เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Friendly WindMister Tok
“ไมตี้ควีน-มายา-ผู้หญิง” อหังการของดอกไม้ร็อกเมืองไทย


  • “สตรีมีสองมือ มั่นยึดถือในแก่นสาร

    เกลียวเอ็นจักเป็นงาน มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ

    สตรีมีสองตีน ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน

    ยืดหยัดอยู่ร่วมกัน มิหมายมั่นกินแรงใคร”


    นี่คือบางส่วนของบทกวี “อหังการของดอกไม้” ของกวีซีไรต์ในดวงใจ จิระนันท์ พิตรปรีชา บ่งบอกความเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ ทรงพลังไม่แพ้ผู้ชายในทุกเรื่อง…


    เรื่องดนตรี คีตา เวหาจักรวาลก็เช่นกัน


    ผู้หญิงกับร็อกไทย ถ้านึกไว ๆ ก็ไม่พ้น “พี่ปุ๊-พี่แหวน-พี่เอ๋ นรินทร-พี่มิเกล-พี่อรอรีย์-พี่ทราย ฟาเรนไฮท์-แม่ช่า-แม่ใหม่” นั่นแหละ ตัวฮิตอมตะตลอดกาลเลย


    หรือถ้าเป็นวงป๊อปร็อกหญิงล้วนที่เริ่มแมสในยุค Y2K (ยุคแรกดิจิทัลดาวน์โหลดทางมือถือกับแผ่นผีสองค่ายที่รู้กัน) อย่าง บูโดกัน (ศิษย์เอกแห่งจีนี่และห้องอัด Polar Bear) ซินญอริต้า (เจ้าของ One Hit Wonder “Miss Call”) BADZ (เจ้าของ One Hit Wonder “ไม่ขอเป็นคนสุดท้าย”) หรือถ้าเป็นยุคนี้ก็ ALIZ ซึ่งวงนี้แหละพ้มเมนพี่บุ๊ค (มือกีตาร์ที่ออกช่องยูทูบบ่อย ๆ)และพี่ตาล (มือกลองสาวแว่นตั้นล้าก) น้องลูกหวายก็เช่นกัน


    แต่ถ้าย้อนไปในยุค 80s ยุคที่เพลงไทยเริ่มผลิบาน (กับสังคมสุขนิยมโชติช่วงชัชวาล) นอกเหนือจากสตริงบูติกที่ผมไม่อาจยกตัวอย่างวงได้ เพราะถ้าเอ่ยไปน่าจะรู้จักกันดีแน่ ๆ ก็ยังมีความหนักแน่นของเพลงร็อกที่เรียกกระแสวัยรุ่นแซงทางโค้ง (นำมาซึ่งช่วงระยะแผ่วปลายสตริงออดอ้อนเดิม ๆ ในช่วงปี 30-33) นำหัวหอกโดยพี่ป้อมพี่โต๊ะ และวงไมโคร หรือพี่อิท พี่เอกธเนศ (เจ้าสัวคณิน) พี่ตั้ม (ซึ่งสลัดภาพ 18 กะรัตทั้งตัวโดยเบ็ดเสร็จที่สุขุมวิท 69) พี่อ๊อฟ พี่บิลลี่ แล้วก็มาทะลักจุดแตกกับดิโอฬารชุดหูเหล็ก และ ไฮร็อค คนพันธุ์ร็อก เท่านั้นแหละ วงการร็อกไทยเปิดฟ้ากว้างโดยสมบูรณ์


    กลับกันของฝั่งเพศแม่ ก็มีวงร็อกหญิงที่ออกมาสร้างผลงานในยุคเดียวกันมาแชร์ส่วนแบ่งตัดเลี่ยนสตริงลูกกวาดเช่นกัน โดยนำร่องจากวงของแกรมมี่ยุคแรกสุดช่วงปี 27-28 อย่าง “หวานเย็น” ที่เพลงออกมาในโทนป๊อปร็อกสตริงทั่วไปในเวลานั้น


    ถ้านึกภาพนี้ไม่ออก ให้นึกถึงเรากินวาฟเฟิลไก่ทอดแล้วจบด้วยไอติมโคนรสช็อกมินต์ (ไม่ก็สตรอว์เบอร์รี่ คุกกี้แอนด์ครีม / นานิ กะ สุกิเลยเชียว) นั่นแหละฮะ จึงเป็นที่มาของบทความแกะรอยประวัติศาสตร์ร็อกไทยที่เกือบจะถูกลืม แน่นอน บางคนในยุคเดียวกันอาจจะหลงลืมกับพวกเธอ 3 วงร็อกหญิงเหล่านี้ “ไมตี้ควีน-มายา-ผู้หญิง”


    ซึ่งคือความอหังการของดอกไม้ร็อกเมืองไทย!!!


