เมื่อคนเราต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัส มันคงไม่แปลกอะไรถ้าเราจะสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองจากคนรอบข้างหรือคนใหม่ๆ ที่พบเจอ ต่อให้เริ่มสนิทกันมากขึ้นก็ตาม ทั้งที่เป็นแบบนั้น...
ใจเริ่มผูกพันกับใครคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางปัญหาแย่ๆ ที่ถาโถมเข้ามา ใครคนนั้นได้ยื่นมือเข้าช่วยหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ตอนแรกไม่ชอบขี้หน้ากันแท้ ๆ สุดท้ายดันมาสนิทกันเสียได้ แต่มันก็เป็นความสนิทสนมในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ทว่าอาจเพราะปัญหามันมากเกินไปจึงไม่ทันได้รู้สึกตัวว่าสายตาที่มองดูอีกคนนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างไร
เพราะหวาดระแวงที่จะไว้ใจจึงเฝ้าสังเกตถึงตัวตนของอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน...โดยไม่ทันระวังหัวใจของตัวเอง
พลั้งเผลอเข้าใกล้ใครอีกคนมากจนเกินไป...การพบเจอกันในแต่ละวันมันราบเรียบจนหลงคิดไปว่าความใกล้ชิดระหว่างเรามันไม่มีอะไรเลย วางใจจนบ่อยครั้งเผลอพูดอะไรแย่ ๆ ออกไป ทั้งหงุดหงิดและเอาแต่ใจโดยลืมนึกไปว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปทำแบบนั้นกับอีกฝ่าย
อาจเพราะความสบายใจหรืออาจเพราะอีกคนยอมลงให้จนชิน
ไม่เอ่ยขอ ไม่เรียกร้อง เหนื่อยก็บ่นออกมาตรง ๆ ไม่รู้ว่าช่วยเพราะสงสาร เพราะเห็นใจหรือแค่อยากช่วยในฐานะเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ว่าจะอะไรความช่วยเหลือจากใครคนนั้นมักจะมาถึงในเวลาที่ต้องการเสมอ การกระทำและการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมานั้นทำให้เผลอคาดหวังบางสิ่งโดยไม่รู้ตัว
รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอใจเต้นไปกับสายตาคู่นั้น
ตอนที่ถูกมือนั้นจับไว้แน่นเหมือนจะสื่อความนัยบางอย่างก็ไม่ได้ผลักไสออกไป อีกทั้งหัวใจกลับเต้นรัว ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปเพื่อแก้สถานการณ์ที่เก้อเขินนี้ ทว่า...
ยามเหลียวมองสัญญาณไฟจราจรที่ทางข้ามนั้นมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่...
'บางทีมันอาจเหมือนกับสัญญาณไฟจราจรที่กำลังเปลี่ยนสี'
หัวใจนั้นก็อาจกำลังแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน…
--------------------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in