จบตั้งแต่ 15 พฤษภาคมแล้วค่ะ 555
อยู่ในช่วงตระเวนหางาน หลีกเลี่ยงงานล่ามสุด ๆ เลย แต่ดูเหมือนชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบหรือมีนกบินมาร้องเพลงให้กำลังใจ จิ๊บจิ๊บ เราก็ต้องสู้กันไป ทางบ้านเรา ป้า ๆ ลุง ๆ พี่ ๆ รวมถึงท่านแม่ประกาศแล้วว่าอยากให้เราเรียนครูต่ออีกปี โอ้ คุณพระ เราไม่อยากเป็นครู
อาชีพครูถือว่าเป็นอาชีพที่ดี มั่นคง และถ้าเราสอนได้ดีจะผลิตเด็กที่มีคุณภาพอีกมากมาย แต่เรารู้ตัวดีว่าเราทำไม่ได้ อีกประการหนึ่งก็คือ เราเคยเป็นนักเรียนมาก่อน ดังนั้นเราจะรู้ว่าถ้าครูสอนไม่ดี จะถูกนักเรียนว่ายังไง แถมเด็กในสมัยนี้ค่อนข้างมีความเป็นตัวเองสูง เก่ง เราคิดว่า เรารับมือไม่ได้แน่ ๆ
เรามีข้อตกลงกับแม่ว่าถ้าหางานไม่ได้ภายใน 2 เดือน ต้องทำงานในโรงงานเป็นพนักงานรายวันไปก่อน เก็บเงินแล้วเรียนต่อปีหน้า ตามประสาเด็กอย่างเราที่ไม่อยากเสียโอกาสในการทำงานละเนาะ เราก็ปฏิเสธเรื่อยมา แต่เราหมดกำลังใจในการหางานเพราะแม่เอาแต่ย้ำ ๆ ไซโคให้เราทำงานพนักงานรายวันไปก่อน แล้วไปเรียน มันไม่สายหรอก หือ จริงหรือ?
ใช่ ในสายตาบางคนอาจจะไม่สาย แต่ในสายตาเรา มันสายมาก เราต้องรีบหางานที่มั่นคงเพื่อมาแบ่งเบาภาระของทางบ้าน บางคนอาจถามว่า
แล้วพนักงานรายวันไม่ดีตรงไหน?
เราไม่ได้ว่าไม่ดี แต่วิชาที่เราเรียนมาหลายปีจะหมดความหมายไปเลย อีกอย่าง เราเคยทำงานแบบพนักงานรายวันในบริษัทคากิลล์ ช่วงปิดเทอม 6 เดือน เราเลยรู้ว่ามันหนักและเหนื่อยขนาดไหน เป็นหวัด 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ นอนไม่พอ โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนกะ ถ้ามีโอก็ได้เงินมาก ถ้าไม่มีโอก็ได้เงินน้อย เราสัมผัสมาแล้ว แม่เองก็ทำงานแบบพนักงานรายวัน เราเห็นแม่เหนื่อยทุกวัน จิตใจเรามันควบคุมเราไปแล้วว่า อย่านะ อย่า
จริง ๆ มีเรื่องดราม่าเยอะกว่านี้มากเลย ชีวิตเราถ้ามี 100 ส่วน 85 ส่วน คือ ส่วนที่แม่ควบคุม ที่เหลือคือชีวิตเราเองที่ทำอะไรต้องขอแม่ก่อนอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตัดผม แม่เราไม่ให้ตัดเพราะจะเกล้าผมในวันรับปริญญาไม่สวย เราไม่เคยคิดเรื่องนี้ ในชุดครุยทุกคนสวยได้ทั้งในผมสั้นและผมยาว แต่สุดท้ายเราก็ต้องตามใจแม่ มันทำให้เราแทบอยากเอาหัวพุ่งขนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่างมันเถอะเนาะ รับปริญญาเมื่อไรค่อยตัดก็ยังไม่สาย ถ้าไม่เสียดายก่อนนะ ฮ่า ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in