    Disclaimer:

    1. บทความนี้ไม่ใช่บทความวิชาการ อาจจะมีบรรณานุกรมน้อย ๆ บ้าง (มั้ง) แต่ไม่มีข้อมูลล้างลิ้นคอยเลียปะปนแน่นอน

    2. ข้อเขียนรีวิวเพลงในบทความนี้ เป็นมุมมองส่วนบุคคลของเท่านั้น ซึ่งมีเสริมแรงจากข้อเขียนจากหนังสือเก่าในยุคนั้นเช่นกัน “นานาจิตตัง ถูกผิดคิดต่างแลกเปลี่ยนได้ไม่ว่ากัน”

    3. จริง ๆ มีดีเทลเรื่องวันเดือนปีเกิดสมาชิกวงด้วย (ไม่ได้โมเม แต่ได้มาจากกองนิตยสารวัยรุ่นในหอสมุดแห่งชาติ เทเวศน์ ข้าง ๆ สวน ม.สุนันทา) แต่นึกได้สองอย่าง หนึ่ง “รายการ Guess My Age โดนเช็ดไปเป็นชาติแล้ว เช็ดในช่วงโควิดอาละวาดอีกต่างหาก” และสอง “เรามีกฎหมาย PDPA บัญญัติไว้ ถ้าผู้เขียนโดนข้อหานี้ทีมุกคนหัวหมอสุดซู้ดดด…ก็ไม่ช่วยอะไร” ฉะนั้นแล้ว ก็เหมือนกับวงสตริงวงหนึ่งบอกไว้ชัดเจน “สื บ เ อ า เ อ ง”...ก็นั่นแหละครับ

    4. ขอยืนยันว่าบทความนี้ปราศจากการใช้ Generative AI ในการเขียนเนื้อหาและขัดเกลาภาษา เน้นถ้อยคำนายดิบดิบ แต่จริงใจซะอย่าง ประสาคนพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

    5. ข้อนี้สำคัญที่สุด “จงรักและชื่นชอบอดีตอย่างมีสติ”


    “ยาธาตุนักเลง…พร้อม!!!”


    -




    1. ไมตี้ควีน (Mighty Queen)



    วงร็อกชื่อนี้ยังไงก็ขึ้นชื่อความอหังการ์ของราชินีจอมพลังแล้ว วงนี้มีจุดเริ่มต้นของมือเบสสาวราม อ้อย-เยาวลักษณ์ ขีดบุญมา หาเพื่อนร่วมวงเล่นดนตรีผ่านการเดินทักหน้ารามยังหลังรามบ้าง จนได้เพื่อนร่วมวงอีก 3 คน นั่นคือ อี๊ด-เอื้อมเดือน เขียนเอี่ยม มือกลอง ตุ่ม-เยาวลักษณ์ จั่นเพชร มือคีย์บอร์ด และ ตุ๊ก-วรัชยา พรมหสถิต มือคีย์บอร์ดอีกคนเช่นกัน (แต่คนหลังสุดนี่คุ้น ๆ นะฮะ)


    โดยสี่สาวเริ่มออกทัวร์คอนเอร์ตที่สิงคโปร์ มาเก๊า และมาเลเซีย จนได้สมาชิกใหม่เมื่อกลับมาเมืองไทย เปิ้ล-มาริสา สอนจรูญ มือกีตาร์และนักร้องนำ ซึ่งการได้สมาชิกเสริมทัพครั้งนี้จึงกลายเป็นวง “ไมตี้ควีน” ที่ได้ออกผลงานกับค่าย ซาวด์สเกล (ค่ายของทีมเพลงพี่แต๋ม ชรัส พี่ตุ่น พนเทพ) เมื่อปี 2530 ภายใต้การควบคุมงานเพลงโดยกลุ่มดนตรีหัวก้าวหน้า “บัตเตอร์ฟลาย” แน่นอน โปรดิวซ์โดยโยธิน ชีรานนท์ และปู่เขียวของเรา ลุงอ้อง-สุรสีห์ อิทธิกุล พร้อมกับทีมงานคุณภาพดังต่อไปนี้



    โยธิน ชีรานนท์ : โปรดิวเซอร์ / ทำนอง-เรียบเรียง / มิกซ์ดาวน์

    สุรสีห์ อิทธิกุล : โปรดิวเซอร์ / ทำนอง-เรียบเรียง

    มรุธา รัตนสัมพันธ์ : คำร้อง

    จิรพรรณ อังศวานนท์ : คำร้อง-ทำนอง-เรียบเรียง

    พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา : ทำนอง-เรียบเรียง

    อนุวัฒน์ สืบสุวรรณ : ทำนอง-เรียบเรียง

    กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา : ทำนอง-เรียบเรียง

    โสฬส ปุณกะบุตร-กรเณศร์ วสีนนท์-ต่อพงษ์ สายศิลป์-วงศกร รัศมิทัต : ซาวน์เอนจิเนียร์


