Title: After School
Rating: PG
Fandom: The Gifted
Categories: M/M
Relationship: Pang/Wave
Characters: Pang, Wave
Note:
––––––––––––––––––––
After School
Pang/Wave
เข็มยาวของนาฬิกาพกหน้าตาโบร่ำโบราณไม่เข้ากับเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่น่าจะนิยมใช้นาฬิกาดิจิทัลมากกว่าบอกเวลาใกล้ห้าโมงเย็นเต็มที วสุธรมองมันแล้วถอนหายใจ ดวงตากลมรีใต้กรอบแว่นกลอกไปมาด้วยความหงุดหงิดใจขณะเก็บนาฬิกาเข้ากระเป๋าเสื้อนักเรียนที่สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวแก่
พอเห็นท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีชมพูอมส้มก็ยิ่งนึกอยากสาปส่งคนที่นัดไม่เคยเป็นนัด ถึงจะรู้ว่าห้องแปดเลิกช้ากว่าห้องอื่น ๆ ก็เถอะ แต่นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง
เด็กหนุ่มพิงร่างกับลังไม้บนดาดฟ้าของอาคารเรียนที่กลายเป็นที่ประจำของเขากับไอ้เด็กห้องแปดคนนั้น เหลือบมองสิ่งที่พิงอยู่ตรงระเบียงปูนข้างตึกที่พวกเขาชอบขึ้นไปนั่งเล่นอย่างไม่กลัวตกแล้วก็นึกขำ
ชั่วชีวิตของวสุธร เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้ใช้เวลาเหมือนเด็กมัธยมทั่ว ๆ ไปอย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้
นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
เขาได้เรียนรู้ที่จะมีเพื่อน เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหาคนอื่น ๆ และไว้ใจคนอื่นบ้าง
ได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนทำเรื่องโง่ ๆ ไปจนถึงเรื่องแผลง ๆ แบบที่คนอื่นไม่น่าจะทำ แต่มันก็ล้วนสนุกและเป็นความทรงจำที่ดี
ที่สำคัญ...
ประตูดาดฟ้าเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เท้ามือกับหัวเข่าทันทีที่สบตากับเขา ท่าทางเหนื่อยหอบของอีกฝ่ายทำให้วสุธรลงมายืนที่พื้นแล้วเดินเข้ามาหา ปรายตามองอย่างหยามเหยียด
“มาสาย”
“ก็ครูปล่อยช้า”
เขาเหลือบมองเข็มที่เขียนว่า VIII ของอีกฝ่ายแล้วแค่นเสียงในคอ เกลียดไอ้ระบบบ้าบอนี่จริง ๆ ถึงมันจะทำให้พวกเขาได้อภิสิทธิ์มากมาย แต่ก็ทำให้คนบางกลุ่มโดนกันออกจากทรัพยากรของโรงเรียนด้วย
ระบบที่โคตรจะไม่ยุติธรรม
“วันนี้ไม่มีคลาสกิฟต์หรือไง”
อดีตนักเรียนห้องกิฟต์ที่ปัจจุบันทำตัวไม่รู้เรื่องอยู่ห้องแปดเงยหน้ามาถามเขาอย่างสงสัย วสุธรเห็นเหงื่อที่อาบหน้าอีกฝ่ายแล้วเริ่มรู้สึกผิด
“ทำไมเหงื่อออกขนาดนี้ มึงไปทำอะไรมา” เขายื่นทิชชู่ให้อีกคนซับหน้า
“โดนให้วิ่งรอบสนามเพราะสอบคณิตตกอีกแล้ว”
“…ไอ้โง่”
ปวเรศขมวดคิ้วใส่เขา “จ้า พ่อคนเก่ง คนฉลาด”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ไหน เก่งนักก็ทำให้ดูหน่อยว่าที่สอน ๆ ไปนี่ได้บ้างหรือยัง”
คำพูดนั้นทำเอาวสุธรสะดุ้ง เขามองตามสายตาปวเรศที่ทอดมองสิ่งซึ่งพิงอยู่กับระเบียงปูนมาโดยตลอด ก่อนคนมาใหม่จะเป็นฝ่ายเดินนำไปหยิบมันขึ้นมา
สเก็ตบอร์ด
