เป็นที่ทราบกันดีว่า อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติชื่อดังแห่งจังหวัดเลยนั้น เปิดให้นักเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเยี่ยมชมในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม – 31 พฤษภาคม ของทุกปี
แต่ในปีนี้ หลังจากที่เกิดไฟป่าภูกระดึงครั้งใหญ่ในรอบ 17 ปีเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์นั้น ทำให้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงต้องขยายช่วงเวลาปิดป่าจากที่ปกติปิด 4 เดือน เป็นปิด 6 เดือน นับตั้งแต่เมษายน – กันยายนนี้เพื่อให้ป่าได้ฟื้นฟูธรรมชาติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนของประชาชนในอำเภอภูกระดึงอีกจึงนับว่าปีนี้เป็นปีที่โหดร้ายสำหรับ “ภูกระดึง” อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว :-(
แต่อย่างไรก็ตามในต้นเดือนตุลาคมนี้ ภูกระดึงก็จะกลับมาเปิดบริการและต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อไปพิชิตยอดภูอีกครั้งแล้ว !!!!!
หลังจากผ่านช่วงโควิดที่แสนยาวนานมาจนถึงตอนนี้นั้นก็ทำให้ฉันหวนคิดถึงครั้งที่ได้ไปเที่ยวภูกระดึงขึ้นมาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะเกิดเหตุไฟไหม้ป่า ฉันคิดถึงเสียงนก คิดถึงเสียงคุยจอแจของเพื่อนคิดถึงการนั่งทานหมูกระทะร่วมกัน คิดถึงการนั่งมองดูพระอาทิตย์ขึ้น คิดถึงอากาศหนาว ๆ
ฉันจึงกลับไปค้นสารคดีสั้น ๆ ที่เคยเขียนส่งอาจารย์ในตอนเรียนขึ้นมา ( ไม่ได้ A ด้วย งอแง )
อีกทั้งใกล้จะถึงช่วงที่ภูกระดึงจะเปิดให้บริการอีกครั้งแล้วด้วย จึงเป็นโอกาสอันดีจะนำมาปัดฝุ่นและเรียบเรียงให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกครั้ง
เพื่อคนที่เคยไปจะได้นึกถึงช่วงเวลาดีดีเหล่านั้น
เพื่อคนที่ไม่เคยไปจะได้เก็บเป็นแรงบันดาลใจ ประกอบการตัดสินใจในการไปเยี่ยมภูกระดึงสักครั้งเตรียมกระเป๋า เตรียมรองเท้า เตรียมเสื้อกันหนาว เตรียมค่าขนม แล้วออกเดินทางกัน !
…
“ คุณป้าทำทั้งหมดนี่คนเดียวหรอคะ ” ฉันถามคุณป้าระหว่างที่กำลังตักส่วนผสมน้ำแข็งไสใส่ถ้วย
“ ปกติป้าช่วยกับแฟนทำสองคนแต่วันนี้แฟนป้าเขาลงไปเอาน้ำแข็งจากข้างล่างภูตั้งแต่ตีสามแล้ว นี่ยังไม่มาเลย ” เสียงคุณป้าแทรกขึ้นมาระหว่างกำลังผัดกะเพราหมูสับ
“ โหหนูเข้าใจแล้วว่าทำไมน้ำแข็งข้างบนภูนี่แพง ” เพื่อนของฉันพูดขึ้นมา
ฉันยืนฟังอย่างเงียบๆในขณะที่คีบขนมปังและราดนมข้นปิดท้าย
“ น้ำแข็งไส หวานน้อยไม่ใส่ลูกชิดได้แล้วค่า ” ฉันพูดเสียงสดใสพร้อมรับเงิน 25 บาทจากลูกค้าใส่กระป๋องเงิน
“ ขอบคุณพวกหนูๆมากเน้อที่มาช่วยป้าไม่งั้นป้าทำไม่ทันแน่ ” คุณป้ากล่าวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ตักข้าวใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
ฉันและเพื่อนๆยิ้มเบาๆขณะที่กำลังกินข้าวกะเพราหมูสับและน้ำแข็งไสอย่างเอร็ดอร่อยในเวลาเที่ยงวัน