    เปิดหัวอัลบั้มด้วยเพลงมัน ๆ อย่าง “รักแผดเผา (คำร้อง: มรุธา รัตนสัมพันธ์  ทำนอง/เรียบเรียง: โยธิน ชีรานนท์)" เปิดด้วยความเดือดเหมือนประตูโกดังเปิดออก ต้อนรับชาวร็อกด้วยเอฟเฟคไฟและระเบิดเต็ม ๆ “คนเยอะคนแยะ” เพลงแนวป๊อปร็อกเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมร้อยพ่อพันแม่ที่ต้องเรียนรู้ ยอมรับ ปรับตัว (ฟังจากภาคดนตรีด้วยกลองไฟฟ้า Yamaha RX5 ที่หนักแน่นอยู่ และเสียงทอมไฟฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เบานิด ๆ เมื่อเทียบกับ Roland TR-707) 


    “เก็บ...น้ำตา (คำร้อง บุษบง ปรีชานนท์ - ทำนอง/เรียบเรียง : กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา)” เพลงแนว Soft Rock ที่บ่งบอกความเจ็บปวดของนางฟ้าขาโจ๋อกหัก เจ็บแล้วจำไหมล่ะ เป็นร็อกหวาน ๆ เหมือนกินช็อกโกแลตแอลฟี่หน้าร้านชำคุณป้าหลบฝนเลย แล้วกลับมามันต่อด้วย “อยากจะมีหัวใจ” ฮาร์ดร็อกสไตล์ญี่ปุ่นแบบวง Show Ya พร้อมกับไลน์คีย์บอร์ดสุดมัน ปรับอารมณ์ด้วย “วันฟ้าหม่น” เพลงเศร้าสไตล์ปั่น-ชรัส ลูกกรุงกลิ่นฮ่องกงเบา ๆ เหมือนฟังสาว สาว สา่ว พี่เอ๋พัณนิดา ในยุคแรก แต่มาในแนวบัลลาร์ดอกหัก


    “ขอมอบบทเพลง (คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง : จิรพรรณ อังศวานนท์)” บทเพลงจากอิสซึ่นนี้พวกเธอก็เอามาร้องใหม่ สมกับเป็นเสมือนเพลงชาติของทีมดนตรีขยับปีกในตำนานจริง ๆ “ได้ยังไง” เพลงแนวดิสโก้นิวเวฟที่ภาพของคุณยายโอลิเวีย Physical ลอยมาในหัวเลย (แต่ก็ยังคงไว้ลายร็อกอยู่กับซาวด์กีตาร์ Rockman X100 ในตำนาน) “มีเหตุผลใด (คำร้อง: มรุธา รัตนสัมพันธ์  ทำนอง/เรียบเรียง: พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา)” เพลงกลิ่น Soft Rock มาอีกเพลง แต่พอมาฮุคนั่นแหละ ร็อกเลย ตามต่อด้วย “ให้ฉันเป็นฉัน” ที่บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากเป็นหุ่นเชิดในความสัมพันธ์กันและกัน และปิดต้วยเพลงที่พี่ตุ๊กแต่งเนื้อเอง “บางที” พร้อมภาคดนตรีโดยปู่เขียว (ลุงอ้อง สุรสีห์) เป็นเพลงที่เหมือนลาโรงก่อนจบคอนเสิร์ต พร้อมสลัดความทุกข์ใจไปกับพวกเธอทั้งบั้มเลย




    ถึงแม้จะได้ทีมงานดนตรีที่เข้าใจความเป็นร็อกในเมืองไทยมาช่วยหนุนหลังให้ แต่ผลตอบรับออกมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เหมือนเรากินร้านเบอร์เกอร์เนื้อร้านเปิดใหม่ข้างบ้าน ที่แม้คนทำจะมีดีดาวมิชลินสามดาวหรือได้คำชมหลายสำนัก แต่มันกลับไม่เข้ากับปากลิ้นฟันของเราเลยซะงั้น เช่นซอสคอกเทลเปรี้ยวเหมือนกินน้ำส้มสายชู เนื้อและขนมปังเลี่ยนเกินไปหน่อย แถมน้ำเปล่าก็ปะแล่ม เฮ้อ