อภินันทนาการโดยปุณณ์ ทวีศิลป์ ที่ให้ยืมมาซ้อมเล่น แชมป์ตอนนี้แน่นอนว่านอกจากปุณณ์ที่เก่งไปหมดทุกอย่างแล้ว ก็คือพัชมณที่ทักษะทางร่างกายเป็นเลิศกว่าใคร ๆ
ปวเรศอาจจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ก็พอเล่นได้
ได้มากกว่าคนอย่างวสุธรแล้วกัน
เพราะคำพูดท้าทายนั่นทำให้วสุธรรีบคว้าสเก็ตบอร์ดมาจากคนข้าง ๆ น้ำหนักของไม้กระดานยังหนักสำหรับเขาอยู่ ถึงจะรู้สึกว่าเบากว่าครั้งแรกที่จับก็ตาม เด็กหนุ่มวางมันลงบนพื้นดาดฟ้า เหยียบเท้าซ้ายลงบนกระดานให้มั่น แล้วใช้เท้าอีกข้างดันตัวไถลไปข้างหน้าช้า ๆ
ความรู้สึกไม่มั่นคงที่ขาซ้ายทำเอาใจร่วงวูบจนเผลอใช้ขาขวาเหยียบพื้นเพื่อทรงตัวทั้งที่ยังไปไม่ถึงไหน ท่าทางนั้นทำให้คนที่ดูอยู่หลุดขำ
“ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม”
“ไอสัส” วสุธรรีบประท้วง “ใครมันจะไปเก่งได้ในวันสองวันวะ”
“จ้า ๆ” ปวเรศกลั้นขำจนเห็นลักยิ้มบุ๋มสองข้าง น่าหมั่นไส้นัก “มานี่มา ลองอีกรอบ”
ปวเรศสอนพื้นฐานการวางขาให้เขาอีกครั้งอย่างช้า ๆ เสมือนวสุธรเป็นเด็กสามขวบที่ไม่ประสีประสา แต่เขาก็ไม่ได้โกรธมันสักนิด แม้จะทำท่าเหมือนพร้อมจะด่าตลอดเวลา แต่ลึก ๆ แล้ววสุธรกลับรู้สึกดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
อีกสิ่งสำคัญที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้มี สิ่งที่เหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป
“จับมือกูไว้ก่อนนะ”
ปวเรศยื่นมือมาเป็นหลักให้เขายืนบนกระดานได้อย่างมั่นใจ
แม้จะขึ้นมายืนบนนี้แล้ว ส่วนสูงร้อยแปดสิบนิด ๆ ของเด็กห้องแปดก็ยังสูงอยู่ดี ระดับสายตาที่เปลี่ยนจากเงยหน้าคุยมาเป็นเกือบเท่า ๆ กันทำให้วสุธรอดจ้องมองนัยน์ตาคู่ตรงข้ามไม่ได้
ปวเรศเลิกคิ้ว “อะไร”
“…อย่าใช้ศักยภาพกับกูนะ”
มันหัวเราะ “ระแวงอะไรเนี่ย”
วสุธรหลบสายตากลับไปสนใจที่กระดานตรงเท้า ทั้งที่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
การมีความรัก
สิ่งที่วสุธรไม่คิดเลยว่าคนอย่างเขา--พ่อมดไอทีที่มีปัญหาเรื่องการเชื่อใจคน ซ้ำร้ายยังสนใจแต่เรื่องของตัวเอง มาวันนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่คิดว่า ตอนหลังเลิกเรียนจะได้ใช้เวลาทำอะไรโง่ ๆ กับคนอย่างปวเรศ
เขาบีบมือใหญ่ที่อาสาเป็นหลักยึดไว้แน่น ด้วยความตื่นเต้นกับการเล่นสเก็ตบอร์ด และความตื่นเต้น...ที่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้อีกครั้ง
ใกล้จนเห็นร่องลักยิ้มของอีกฝ่ายชัดเจน
“…ถ้ามึงไม่ขยับ เราจะยืนแบบนี้กันจนมืดเลยนะ เวฟ”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะลองทำตามที่อีกฝ่ายสอนอีกรอบ
ใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดวสุุธรก็ทำท่าพื้นฐานง่าย ๆ ได้แล้ว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ภูมิใจด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกอย่างก็คือ
“เก่งมาก”
“…รู้แล้วน่า”
เวลาโดนคนที่ชอบชมมันชวนให้รู้สึกดีกว่าปกติเสียอย่างนั้น