ก่อนที่พวกเราจะมุ่งหน้าไปผาต่อไป ฉันหันไปมองคุณป้าที่กำลังวุ่นวายกับการทำกับข้าวน้ำแข็งไส และขายเครื่องดื่ม “ ไปแล้วนะคะคุณป้า ขอให้ขายดีดีนะคะ/ครับ ” พวกเราทุกคนกล่าวพร้อมยกมือไหว้ “ โชคดีนะหนู ขอบใจมากลูก ” ป้ากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ มิตรภาพในช่วงเวลาสั้นแต่กลับติดตรึงอยู่ในใจเป็นเวลานาน
ก่อนเดินทางฉันกลับหันไปมองร้านข้าวเป็นครั้งสุดท้าย
“ ร้านสายหมอก ” ร้านข้าวแห่งเดียวบริเวณผาแดงบนภูกระดึง
ไปไหนกันดี
“ หยุดสามวันนี้ไปเที่ยวสั้นๆกันสักทริปไหม ”
“ เอาดิ ไปทะเลไหม ชิว ๆ ริมหาด ”
“ เบื่อแล้ว เปลี่ยนแนวบ้างดิ ”
“ งั้นไปภูกระดึงกันไหม ไปเดินขึ้นภูกินหมูกระทะบนภู อ่านรีวิวมา โคตรน่าไปเลย ”
จากบทสนทนาของเพื่อนๆที่ชวนกันไปเที่ยววันหยุดทำให้สุดท้ายเราได้ขอตกลงกันว่า เราจะไป “ ภูกระดึง ” กัน
อะไรคือภูกระดึง
ภูกระดึง หรือชื่อเต็มก็คือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐานอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 348 ตารางกิโลเมตร เปิดให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมได้ในฤดูกาลท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม เป็นแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ภูกระดึงขึ้นชื่อเรื่องการไปพิสูจน์รักแท้และมิตรภาพเนื่องจากการที่จะขึ้นไปถึงยอดภูได้นั้นต้องเดินขึ้นเขาและเดินทางราบเป็นระยะทางรวมกันกว่า 9 กิโลเมตรประกอบกับแสงแดดที่ร้อนและความล้าในการเดินทางชัน จึงนับว่าไม่ง่ายเลยในการที่จะขึ้นไป “ พิชิตยอดภูกระดึง ” ได้
กว่าจะขึ้นไปถึงภูกระดึง
พวกเราทั้ง 14 ชีวิต ไปถึงผานกเค้าเมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเช้านั่งรถสองแถวต่อไปถึงปลายภูกระดึง จากนั้นพวกเราก็ทานข้าว สอบถามเรื่องที่พักติดต่อเรื่องประกัน ออกกำลังกายเพื่อเตรียมพร้อมในการเดินขึ้นภู นำสัมภาระไปฝากลูกหาบโดยลูกหาบคิดค่าสัมภาระกิโลกรัมละ 15 บาทโดยจะแลกเบอร์โทรศัพท์ไว้และสามารถไปรับของเมื่อพวกเราถึงบนภูแล้ว
ทำประกันสักหน่อยฮะ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
เราเริ่มเดินขึ้นในเวลา 9 โมงเช้าและไปถึงที่พักบนภูในเวลาประมาณ 14.30 น. ผ่านซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน ไปจนถึงหลังแปร สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมไปจากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ ที่เคยไปมาแล้ว นั่นก็คือ เงิน เพราะระหว่างทางที่เป็นจุดพัก หรือที่เรียกว่า “ ซำ ” นั้น จะมีของขายมากมายไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม ไอติมหลอด ไข่ปิ้ง ไส้กรอก แตงโมหั่นชิ้น ผลไม้ดองและอีกมากมาย แม้ราคาจะแพงกว่าราคาปกติสองถึงสามเท่าแต่ถ้าลองคิดว่ากว่าของแต่ละชิ้นจะขึ้นมาถึงบนภูนี้ได้ทั้งความยากลำบากและความเสี่ยงที่ของจะเสียหายเมื่อรวมกับความเหนื่อยล้าของเราที่ต้องการได้อะไรเย็น ๆ สักคำก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากกับเงินที่เสียไปอย่างมาก