    ไมตี้ควีนจึงแยกย้ายไปเรียบร้อยโรงเรียนบัตเตอร์ฟลายเลย โดยพี่ตุ๊ก วรัชยา กลายเป็นนักแต่งเพลงประจำแกรมมี่ในเวลาต่อมา สร้างเพลงฮิตที่อยู่ในใจเด็กเทปนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น พรุ่งนี้ไม่สาย (ทาทา ยัง) ห่วงใย (เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์) ฉันรู้ (โบ สุนิตา) ขอเป็นคนของเธอ (โบ สุนิตา) ใจหายไปเลย (MR.TEAM) รักไม่ช่วยอะไร (นัท มีเรีย) เรื่องขี้หมา (Y NOT 7) รักแท้มีแค่ครั้งเดียว (อินคา) อย่าให้เขารู้ (มิคกี้ ฯ) ถ้าเด็กยุค 90s กางปกเทปม้วนไหนแล้วเจอชื่อของพี่เขาคนนี้ เป็นรู้กันนะฮะเพื่อน ๆ


    -


    2. มายา




    วงร็อกวงนี้เริ่มต้นจากนักศึกษา ม.หอการค้าไทย รวมวงดนตรีหญิงล้วนชื่อว่า “อีฟ” ซึ่งฝึกหัดเล่นดนตรีผ่านการแกะตามเทป ชอบแนวไหนเล่นแนวนั้น เน้นใจรักและอาศัยความจำ ต่อมาได้ตระเวนเล่นดนตรีทั่วไทย โดยเฉพาะดิสโก้เธคชื่อดังแถวพัทยา Disco Duck จนกระทั่ง ยุทธ-ยงยุทธ คำยอด พนักงานของห้องอัดแถวคลองตัน แจม สตูดิโอ ได้ชักชวนพวกเธอออกผลงานเพลงในที่สุด 


    จึงกลายเป็นที่มาของ “เราด้วยกัน” อัลบั้มชุดแรกและชุดเดียวเมื่อปี 2530 ชายคาโคลิเซียม (เกษตร-นวมินทร์ในปัจจุบัน ใช่แล้ว อาร์เอส)



    ผมเคยเขียนรีวิววงนี้ไปแล้วเมื่อปีก่อนในฐานะอัลบั้มร็อกไทยลับแลที่ควรหามาฟัง แต่ผมจะเขียนรีวิวอีกรอบก็ได้ไม่ผิดกติกา วงนี้มีสมาชิกตัวขายอย่างพี่อ๋อย-ชมภูนุช ปฐมพร (น้องสาวพี่พรายผู้ชายคาดหน้า และไม่ได้มามือเปล่า) เป็นนักร้องนำ และมีกีตาร์ลีด อ้อย-อรสา สีบุญเรือง ควบคุมการผลิตโดย อ.ปราจีน ทรงเผ่า และมี อ.วิรัช อยู่ถาวร (ศิลปินแห่งชาติ) ร่วมทำดนตรีในอัลบั้มชุดนี้


    เปิดหัวด้วยเพลง Feminist อย่าง “วีรสตรี” ที่เทิดเกียรติท้าวสุรนารี จากปลายปากกาครูสีเผือก คนด่านเกวียน (ในปกเทปเครดิตเขียนว่า “อนันตทัศน์”) นี่แหละฮะ เมโลดี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของเสี่ยวอีสารนผู้ยิ่งใหญ่ ตามต่อด้วย “ไม่สำคัญ (คำร้อง/ทำนอง : ปราจีน ทรงเผ่า)” จากเสียงร้องของพี่อ้อย และโซโลฟลุตโดยพี่อุ๋ย-ศิริพร จินะณรงค์ เพลงรักที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่จริงใจเปิดเผย ด้วยเสียงร้องง่าย ๆ เหมือนกินช็อกโกแลตไมโลแท่งเลย “สิ้นหวัง (คำร้อง/ทำนอง : เสถียร สิงห์เจริญ)" เพลงเก่ายุคลูกกรุงโลลิต้าก็เอามาร้องใหม่แบบบาดใจ แม้ไม่คมเท่าอีโต้เขียงหมู แต่เอาเป็นกรรไกรร้านเครื่องเขียนแล้วกัน “วัยลุ้น (คำร้อง/ทำนอง : วิสา คัญทัพ)” เรื่องวัยรุ่นวุ่นวายถูกถ่ายทอดเป็นเพลงนี้แล้ว (แต่เสียงกลองไฟฟ้าเบาไปนิดนึง / ใช่ครับ ใช้กลอง Roland TR-707 สลับกับ Yamaha RX11 บางเพลง) แล้วก็มานิทานเพลงกับ “ลูกแกะกับจระเข้ (คำร้อง/ทำนอง : เรียม เลียบริมวารี)”


