาก่อน

    เป็นอันรู้กันว่าตอนนี้ภาษายังอ่อนด๋อย 

    เลยได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่น B2

    วีซ่าศึกษาต่อที่ได้ก็ครอบคลุมการเรียนภาษาเลย




    "เอกสารน้องน้อยมากเลยนะคะ"


    //ว้อทททททท น้อยมากยังไงวะ

    คือ ทุกอย่างที่บนเว็บไซต์บอกว่าให้เตรียม

    ก็เตรียมหมดเลยนะ

    แม้แต่ประกันสุขภาพที่ไม่ได้บอกให้เตรียม

  • "ยังขาดอะไรเหรอคะ"


    "เรียนภาษาจบแล้ว จะไปเรียนโทที่ไหนต่อ

    สาขาอะไร คิดไว้แล้วหรือยัง"


    "ต่อโทนิติศาสตร์ค่ะ ก็ดูๆ ไว้ Bönn Münster

    Göttingen แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ

    เพราะต้องรอสอบวัดระดับภาษาอีก ยังยื่นไม่ได้"


    "ควรจะมี Motivation Letter มาด้วยนะคะ

    บอกว่าจะไปเรียนอะไร"


    "แต่ในเว็บไซต์ไม่ได้บอกว่าต้องเตรียมนี่คะ

    หนูดูมาแล้ว

    อีกอย่างปีแรกหนูไปเรียนภาษา

    ยังไม่ได้จะเข้ามหาลัย เลยไม่คิดว่าจะต้องเตรียม"


  • “ถึงในเว็บไม่ได้บอกว่าต้องมี แต่ก็ควรมีอะค่ะ"


    //Whaaaaaaat ถ้าในเว็บไม่ได้บอก

    แล้วใครมันจะตรัสรู้วะ

    คือ เอาจริงๆ เราคิดว่าแค่ใบรับรองจาก ก.พ.

    ก็น่าจะพอแล้ว

    เพราะเพื่อนเราไปขอวีซ่าอังกฤษ เห็นใบรับรองปุ๊บ

    เขาคืนอย่างอื่นกลับมาหมดเลย

    ขอแค่ใบรับรองใบเดียว

    เยอรมนีเล้าหลือมาก สมเป็นเยอรมันจริงๆ


    "แล้วตกลงต้องยื่นไหมคะ

    หนูไม่อยากโดนปฏิเสธวีซ่า

    ถ้าจำเป็นจะได้ยื่นเพิ่ม"



    "ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรค่ะ

    ที่ผ่านมานักเรียน ก.พ. ก็ไม่เคยยื่นกัน ก็ผ่านหมด

    (มีกัดดั้วะะะะ น่าจะหมั่นไส้อภิสิทธิ์เด็กทุน 555)

    แต่พอดีที่นี่เปลี่ยนหัวหน้า ยังไงพี่จะรับเรื่องไว้

    แล้วให้หัวหน้าดูก่อนแล้วกัน

    ถ้าน้องไม่ได้รับโทรศัพท์จากสถานทูตก็แปลว่าผ่าน

    ถึงเวลาก็มารับวีซ่าได้เลย"


    //พอจะยื่นก็ไม่เอาอีก เอ๊ออออ
  • เราก็แบบแอบจ๋อยนิดหนึ่ง เดินออกมาจากห้อง

    แล้วไปจ่ายเงินตรงช่องจ่ายเงิน

    เขาก็แนบใบมาว่าให้นำตั๋วเครื่องบิน

    พร้อมประกันสุขภาพ มารับวีซ่าในวันที่ 11 มี.ค.

    ก็ได้แต่ภาวนาให้ผ่าน

    ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม 5555

    แต่ในใบที่เขาแนบมาบอกว่า ภายใน 2 อาทิตย์

    ถ้ามีปัญหาอะไรเขาจะติดต่อมา

    ตอนนี้ผ่านไป 3 อาทิตย์แล้ว

    ก็คงจะผ่านแล้วแหละ (มั้ง)

    อีก 10 วันรู้กัน งิงิ

    มาลุ้นไปด้วยกันนะ >________<



    หมายเหตุ ถ้าใครอยากมั่นใจ

    แบบเกินร้อยเปอร์เซนต์ว่าผ่านแน่ๆ

    นอกจากเอกสารที่สถานทูตบอกว่าต้องเตรียมแล้ว

    จะยื่น Motivation Letter ไปด้วยก็ดีนะคะ

    จะได้เพอร์เฟ็กต์ ราบรื่น ไม่โดนติงแบบเรา 5555

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Tharn Min (@fb4557066853330)
รอวีซ่าไป กี่อาทิตย์ค่ะ?
vampmazter (@vampmazter)
@fb4557066853330 3 สัปดาห์ทำการกับอีก 2 วันค่ะ