และสำหรับฉัน แตงโมชิ้นแรกที่ได้กินบนซำแฮกนั้น เป็นแตงโมที่อร่อยที่สุดเลย :—)
หิวไปหน่อย ลืมถ่ายในสภาพสมบูรณ์ ;__;
แวะมาอวดของกินบนภูกันดีกว่า :-P
ระหว่างทางไปภูกระดึง
ระหว่างทางที่เดินขึ้นภูกระดึงนั้น มีสิ่งต่าง ๆ มากมายให้ได้สังเกตตลอดทางทั้งการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้แลกแลกเปลี่ยนความคิด รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะตลอดทาง มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้หากใจเรามุ่งแต่จะขึ้นไปให้ถึงยอดภู จนลืมสนใจมองสิ่งข้าง ๆ รอบตัวเราธรรมชาติอันสวยงามที่อยู่ล้อมรอบเราตลอดการเดินทางเหมือนเพื่อนตัวเขียวที่คอยปลอบใจว่า อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วนะ สีเหลืองของยอดไม้แห้งตัดกับสีฟ้าครามท้องฟ้าได้อย่างลงตัวเป็นกำลังใจยามเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี เพียงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
สิ่งที่น่าสนใจตลอดการเดินทางอีกอย่างนั่นคือ ลูกหาบ ซึ่งเป็นชายและหญิงวัยกลางคนแบกสัมภาระของนักท่องเที่ยวรวมไปถึงวัตถุดิบทำอาหารต่าง ๆ เพื่อนำไปส่งที่ยอดภูและร้านอาหารบนภูนั้น
“ คุณลุงทำมานานยังคะ ” ฉันถามขณะเดินข้างคุณลุงที่กำลังหาบสัมภาระอยู่คุณลุงถอดเสื้อทำให้เห็นผิวที่คล้ำเพราะโดนแดดเป็นประจำหลังด้านหนึ่งยุบลงไปเพราะรับน้ำหนักของสัมภาระเมื่อลองสังเกตด้วยตาเปล่านับได้ประมาณ 10-15 ใบ
“ ตั้งแต่หนุ่ม ๆ เลยหนูมาทำเฉพาะหน้าท่องเที่ยวแหละ ”
“ วันหนึ่งทำประมาณกี่รอบคะ ” ฉันถามต่อ
“ ก็ได้สามสี่รอบแหละพอเอาของขึ้นไปวางแล้วก็ลงไปรับชุดใหม่ต่อ ” คุณลุงตอบ
แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยเหงื่อของคุณลุงได้ผ่านหน้าฉันไป
ฉันเดินขึ้นภูต่อด้วยความรู้สึกที่หลากหลายจากคำพูดของคุณลุง
มีอะไรบนภูกระดึง
เมื่อขึ้นไปถึงบนภู จะมีห้องเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเช่าเครื่องนอนต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นถุงนอน แผ่นรองนอน หมอนและผ้าห่ม ในราคาที่ไม่แพงเมื่อได้รับสัมภาระพร้อมเช่าเครื่องนอนแล้วพวกเราก็ไปที่จุดกางเต็นท์ที่ได้ถูกแบ่งไว้เป็นโซน ๆ มีทั้งเต็นท์ขนาดใหญ่และเต็นท์เล็กจากนั้นพวกเราพร้อมนักท่องเที่ยวอีกหลายคนได้มุ่งหน้าไปยังผาหมากดูกเพื่อชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น