    จากนั้นมาเป็นเพลงที่ชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม “เราด้วยกัน (คำร้อง/ทำนอง : ปราจีน ทรงเผ่า)" เพลงบัลลาร์ดที่แกร่งพอเป็นอิมเมจซองของวง เมโลดี้สวยงามน่าฟัง “ทนต่อไป” เพลงที่สะท้อนความคนเหล็กของสังคมไทย (ผ่านไปจะ 40 เหมือนเดิมโอโจ้ด้วย เฮ้อ) “กลับบ้าน (คำร้อง/ทำนอง : ตึ๋งและโต้ง)” ที่สะท้อนชีวิตคนในเมืองใหญ่ที่อยากกลับบ้านเกิด ง่าย ๆ หลีกหนีความวุ่นวายนั่นเอง “ดอกไม้ข้างทาง (คำร้อง/ทำนอง : ปราจีน ทรงเผ่า)” เพลง Feminist อีกเพลงที่ผมชอบสุดในบั้มแล้ว ดนตรีหนักแน่นดี แถมขู่ท้าทายพวกค้ามนุษย์ได้สมกับร็อกเกอร์หญิงเลย แล้วปิดบั้มด้วย “อย่าลืม (คำร้อง/ทำนอง : ปราจีน ทรงเผ่า)” ด้วยเสียงร้องของ เม่น-วารุ กิติกังสดาล มือกีตาร์ของวง ที่เป็นเหมือนส่งท้ายคนตอนจบม้วนนั่นเอง




    เพลงทำได้ออกมาร็อกดี แค่เสียงร้องมีความยานคางแบบพี่น้องเมืองเลยไปนิด คอนเทนต์เนื้อร้องออกไปในทางคาราบาวผสมไมโคร มันก็โอเคอยู่ แต่ด้วยตัวขายหลัก ๆ ของฝั่งโคลิเซียมที่มีเรนโบว์ ฟรุ๊ตตี้ คีรีบูน พี่อิ๋วเพ็ญโพยม กระแสออกมาของวงนี้เลยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


    เหมือนเราจิบกาแฟชั้นดีที่เมล็ดพันธ์ุมาจากเมืองลับแล ที่ต่อให้จะคั่วเข้ม คั่วอ่อน คั่วกลาง รสชาติก็ไม่ถูกปากเท่าไหร่ เปรี้ยวจนลิ้นอี๋บ้าง ขมจนปวดหัวมึน ๆ ต่อให้เป็นลาเต้รสชาติก็ออกไปทางบอระเพ็ดที่เข็ดขม เบเกอรี่ล้างเลี่ยนพวกชิโอะปังก็ไม่ช่วยเท่าไหร่(มั้ง)…เรียบร้อยโรงเรียนเกษตรนวมินทร์เลย


    หลังแยกวง พี่อ้อย อรสาออกผลงานเดี่ยวในยุคอัลเตอร์ก่อนที่เธอจะออกเดินทางไกลครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2542 ส่วนพี่อ๋อยน้องสาวชายคาดหน้าเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหนึ่ง ทิ้งวงมายาไว้เป็นตำนานเท่านี้


    -


    “สตรีมีดวงตา เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่

    มองโลกอย่างกว้างไกล มิใช่คอยชม้อยชวน

    สตรีมีดวงใจ เป็นดวงไฟไม่ผันผวน

    สร้างสมพลังมวล ด้วยเธอล้วนก็คือคน”


    และทีนี้ก็มาถึงจุดไคลแมกซ์ของบทความตอนนี้แล้ว กับวงระดับตำนาน “วงผู้หญิง” ซึ่งสมาชิกของวงมีดังต่อไปนี้ 




    อรรัตน์ คงสุกิจ (อร) / หัวหน้าวง, คีย์บอร์ด

    รสสุคนธ์ ผลวิชา (รส) / ร้องนำ, กีตาร์

    จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (เเอ้ว) / ร้องนำ

    วาสนา ศิรธรรม (ติ้ง) / กีตาร์คอร์ด

    จินตนา บุญพิเศษ (ติ๊ก) / คีย์บอร์ด, เปียโน 

    จันทิมา เกียรตินันท์ (น้อง) / คีย์บอร์ด

    ธีรภรณ์ มานวกุล (กุ้ง) / เบส (ปัจจุบันเสียชีวิต)

