เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
On my way ◐Milkladyfinger
ตามเสียงใจ ไปแดนญวน (EP 1)
  •           หลังจากที่ใช้เวลาอยู่บ้านเหงาๆมากว่า 4 เดือน พอได้ย้อนกลับไปดูรูปเก่า ๆ ที่เคยไปเที่ยวก่อนหยุดยาวแล้วนั้น ก็อดที่จะคิดถึงไม่ได้แหะ หนึ่งในทริปที่ประทับใจที่สุด คือ ทริปไปเวียดนามกลาง          ( ดานัง ฮอยอัน บาน่าฮิลล์ ) เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ( 15 -18 มกราคม 2563 ) ซึ่งเป็นการเดินทางไปต่างประเทศกับเพื่อนครั้งแรกเลย ในวันนี้ก็เลยอยากมาบันทึกประสบการณ์ในรูปแบบที่จับต้องได้ มากกว่าให้มันอยู่เป็นแค่เพียงความทรงจำ บันทึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่บันทึกการเดินทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังบันทึกความรู้สึกและรอยยิ้มของผู้เดินทางเอาไว้ด้วยนะ ใครอยากชื่นชมบรรยากาศของประเทศที่เรียบง่ายแต่แสนโรแมนติก ตามมาดูกันเลย :-) 

    ปล. มีสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆท้ายบทความนะคะ

    DAY 1
              พวกเราทั้ง 4 คน มาถึงสนามบินดอนเมืองกันในเวลาประมาณ 6.00 น. เวลาเครื่องออกประมาณ 7.00 น. โดยเราใช้บริการสายการบิน Air Asia ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงสนามบินดานังแล้ว เย้ !! อ๋อ เวลาที่ไทยและเวียดนามเท่ากันนะคะ เพราะอยู่ใน Timezone เดียวกัน 

              เมื่อมาถึงสนามบินดานังแล้วนั้น เราก็ได้รับซิมอินเทอร์เน็ตของเครือข่าย vinaphone (เน็ตดีใช้ได้ฮะ แนะนำๆ) จากคุณพี่ท่านหนึ่งที่เราติดต่อไว้ ปล.คนเวียดนามพูดและฟังภาษาไทยเก่งมาก น่าจะเพราะมีคนไทยไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก พูดชัดกว่าเราอีก 5555 

              หลังจากนั้นเราก็ใช้บริการ GRAB เพื่อไปสู่ที่พักแรกของเรา ! บอกไว้ก่อนเลยว่าการเดินทางตลอดทั้ง  ทริปนี้เราจะเน้นใช้ GRAB กัน เพราะว่าราคาไม่แพง สามารถต่อรองราคา ขอข้อมูลติดต่อไว้ได้ และมีความน่าเชื่อถือ โดยพวกเราทั้งสี่คนจะมี “ เงินกองกลาง ” เพื่อเอาไว้จ่ายค่ารถและค่ากินตลอดทริปไปเลยยย

              ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีจากสนามบิน เราก็มาถึงที่พักของเราแล้ว เย้ ในคืนแรกนั้นเรานอนกันที่ โรงแรม Green Apple Hotelเมืองฮอยอัน ซึ่งอยู่ในจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) พอมาถึงที่พักพนักงานในชุดอ่าวหญ่ายสีเขียวสมชื่อโรงแรมก็ต้อนรับเราอย่างเป็นมิตร พอนำของไปฝากไว้กับโรงแรมเรียบร้อย เราก็ไม่รีรอ เพราะหิวมาก 55555 พวกเราเดินเท้าไปตลาดที่อยู่ละแวกนั้นเพื่อไปฝากท้องกับอาหารเวียดนามมื้อแรก ในตลาดมีร้านให้นั่งกินอยู่หลายร้านเลย ซึ่งเมนูก็จะคล้ายๆกันราคาถือว่าถูกเลยนะ พวกเราจิ้มๆไปสามสี่เมนูและรอลุ้นรสชาติอาหาร สำหรับเรารู้สึกว่าอาหารที่นี่กินง่าย มีแป้งเป็นส่วนประกอบหลักในแต่ละจาน และเน้นผักด้วย 


              หลังจากอิ่มท้องกันแล้วนั้น พวกเราก็ไปเดินซื้อชุดอ่าวหญ่ายกัน !!! กฎของการซื้อของที่นี่คือ         “ ต้อง ใจ แข็ง ! ” เพราะบางทีแม่ค้าจะอัพราคาเราหนักมาก ทางที่ดีก่อนไปควรตรวจสอบราคาของแต่ละอย่างก่อน ไม่งั้นเราจะโดนโก่งราคาไปเยอะเลยนะ ! พวกเราได้ทำการ(ต่อสู้)เจรจากับแม่ค้าอยู่พักใหญ่ และในที่สุดเราก็ได้ อ่าวหญ่าย และหมวกนอนลา มาในราคาที่พอใจ เย้ 

              ยังพอมีเวลาอีกเล็กน้อย พวกเราจึงได้เดินชมบรรยากาศของเมืองฮอยอันไปพลางหาขนมกินไป อิอิ บรรยากาศในเมืองฮอยอันนั้นเงียบสงบ มีร้านขายของประปราย ชาวบ้านยิ้มแย้ม อากาศตอนบ่ายไม่ร้อนมากนักตัวบ้านเมืองส่วนมากทาด้วยสีเหลืองมัสตาร์ด สถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างท้องถิ่นกับต่างชาติได้อย่างลงตัวและคงสภาพไว้ได้อย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ UNESCO จะขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม และไม่น่าแปลกใจที่ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็กๆแต่กลับมีนักท่องเที่ยวมากมายไปเยี่ยมชม 