พอได้ลองเล่นจนพอใจ พวกเขาก็กลับมานั่งที่ลังไม้เหมือนเดิม การออกกำลังกายแบบนี้เหนื่อยกว่าทำงานหน้าคอมเป็นเท่าตัว สำหรับพ่อมดไอทีอย่างวสุธรแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเมื่อยเนื้อตัวอย่างมาก
“เดี๋ยวก็ชินน่า” ปวเรศว่า “นั่งหน้าคอมนาน ๆ เดี๋ยวปวดหลังนะ”
“เพิ่ง 17 ไหมวะ”
“ใครจะรู้ล่ะมึง เกิดมันสะสมไป พอแก่ตัวกว่านี้จะแย่เอานะ”
“ตอนนั้นก็หาร้านนวดดิ”
ปวเรศที่กำลังดื่มน้ำส่ายหน้าขำ ๆ ก่อนจะวางขวดน้ำแล้วเดินมายืนด้านหลังเขา
สองมือวางบนไหล่
วสุธรสะดุ้งเฮือก หันไปมองอย่างไม่ไว้ใจ
“จะทำอะไร”
“อยู่เฉย ๆ ดิ”
“จะทำอะไร”
“นวดให้” ปวเรศว่า ขณะกดน้ำหนักมือลงบนไหล่ของเขา “พอใจยัง? ”
วสุธรกะพริบตาปริบ ๆ แล้วไม่เถียงอะไรอีก
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ ขณะที่แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงแรงกดจากปลายนิ้วมือของอีกคน เด็กหนุ่มหลับตาพริ้ม รู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะทิ้งตัวลงนอน
“สบายเลยดิ” เสียงทุ้มว่า “บอกเลยว่ากูนวดเก่งสุดแล้วในบ้าน”
“ไว้ตอนทำงานกูจะจ้างมึงให้มานวดให้อีก”
ปวเรศหัวเราะ
“คิดค่าตัวแพง ๆ ดีกว่า อย่างมึงน่าจะหาเงินได้เยอะอยู่”
“เท่าไหร่กูก็จ่ายได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าจะให้มึงมาหาอะ”
วสุธรโพล่งออกไป ปวเรศชะงัก ก่อนจะนวดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในที่สุดปวเรศก็ใช้สันมือทุบเบา ๆ ที่หลังของวสุธรเป็นสัญญาณว่าเสร็จสิ้นการนวดแล้ว วสุธรถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
“พรุ่งนี้มีคลาสกิฟต์”
“อ่าฮะ”
“ไว้ซ้อมสเก็ตบอร์ดนี่วันหลังแล้วกัน”
ปวเรศพยักหน้ารับ “งั้นพรุ่งนี้หลักเลิกคลาสกิฟต์ มึงก็ว่าง? ”
วสุธรทำหน้างง
“ทำไม”
“ไปเล่นเกมที่ห้องมึงได้ไหม”
คนโดนขอเข้าห้องอึ้ง
“…มาทำไม”
“อ้าว ก็นึกว่ามึงหาเรื่องเจอกูทุกเย็น”
“…”
“…ไม่ใช่หรือไง”
“…”
วสุธรผุดลุกจากที่นั่งทันที
“ไปก่อนนะ”
เขารีบร้อนเดินลงจากดาดฟ้า ขณะได้ยินเสียงไล่หลังมา
“ไว้พรุ่งนี้กูไปเคาะห้องมึงนะเวฟ~”
พ่อมดไอทีนึกอยากมีพลังแบบเจ้าโอมเพี้ยงขึ้นมาก็ตอนนี้
ตอนที่รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า เมื่อนึกได้ว่า ปวเรศรู้ทันเขาอีกแล้ว รู้ทันเขามาตลอด
ไอ้เหี้ยแปง
ขอถอนคำพูดที่บอกว่ามันเป็นไอ้โง่ห้องแปด เพราะวสุธรรู้ดี คนอย่างปวเรศห่างไกลจากคำว่าโง่มากนัก
FIN
210410
ห่างหายไปนาน ยังไม่ได้ต่อฮานะฮากิเลยค่ะ ขอข้ามคิวมาอันนี้ก่อน เพราะช่วงนี้คิดเพลงนี้มาก ๆ แล้วพอไปอ่านคำแปลก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันน่าเอามาเขียนจัง 555
ช่วงนี้สถานการณ์โรคระบาดไม่ดีขึ้นเลย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน ;-;
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
A Week Before Valentine
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in