    กิตติมา อรรถกิจบัญชา (เต่า) / กลอง


    เหตุเกิดจากช่วงปี 2528 จุดเริ่มต้นมาจากการที่ “ติ้ง-อร-รส” สมาชิกวงควีนสตาร์ออกจากวงไปตั้งวงใหม่ และรวมไลน์อัพมาเป็น 8 คน เล่นประจำที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี ซึ่งชื่อวงนี้มาจากการที่พวกเธอทั้ง 8 คนไปออกทีวีแล้วมีคนเรียกว่า “วงผู้หญิง” เพราะคนดูยังงงว่าพวกเธอคือวงอะไร จนทั้งวงลงมติว่าเอาชื่อนี้แหละ


    จนกระทั่งพวกเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงนอกที่ตั้งสาขาในไทยอย่างโพลิดอร์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2529 และได้ออกผลงานชุดแรกในปีเดียวกันในชื่อ “น้ำผึ้งหรือยาพิษ” ภายใต้แนวคิด “ผู้หญิงเป็นได้ทั้งสองแบบ หวานก็น้ำผึ้ง ขมก็ยาพิษ” นี่คืองานร็อกหญิงที่น่าฟังทั้งชุด น่าฟังยังไง เดี๋ยวผมจะรีวิวให้เลย




    ▪ น้ำผึ้งหรือยาพิษ

    ขับร้อง: รสสุคนธ์ ผลวิชา (รส)

    เนื้อร้อง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    ทำนอง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    เรียบเรียง: อุกฤษณ์ พลางกูร

    - เป็นเพลง Signature ของวง ที่ความรักไม่ได้สวยงาม แถมลอบทำร้ายเราอีกต่างหาก


    ▪ รักที่ใฝ่หา

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว)

    เนื้อร้อง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    ทำนอง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    เรียบเรียง: อิทธิ พลางกูร

    - นี่คือเพลงรักยุคดาวหางฮัลเลย์ (ฟังได้จากท่อน “ความรักของคนรุ่นใหม่) ฟังแล้วมีกลิ่นของ Chicago ยุคที่ลุง David Foster คุมงานให้


    ▪ โชคชะตา

    ขับร้อง: รสสุคนธ์ ผลวิชา (รส)

    เนื้อร้อง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์

    ทำนอง: อนุวัฒน์ สืบสุวรรณ

    เรียบเรียง: อนุวัฒน์ สืบสุวรรณ

    - ลายเซ็นทีมบัตเตอร์ฟลายชัดเจน ภาคเมโลดี้และภาษาสวยงามชวนฝันมาก สมแล้วที่อัลบั้มนี้มีคนเบื้องหลังมากฝีมือมาร่วมสร้างงานให้ (ลืมบอกไป อาอุกฤษณ์ พลางกูร เป็นโปรดิวเซอร์และผสมเสียงที่ห้องอัดแจมครับ)


    ▪ ศิลปิน...อยู่ที่คุณ

    ขับร้อง: รสสุคนธ์ ผลวิชา (รส)

    เนื้อร้อง: อริสมันต์ ประมวลทรัพย์ (อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง)

    ทำนอง: ชาตรี คงสุวรรณ

    เรียบเรียง: ชาตรี คงสุวรรณ

    - บทเพลงที่บ่งบอกวัฏจักรศิลปินในอุตสาหกรรมเพลง ใครใคร่ฟังใคร่เลื่อนผ่าน ประชาชนคือคนตัดสินใจ แน่นอน นี่คืองานแต่งเพลงยุคแรกของนักร้องอมฮอลล์ก่อนที่จะมาเป็นนักร้องดังในเวลาต่อมา และไลน์กีตาร์คือดุดันร็อกมาก


    ▪ อยากให้รู้

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว)

    เนื้อร้อง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    ทำนอง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    เรียบเรียง: อิทธิ พลางกูร

    - เพลงนี้ยืมทำนองเพลงอินโดนีเซีย madu dan racun (ซึ่งคนไทยจะคุ้นกับชื่อ Girl You Are My Love ของ Tokyo Square) ก็ฟังเพลินดี ประสาสตริงลูกกวาดซาวด์ห้องแจม


    ▪ เดือนเพ็ญ

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว) - หมู่

    เนื้อร้อง: อัศนี พลจันทร 

    ทำนอง: อัศนี พลจันทร

    เรียบเรียง: ปราจีน ทรงเผ่า

    - เพลงครูของเมืองไทย ดนตรีสวยงามมาก


    ▪ คำว่า....เพื่อน

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว)

    เนื้อร้อง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ 

    ทำนอง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์

    เรียบเรียง: มงคลพัฒน์ ทองเรือง 

    - เพลงสบาย ๆ น่าฟังเกี่ยวกับมิตรภาพวัยรุ่น


    ▪ ธรรมชาติ

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว)