ของกินบนภูกระดึงนั้น มีมากมายหลากหลายและรสชาติถูกปากทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นโรตีราดช็อคโกแลต น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ โจ๊กหมูใส่ไข่ ข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ขนมปังปิ้ง และที่เด็ดที่สุดนั่นก็คือ หมูกระทะ การได้กินหมูกระทะกับเพื่อนๆในวันที่พิชิตยอดภูกับอากาศกลางคืนที่เริ่มหนาว เป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ
นอกจากของกินแล้ว ยังมีร้านขายของฝากน่ารัก ๆ ที่มีโปสการ์ดให้นักท่องเที่ยวมานั่งเขียนความฝากคิดถึงเพื่อส่งให้คนที่รักอีกด้วยเจ้าของร้านให้บริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และร้านทุกร้านบนภูแห่งนี้ให้บริการที่ชาร์จแบตเตอรี่ฟรีทุกร้าน นับว่าเป็นกิมมิคสำคัญของภูกระดึงเลยทีเดียว
สิ่งที่ได้จากภูกระดึง
หลังจากที่ได้ท่องเที่ยวอยู่บนภูเป็นเวลาสองวันกว่า ๆได้ออกไปดูความสวยงามธรรมชาติ เห็นท้องฟ้า เห็นแสงดาว เห็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยได้พบมากนักในเมืองใหญ่ ๆได้พูดคุยถึงวิถีชีวิตของคนบนภูว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวได้เห็นแลกเปลี่ยนความความคิด ทัศนคติกับผู้คนที่ไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อน
และสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ มิตรภาพของเพื่อนร่วมทาง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ยาสีฟัน เสื้อกันหนาว ยานวดแก้ปวด ฯลฯ ที่ร่วมแบ่งปันกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนที่ไปด้วยกันแน่นแฟ้นมากขึ้นและมันคุ้มมาก ๆ เลย
สุดท้ายนี้
ไปเถอะ
แล้วคุณจะรู้ว่า
การได้ใช้ชีวิตแบบรอดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก
มันก็ดีเหมือนกัน :—)
อ่านจนจบแล้ว มีใครอยากไปภูกระดึงมั่งยกมือขึ้น !!
หวังว่าบทความเล็ก ๆ ชิ้นนี้ จะทำให้ใครหลายคนที่อยากลองออกไปเที่ยว แต่ไม่กล้า
ให้มีความกล้าที่จะออกไปผจญภัยในโลกภายนอกมากขึ้นกันนะคะ :-)
ถ้าเราไม่ไป เราก็จะไม่รู้ !!!
และอย่าลืม รักษาสุขภาพ เที่ยวอย่างปลอดภัยกันนะ :-)
ปล. ตอนนี้สามารถลงทะเบียนเข้าเยี่ยมชมอุทยานผ่านแอพ QueQ ได้แล้วนะ
และสามารถจองที่พักผ่าน http://nps.dnp.go.th/ ได้เล้ย !!
ไปเที่ยวแบบ New Normal กันนนน
ปล.2 ใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่
Facebook : อุทยานแห่งชาติภูกระดึง - Phu Kradueng National Park
ปล.สุดท้ายแล้ว !!
ไปเถอะ ชีวิตมีครั้งเดียว :-)
Story : Milkladyfinger
Photo : Milkladyfinger และผองเพื่อนนักเดินทาง
คุณป้าเจ้าของร้านสายหมอก : คุณป้าเพ็ชร พันสนิท
ข้อมูลเกี่ยวกับภูกระดึง :
https://sites.google.com/a/svc.ac.th/kradueng/data
https://travel.mthai.com/travel_tips/124408.html
https://thestandard.co/phu-kradueng-national-park-travel-season-63/
https://news.thaipbs.or.th/content/289406
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in