เราเชื่อว่าหลายคนมีความฝันในใจแต่บางคนก็อาจจะทำตามฝันของตัวเอง หรือ ปล่อยให้ความฝันหลุดลอยไปด้วยปัจจัยหลายอย่างๆ
เราเป็นอีกคนนึงที่มีความฝันมากมายในหัว ในชีวิตมีเป้าหมายมากมายและค่อยๆไล่ตามความฝันของตัวเองมาทีละเสต็ป ครั้งนึ้ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่เด็กๆคือมาเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ เริ่มจากค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบและสนใจคือด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สนใจมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนได้สอบติดคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และได้ลองเรียนวิชาเลือกเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศและค้นพบว่าตัวเองชอบและสนใจทางด้านนี้เพราะเป็นคนชอบเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ การใช้กฎหมายในทางระหว่างประเทศ และชอบภาษาอังกฤษซึ่งในสาขานี้ก็เป็นการ mix สิ่งที่เราชอบได้ดี และงานที่น่าสนใจก็มีหลายอย่างจะลองสอบนักการทูต เปลี่ยนแนวไปทำ law firm หรือทำงานในองค์กรระหว่างประเทศก็พอจะมีลู่ทางเมื่อมีสาขาที่ชอบในใจแล้วก็ต้องยื่นแต่ละมหาลัย เตรียมเอกสารต่างๆ สัมภาษณ์กับทางมหาวิทยาลัย และสอบ IELTS ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านมาได้แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง
ต้องขอบคุณส่วนสำคัญที่ทำให้ความฝันที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นจริงได้ก็คือ“ครอบครัว” ที่สนับสนุนผลักดันในทุกเรื่องทั้งกำลังใจและค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพราะต้องยอมรับว่าหลายคนอาจมีความฝัน แต่ขาดโอกาสและแรงสนับสนุนซึ่งเรารู้สึกโชคดีมากๆที่มีทั้งสองอย่างนี้
พอต้องออกมาจากบ้านญาติมาเจอของจริงแล้วก็ตื่นเต้นรู้สึกแบบต้องไปใช้ชีวิตคนเดียวแล้วจริงๆใช่ไหม ใจหายชอบกล เราเลือกการเดินทางจาก ในอังกฤษมาAberdeenด้วยรถโค้ช ด้วยความงก เพราะมันถูกกว่าเครื่องบินมากกและเราของเยอะถ้าขึ้นเครื่องบินต้องเสียค่าโหลดสัมภาระอีกซึ่งรวมๆแล้วก็แพงกว่ารถโค้ชสามเท่า เลยไม่ต้องคิดมากก จองรถทัวร์โลดดด การนั่งรถ 15ชั่วโมงจึงเริ่มขึ้น เริ่มที่ Portsmouth ไปเปลี่ยนรถที่ลอนดอนและมา Aberdeen ตั้งแต่ขึ้นรถที่ Porthsmouth อยากจะเม้าท์คนขับมากก คือปกติขึ้นโค้ชเค้าก็จะมาช่วยเอาของขึ้นเก็บแต่คนนี้คือแกไม่สนใจอะไรเลย คือ ขนเองก็ได้ แต่คราวนี้กระเป๋ามันใหญ่มากจริงๆเราก็พยายามยกเองแล้วแต่มันไม่ไหว เราก็เลยถามเค้าแบบสุภาพว่า Can you helpme for this, please? แต่คือแบบเมิน แล้วก็ขึ้นรถไปเลย แค่ขอให้ช่วยเรายกหน่อยเองจะได้ออกรถไปสักที สุดท้ายคือเราต้องพยายามยกเองจนมันขึ้นไปได้ เอาเท้าดันๆเข้าไป 5555ภูมิใจตัวเองมากที่ยกกระเป๋าเกือบ 25 โลขึ้นเองได้คือเค้าอาจจะต้องการให้เราพยายามเองมั้ง แต่แบบผู้โดยสารคนอื่นก็รออยู่บนรถไงก็เกรงใจเค้าไรงี้