    เนื้อร้อง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ 

    ทำนอง: ปราจีน ทรงเผ่า

    เรียบเรียง: ปราจีน ทรงเผ่า

    - เพลงนี้เป็นการตอกย้ำภาษาที่สวยงามของอาเขตต์อรัญ และเมโลดี้ที่สวยงามของ อ.ปราจีน


    ▪ คิดให้ดี

    ขับร้อง: จุฬาลักษณ์ พูลศิริกุล (แอ้ว) - หมู่

    เนื้อร้อง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ 

    ทำนอง: อนุวัฒน์ สืบสุวรรณ

    เรียบเรียง: อนุวัฒน์ สืบสุวรรณ

    - เพลงดีกับข้อคติเตือนใจ คิดก่อนทำ


    ▪ เฮโลสาระพา

    ขับร้อง: อรรัตน์ คงสุกิจ (อร) 

    เนื้อร้อง: รัฐรงค์ ศรีเลิศ

    ทำนอง: มงคลพัฒน์ ทองเรือง

    เรียบเรียง: มงคลพัฒน์ ทองเรือง

    - เพลงมัน ๆ จังหวะสนุกประสาวัยปาร์ตี้


    ▪ ไม่เคยแคร์

    ขับร้อง: ธีรภรณ์ มานวกุล (กุ้ง)

    เนื้อร้อง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    ทำนอง: ชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร

    เรียบเรียง: อิทธิ พลางกูร

    - เพลงนี้มีกลิ่นอายโปรเกรสชีฟเบา ๆ แสดงออกถึงความมั่นใจของคนเพศแม่เลย


    ▪ เบื่อ

    ขับร้อง: อรรัตน์ คงสุกิจ (อร) - หมู่

    เนื้อร้อง: เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ 

    ทำนอง: กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา

    เรียบเรียง: กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา

    - ปิดจังหวะด้วยความมันกลิ่นฮาร์ดร็อกเต็ม ๆ ถ้าเพลงนี้เอาไปให้พี่แหวนหรือพี่เอ๋นรินทรจากฝั่งอาคารวานิชก็ยังทำได้ กับเพลงเนื้อหาความรักหมดโปรนั่นแหละจ้า




    ชุดแรกก็เรียกเสียงฮือฮาและฝีมือการเล่นดนตรีที่โดดเด่นบทเวทีโลกดนตรี 7 สีคอนเสิร์ต โดยเฉพาะพี่รสสุคนธ์ กับกีตาร์ Ibanez Roadstar II อันโดดเด่น ถ้ากระแสมาแบบนี้ “มีเหรอจะไม่มีชุดสอง”




    ปี 2530 พวกเธอได้ออกอัลบั้ม “ไม่มีน้ำตา” ชายคามิวสิคไลน์ (ในเครือโรต้า บริหารงานโดยคุณทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม ซึ่งแยกตัวมาทำท็อปไลน์ไดมอนด์อยู่แล้วในเวลาต่อมา) ภาคดนตรียังป๊อปร็อกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสีสันที่มากขึ้น เริ่มจากเพลง “รักไม่รัก (Just Love and Be Loved)” ที่แหวกความใหม่ในมุมมองความรักวัยรุ่นยุคสุขนิยม (สังเกตได้จากเอ็มวีสีนีออนเลย) แม้เพลงนี้จะเอาเค้าโครงจาก Call Me ของวง Go West (ใครเล่น GTA Vice City ได้ยินเพลงนี้แน่ แค่ใครบางคนเคยแค้นฝังหุ่นภารกิจ ฮ.บังคับในตำนาน Demolition Man เท่านั้นเอง) แต่ภาษาที่เขียนโดยคุณจันทนีย์ อุนากูล ก็บ่งบอกความเป็นผู้หญิงชัดเจน ตามต่อด้วย “วันลา” ปลายปากกาของคุณปิยบุตร มีชูนึก เพลงบัลลาร์ดเศร้า ๆ ที่ยืมเค้าดนตรีจาก One Year of Love ของวง Queen ก็ร็อกดีนะ (สมัยนั้นการหยิบทำนองต่างชาติยังทำได้ แค่เพลงไหนจะโดนเขม่นลงแมกกาซีนก่อนกัน)




    นอกนั้นก็จะเป็นเพลงป๊อปร็อกซาวด์ห้องแจมที่ฟังได้เรื่อย ๆ อย่าง “ได้แต่หวัง” “แค่ถามดู” “นาฬิกา” “ไม่มีน้ำตา” ชุดนี้ทีมทำดนตรีคละกันไปตั้งแต่อาต๋อย Pink Panther อ.ปราจีน ทรงเผ่า และอาอุกฤษณ์ พลางกูร


