เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Intern LifeMafun Ploy
ก๊อก ก๊อก...
  •        สวัสดีค่า สวัสดีทุก ๆ คนที่หลงเข้ามาอ่าน ทั้งคนที่ตั้งใจกดเข้ามาและคนที่แวะเวียนผ่านมาโดยบังเอิญด้วยนะคะ ก่อนอื่นเลย เราขอแนะนำตัวก่อน เราเป็นนิสิตชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

           เหตุผลง่าย ๆ สั้น ๆ ที่เราเริ่มต้นเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพื่อบันทึกประสบการณ์การฝึกงานในช่วงซัมเมอร์ของเราเองค่ะ! 

           การฝึกงานเป็นหนึ่งในหลักสูตรของสาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กค่ะทุกคน พวกเราจะเริ่มฝึกงานกันช่วงประมาณปิดเทอมใหญ่ของปี 3 ก่อนจะขึ้นปี 4 ซึ่งพวกเราวรรณเด็กฯ สามารถขอเข้าฝึกงานกับสถานที่ต่าง ๆ ตามที่เราต้องการได้เลยค่ะ ทั้งนี้ถ้าเป็นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านที่เรียนอยู่ด้วยก็จะดีมาก ๆ เลย นั่นคือ "หนังสือและเด็ก" ไม่ว่าจะเป็น "โรงเรียน สำนักพิมพ์ ห้องสมุด ร้านหนังสือ" เป็นต้นค่ะ

           ตั้งแต่เราเข้ามาเรียนในสาขาวิชานี้และได้อ่านหลักสูตรทั้ง 4 ปี เมื่อเรารู้ว่าในช่วงซัมเมอร์ของปี 3 (ก่อนขึ้นปี 4) จะต้องมีฝึกงานด้วยเราค่อนข้างตื่นเต้นมากเลย ตื่นเต้นในความสงสัยอยากรู้ว่าการฝึกงานจะเป็นยังไงกันนะ และตื่นเต้นอีกแบบด้วยว่าเราจะทำได้มั้ย การฝึกงานจะผ่านไปได้ดีมั้ย (;o;) แต่เมื่อการฝึกงานยังมาไม่ถึงแน่นอนว่าคนใจเย็นและมักจะผัดวันประกันพรุ่งเสมอแบบเราย่อมนิ่งนอนใจ

           โดยไม่รู้ตัวเลย เวลาสามปีก็ผ่านไป (แบบไวมาก) การฝึกงานมาถึงแล้ว เราที่ยังไม่ได้คิดหรือวางแผนมาก่อนเลยว่าจะฝึกงานที่ไหนดี ทำให้ปีสามช่วงหาที่ฝึกงานเป็นอะไรที่ค่อนข้างวุ่นเลยค่ะ   (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ ไม่ควรทำตาม T0T) แต่ว่าเราก็มีธงในใจอยู่ว่า 

    "เราอยากฝึกงานกับที่ที่เราชอบ อยากทำงานที่สนใจและเป็นงานที่รัก จะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ 
    ซึ่งตอนนั้นก็มีที่คิดไว้ 4 ที่คือ
     
           1. สำนักพิมพ์ 
           2. นิตยสาร 
           3. ห้องสมุด 
           4. พิพิธภัณฑ์

           ก่อนอื่นเลย เราติดต่อพิพิธภัณฑ์ที่เราสนใจผ่านช่องทางข้อความในเพจ Facebook และโทรติดต่อสอบถามโดยตรงด้วย แต่เหมือนในปีนี้พิพิธภัณฑ์ไม่มีนโยบายรับนิสิตนักศึกษาฝึกงานเลย น่าจะเพราะสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย (อดเลย)

          ต่อมาเราจึงพยายามลองหาประกาศรับสมัครนิสิตนักศึกษาฝึกงานในช่องทางเว็บไซต์สำหรับหางานโดยเฉพาะ และเข้าไปส่องตามแฮชแท็กในทวิตเตอร์ด้วย ซึ่งเราก็ต้องคอยติดตามตลอดทุก ๆ วัน เผื่อมีที่ไหนอัปเดตใหม่ ๆ จะได้เข้าไปสมัครได้ทันท่วงที

           ในช่วงนั้นที่เราหาที่ฝึกงาน สำนักพิมพ์ชื่อดังต่าง ๆ ที่เราชื่นชอบและสะสมผลงานหนังสือส่วนมากปิดรับสมัครนิสิตนักศึกษาฝึกงานไปแล้ว (เราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า และไม่ได้กดติดตามเพจของสำนักพิมพ์ด้วย ทำให้พลาดข่าวสารไปเลย อันนี้เป็นบทเรียนมาก ๆ)

           สำหรับห้องสมุด ในตอนนั้นเราได้ข่าวมาว่ามีเพื่อน ๆ ไปสมัครจนครบตำแหน่งที่เปิดรับแล้ว ทำให้เราไม่ได้ไปสมัครของห้องสมุด และมองหาที่ฝึกงานที่อื่นแทน 

           ต่อมาเพื่อนของเราที่ได้ขอสมัครฝึกงานกับห้องสมุดเปลี่ยนไปฝึกงานกับที่อื่นในตำแหน่งอื่นแทน เพื่อนรู้ว่าเรายังไม่มีที่ฝึกงานจึงแนะนำให้เราสมัครฝึกงานกับห้องสมุดแห่งนี้ ตอนนั้นเรารู้สึกดีใจมากเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย เพราะข่าวดีนี้เป็นเหมือนโอกาสครั้งใหม่ที่ช่วยจุดประกายความหวังให้กับเราอีกครั้ง เรารีบเตรียมเรซูเม่และเขียนอีเมลถึงห้องสมุด เพื่อขอฝึกงานทันที

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ช่วงพูดคุยส่งท้ายบทความ

           สวัสดีทุกคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคะ คุณเก่งมากเลย! (ปลดล็อกสกินนักอ่านสีทอง) เพราะบทความแรกนี้ค่อนข้างยาวเลยค่ะ  เป็นการพูดคุยและเกริ่นในช่วงก่อนการฝึกงานนะคะ สุดท้ายนี้เราขอฝากบล็อกน้อย ๆ อันนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ถ้าใครอยากรู้ว่าการฝึกงานของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามอ่านต่อในบทความต่อไปนะคะ 

          ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ขอให้มีวันที่ดีกันนะคะ แล้วเจอกันครั้งหน้าค่า :3
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in