ระหว่างทางนั่งรถมา15ชม. กินยาแก้เมารถมา เลยหลับสบายกว่าที่คิดแล้วก็ได้เพื่อนใหม่แป็นคนนั่งข้างๆ เป็นคนมาเลเซีย นางน่ารักมากก คุยเก่ง บางครั้งเราพูดผิดๆถูกๆนางก็เข้าใจ แต่ว่านางลงก่อน ไปลง Glasgow เพราะเรียนเภสัชอยู่ที่Glasgow ก็ได้คอนแทคกันไว้ ระหว่างทางมาสก็อตสวยมากกก เป็นทุ่งหญ้ากับภูเขา ธรรมชาติสุดๆ แล้วก็มีฝูงแกะ เราลง Aberdeenป้ายสุดท้าย เพิ่งรู้สึกได้ว่าเป็นเมืองที่ไกลจริงๆ แบบผ่านภูเขามาเยอะมากๆผ่านเมือง Dundee มาด้วย มีทะเลสาบที่แบบสวยมากจริงๆจะถ่ายรูป แต่ไม่ได้นั่งรถฝั่งติดทะเลสาบ เห็นแล้วอยากมาเที่ยวเลย
พอลงจากรถเป้าหมายต่อไปคือหาแท็กซี่แต่ด้วยความที่เราจองแท็กซีให้มารับตอน 11 โมงแต่ถึงเร็วตั้งแต่ 10 โมงนิดๆแล้วแบบว่ามันหนาวสะท้านทรวงมากก ของก็หนัก กระเป๋าลากสองใบ รวมๆสามสิบโลกับเป้ที่แบกมาประมาณ 7 โล (อยากจะด่าความบ้าหอบฟางของตัวเอง)ด้วยความหนักและหนาว และไม่รู้ที่ทาง เลยเดินหาที่ขึ้นแท็กซี่ท่ามกลางความเย็นยะเยือกจะทิ้งของแล้วเดินหาก็ไม่กล้า กลัวของหาย แต่คนแถวนั้นก็ใจดีเปิดประตูให้ตลอดพอเจอแท็กซี่ก็ให้เค้าไปส่งที่หอ ความพีคคือ พอลงจากหอ ด้วยความมึนก็ลืมกระเป๋าเป้เจ็ดโลไว้บนรถลุงแท็กซี่ ซึ่งในนั้นมีเอกสารต่างๆพาสปอร์ตและเงินจำนวนนึง แบบสติแตกมากๆ วิ่งไปหาคนในหอ โวยวายใส่เค้าแบบงงๆเค้าก็ถามว่าจำบริษัทแท็กซี่ไรงี้ได้ไหม เราก็จำอะไรไม่ได้เลยรู้แต่เป็นแท็กซี่มาจากห้างชื่อนี้ๆ เค้าก็บอกว่าถ้างั้นก็ยากและเราก็เกือบสิ้นหวังแล้ว แบบทำไงดีวะ จะร้องไห้ แต่ทันใดนั้นเองเหมือนสวรรค์มาโปรดคุณลุงแกขับรถมาคืนน อยากจะกราบลุงสิบล้านรอบที่เอากลับมาคืน งานนี้โทษใครไม่ได้นอกจากความโง่เง่าของตัวเองล้วนๆบทเรียนชีวิตจริงๆ
พอเข้าหอมาได้ก็มีปัญหากับการเปิดประตูห้องอีกคือ พยายามเปิดอยู่เป็นชั่วโมงก็เปิดไม่ได้ ดูเป็นการเล่าเรื่องประจานความโง่ตัวเอง555555ต้องไปตามเค้ามาช่วยเปิดสองรอบ รอบสองเค้าก็เริ่มเอือมๆคืนนั้นแบบเอาเรื่องประตูไปฝันด้วย กลัวว่าตลอดเวลาที่อยู่นี่จะเปิดประตูไม่ได้แล้วจะทำไงดีวะ
พอวันต่อมามิชชั่นของวันนี้คือฝึกเปิดประตู สรุปคือมันเปิดได้ง่ายมากเหมือนรอบแรกๆ มันเป็นแม่เหล็ก เราพยายามผลักมันก่อนปลดล็อคเลยเปิดไม่ได้สักทีกราบใจความโง่ตัวเอง 55555 หลังจากนั้นก็เริ่มมิชชั่นสำรวจเมืองลองนั่งบัสไปมหาลัยดู กะไปเอาเอกสารมาเปิด bank นั่งไปแปปเดียวไปขอbank letter จากมหาลัยเพื่อมายื่นกับ bank จากนั้นเราก็ลองเดินกลับมาแทนนั่งรถบัสไม่ไกลมาก ประมาณสิบห้านาทีจากหอจากนั้นเราก็ไปติดต่อ bank ซึ่งธนาคารที่นี่ไปเปิดบัญชีเลยไม่ได้นะต้องbook appointment ก่อน แล้วค่อยมาเปิดวันที่เค้านัดเราไปเปิดที่ bank of Scotland คือ คนที่ทำเรื่องให้เราใจดีมากชื่อ ben นางดูแลเทคแคดีมากกกก แล้วก็ให้คิวนัดเป็นวันถัดไปได้ไวดี จากนั้นเราก็ไปเดินเที่ยวรอบๆ แล้วก็ค้นพบว่าแหล่งช้อปปิ้งไม่ห่างจากหอเราจริงๆมีสามห้างกะถนนยาวๆ ชื่อ ถนน union street มีร้านตลอดข้างทางคือ ช้อปสนุกแน่ถ้ามีตัง 55555 แล้วก็มีของขายทุกอย่างมีร้านให้เลือกหลายแบบจริงๆ เราก็ไปซื้อของเข้าหอที่ pondland ทุกอย่างหนึ่งปอนด์ และไปสอยของกินของใช้มากมายจาก Morrison ซูปเปอมาเกตใหญ่อารมณ์แม็คโครบ้านเรา แล้วก็เดินไป supermarket จีนด้วยย ของไทยๆเยอะมากกกก แบบอยู่รอดแล้ว