    “หรือว่าเธอจะโดนอาถรรพ์หมายเลขสองซะแล้ว”



    ด้วยเหตุนี้เองปี 2531 จึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่โดยขายคุณรสสุคนธ์ให้ร้องทั้งชุดในอัลบั้ม “บันทึกร็อคหน้า 3” ภายใต้การคุมงานและมิกซ์ดาวน์ของพี่อิทธิ พลางกูร (ซึ่งตอนนั้นกำลังหุงขึ้นหม้อกับเพลง “เก็บตะวัน”) ด้วยภาพลักษณ์ของเธอที่มั่นใจขึ้นบนปกเทป เพลงชุดนี้เข้มขึ้นทั้งชุด น่าฟัง และบ่งบอกความเป็นร็อกเกอร์หญิงชัดเจน ฟังได้จากซาวด์เพลงชุดนี้ที่เป็นลายเซ็นห้องแจมตั้งแต่ปี 31-33 มีเพลงน่าฟังอย่าง “ถอนตัว” “สักวันเธอคงเจ็บ” “ล้มลุกคลุกคลาน” ทีมงานชุดนี้มีพี่หมูคาไลเล่นกีตาร์ ทีมแต่งเพลงมีพี่เสือ ธนพล พี่ติ๊ก-เทพนม สุวรรณบุณย์ อยู่ด้วย (น่าเสียดายที่ข้างหลังปกเทปไม่มีเครดิตว่าแต่ละเพลงใครแต่งบ้าง แบบว่าเพลงใครเพลงมัน มีแต่ชื่อเพลงและเนื้อเพลงเท่านั้นเอง)...แต่ก็ทำได้ดีที่สุดแล้ว



    ว่าไปเจอคลิปที่วงผู้หญิงเล่นสดในชุดสามก่อนแยกวง โคตรเท่ สะใจอีกต่างหาก


    หลังจากจบไตรภาควงผู้หญิง พวกเธอก็แยกย้ายตามเส้นทางของตัวเอง จริง ๆ ผมอยากเขียนต่อว่าพวกเธอไปทำอะไรมาก แต่ก็เกรงใจกฎหมาย PDPA มากกว่า


    การเดินทางของวงผู้หญิงทั้งสามชุด เปรียบเหมือนร้านนมข้างโรงเรียนที่เพื่อน ๆ ร่วมหุ้นคิดเมนู แต่พอสักพักเกิดอุบัติเหตุทางชีวิตระหว่างทางจนเหลือคนทำร้านคนเดียว แน่นอน รสชาติเมนูนั้น ๆ จากที่คุ้นปากก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย หรือต้องเรียกว่า “เธอไม่ใช่คนเดิม”


    “ผู้หญิงกับร็อกไทยน่ะ แข่งวาสนาลำบากเชียว…เมื่อเกือบ 40 ปีแล้วสินะ

    เสียงของเธออาจถูกลืม แต่ความทรงจำของเธอคือเพลงร็อก…ที่ไม่มีวันตาย”


    -


    บทส่งท้าย


    “สตรีมีชีวิต ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล

    คุณค่าเสรีชน มิใช่ปรนกามารมณ์

    ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มคอยคนชม

    บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน !”


    ถึงแม้ว่าวงร็อกหญิงยุคโชติช่วงชัชวาลทั้งสามวงจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว แต่เชื่อเถอะ พวกเธอได้ปูทางว่า “ผู้หญิงก็สามารถทำอะไรก็ได้เหมือนกับผู้ชาย” ข้อจำกัดการทำงานในห้องอัดช่างหัวมัน พวกเธอได้สร้างผลงานเพลงร็อกไทยตัดเลี่ยนสตริงลูกกวาดได้เต็มที่ตามความสามารถที่เธอมีในยุคอนาล็อกแล้ว และตำนานของพวกเธอยังรอคอยคนที่มาสานต่อไปเรื่อย ๆ จนกัลปาวสาน ณ ขวานทองของไทยนี้ 


    (แอบกระซิบ ทุกบั้มของสามวงนี้ในตลาดเทปมือสองออนไลน์ทุกที่ “หา ยาก มาก” คือ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ประกาศขายก็ไม่ผิดกติกา)


    “นี่แหละ อหังการของดอกไม้ร็อกเมืองไทยเลย”




    หวังว่าเราคงไม่โดนกระถางดอกไม้ลอยหน้าบ้านตอนฟังเทปแน่ ๆ


    นายต๊ก

    4 และ 7 พฤศจิกายน 2568



    แหล่งข้อมูล : นิตยสาร "น้ำหวาน" ฉบับที่ 21 28 ช่วงปี 2530
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in