              ในช่วงเวลาบ่ายๆ พวกเราทั้งสี่คนแปลงร่างเป็น หนุ่มสาวเวียดนาม และพร้อมที่จะไปล่อง Basket Boat หรือ Coconut Boat ณ Coconut Village กันแล้วววว เรือมะพร้าวนี้นั่งได้ทั้งหมด 3 คน รวมคนพาย พอจ่ายเงินเรียบร้อย คุณลุงคนพายเรือก็พาพวกเราไปผจญภัย ใน Coconut Forest ! ซึ่งจุดเด่นของการพายเรือที่นี่ก็คือตัวเรือมะพร้าวนี่แหละ โดยคุณลุงจะทำการละเล่น หรือ แกล้ง พวกเรา โดยการที่เขาจะลุกขึ้นและขยับไม้พายอย่างรวดเร็วจึงทำให้เรือหมุนเป็นวงกลมและดูจะชอบใครเวลาเห็นสีหน้าเวียนหัวของพวกเรา 55555 

              บอกเลยนะครับว่า คุยกับคุณลุงไม่รู้เรื่องเลย ฮ่าๆ แต่เราได้ฝึกทักษะการใช้ภาษามือและพูดคำว่า โฟโต้ๆ เมื่อต้องการให้คุณลุงถ่ายรูปให้ แต่คุณลุงคนพายทุกคนมีความเป็นมืออาชีพมากนะ รู้มุมถ่ายไปหมด ด้วยบรรยากาศครึกครื้นของ Coconut Village ที่เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงเพลงคาราโอเกะ (ที่แอบได้ยินเพลงเกาหลีด้วยนะ) นึกถึงทีไรก็รู้สึกสดชื่นทุกที 

              ในเย็นวันนั้นหลังจากที่เรานั่งเรือกันจนหนำใจแล้ว เราก็เดินทางกลับมายัง เมืองเก่าฮอยอันของเรา เรากลับมาถึงประมาณ 5 โมงกว่าๆ และได้ล่องเรือในแม่น้ำเพื่อชมบรรยากาศที่แสนโรแมนติกในตอนยามเย็นของเมืองนี้ ลมพัดเย็นๆ แสงไฟหลากสีสลัวๆ เสียงเพลงจากร้านบาร์ข้างทาง และเสียงผู้คนจอแจเบาๆ ทำให้ทวีคูณความโรแมนติกที่เรียบง่ายมากขึ้นอีก สมกับเป็นเมืองแห่งมรดกโลกจริงๆ 


              เราแวะทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำเพราะว่าบริกรน่ารัก แฮ่ ล้อเล่น เพราะหิวต่างหากก มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราสงสัยเป็นอย่างมาก คือ เก้าอี้บริเวณหน้าร้านทุกตัวจะหันออกไปทางแม่น้ำเป็นทางเดียวกันหมดทั้งร้าน และทุกร้าน แตกต่างกับที่ประเทศของเราที่จะหันหน้าเข้าหากัน เราจึงถามคุณพี่บริกร และได้คำตอบมาว่า เพื่อให้ผู้คนได้นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศของแม่น้ำในยามเย็น...                     ว้าว โรแมนติกมากๆ ;__;

              หลังจากนั้น เราก็ได้ไปเดิน Night Market เพื่อไปหาของกินและซื้อของกันนน ถนนคนเดินของที่นี่ก็คล้ายๆกันถนนคนเดินทั่วไป ที่มีขายทั้งอาหาร ขนม ของใช้ ของเล่น มากมาย เราต่อราคาแม่ค้าอย่างสนุกสนาน พร้อมกับหาเสบียงใส่ท้องในขณะเดียวกันและไม่พลาดที่จะถ่ายรูปตรงร้านขายโคมด้วย  (แอบกระซิบว่าต้องจ่ายเงินก่อนถ่ายนะ)

              ค่ำคืนของวันแรกก็จบลงด้วยความอ่อนเพลียแต่ประทับใจ ถึงแม้ใครๆจะบอกว่า ฮอยอันเป็นเมืองที่ควรมากับคนรัก แต่ฉันว่าการที่ได้มากับเพื่อนๆก็รู้สึกดีไม่น้อยกว่ากันเลย :-)


    !!! ค่าใช้จ่ายวันแรก !!!

    ค่างเงิน 1 ดงเวียดนาม เท่ากับ 0.0013 บาท

    ค่าตั๋วเครื่องบิน 3900 บาท

    ค่ากองกลาง (ค่าเดินทาง ค่าอาหารทุกมื้อ) คนละ 2000 บาท

    เงินส่วนตัว เราพกไป 1500 บาท 

    ค่าที่พัก ต่อคน ประมาณ 300 บาท 

    ค่าซิมอินเทอร์เน็ต 180 บาท

    Photo : Milkladyfinger

    Story : Milkladyfinger

    Day1 จบแล้ว ฝากติดตาม EP ต่อไปด้วยนะ ว่าจะไปไหนกันนน เย้ ;-)







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in