แล้วเราก็ได้คุยกับรุ่นพี่ในแชทถามเรื่องสมัครงานร้านอาหารไทย เค้าก็แนะนำร้าน เราก็เลยกะว่าพรุ่งนี้ไปเปิด bankแล้วก็จะเลยไปสมัครงานดูเลย
ตอน 3 ลุงเบนจามินผู้ใจดี+สมัครงานร้านอาหารไทย
มาเปิด bank ได้แล้ว เปิดไม่ยากมาก สิ่งที่ต้องใช้ก็คือ 1.passport 2.BRP card 3.Bank letter ซึ่งต้องไปขอจาก student's info hub ของมหาวิทยาลัย ก็แค่เดินไปบอกเค้าว่าต้องการ bank letter ก็ได้มาด้วยความรวดเร็ว ตอนเปิด bank ก็ไม่มีอะไรมาก เค้าก็จะเช็คเอกสาร มีวิดีโอเกี่ยวกับรายละเอียดและกฎต่างๆ ให้ดูประมาณห้านาที แล้วก็สอบถามข้อมูลต่างๆให้เรากรอกนู่นนี่ในคอม รวมๆก็ประมาณ 1 ชั่วโมง ลุงที่ทำให้เราใจดีมากก็คือลุงเบนคนเดิม ระหว่างทำบัญชีเค้าก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ เค้าบอกว่าภรรยาเค้าก็มาจากไทยนะ มาจากสัตหีบ เราก็เลยบอกลุงว่าเนี่ยๆหนูก็มาจากชลบุรีเหมือนกันนะคะ มาจากศรีราชา แล้วเหมือนคุยกันถูกคอ ลุงเค้าก็ถามว่าเนี่ยจะมาเรียนอย่างเดียวเลยป่าวหรือจะทำงานด้วย เราก็บอกอยากทำพาร์ทไทม์อยู่เหมือนกัน เท่านั้นแหละลุงแกก็โทรหาภรรยาให้เราทันที ให้แนะนำร้านอาหารที่ควรไปสมัคร แล้วก็สถานที่ต่างๆที่มีคนไทย ลุงบอกว่าเนี่ย มาอยู่นี่มี connection ไว้เยอะๆดี เราก็คุยกับภรรยาเค้าชื่อพี่นุช ใจดีมากก เค้าก็แนะนำเรื่องต่างๆ แล้วก็บอกว่า ถ้ามีปัญหาไรก็โทรมาได้ตลอดนะ พอเปิดบัญชีเสร็จแล้วลุงยังบอกทางไปร้านอาหารไทยใกล้ๆนี้ให้อีกให้เราลองไปสมัครดู ดีใจมากที่เจอคนน่ารักแบบลุงเบน มีน้ำใจมากๆ
จากนั้นเราก็ลองไปสมัครงานที่ร้านอาหารชื่อร้านบ้านไทย อยู่ที่ ถนน rose street แถวๆย่านช้อปปิ้งของที่นี่ พอเราไปก็มีคุณยายดูท่าทางใจดีถามว่าเรามาทำอะไร เราก็บอกว่ามาสมัครงาน เค้าก็ให้เราไปรอ ร้านเป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก ตกแต่งไสตล์ไทยๆ ดูอบอุ่น เป็นกันเอง พี่ๆในร้านยิ้มแย้มใจดี วันนี้เหมือนเค้ากำลังยุ่งกับการจัดร้านใหม่ พี่เจ้าของร้านก็เลยบอกให้เรามาอีกทีวันพรุ่งนี้ตอนเย็นได้ไหม เราก็ตอบตกลง
วันถัดมาเราก็ไปที่ร้านตามเวลานัด พี่เค้าก็ถามประวัติเราคร่าวๆ มาเรียนอะไร มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เค้าก็บอกความจริงช่วงนี้ที่ร้านจะเงียบๆ แบบไม่ใช่ high season แล้วก็มีพนักงานอยู่แล้ว เราก็บอกเค้าว่าไม่เปนไร ถ้าพี่มีงานค่อยเรียกหนูก็ได้ แล้วพี่เค้าก็ทำท่าคิดๆ แล้วก็ถามว่าเราสู้งานหนักไหม เราก็บอกว่าสู้ค่ะ เค้าก็บอกรายละเอียดเรื่องค่าจ้างคร่าวๆว่าทำงานตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงร้านปิด จ่ายเป็นวัน วันละ 30ปอนด์ โอเคมั้ย เราก็โอเค อยากหาประสบการณ์อยู่แล้ว เค้าก็เลยให้ชุดไทยที่เป็นยูนิฟอร์มร้านมา แล้วก็บอกพุธหน้าให้มาเทรนงาน เราก็งงๆ สรุปว่าเค้ารับแล้วใช่ไหม5555 แต่ก็ดีใจมาก วันมะรืนก็เปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นๆ ไว้จะมาอัพเดทว่าเป็นไงนะ:
แล้วพบกันครับ