เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
STRUGGLEoverreachpeach.
คนไข้จิตเวช (1) | Psychiatric Patient
  • 26/8/2023

    วันนั้นเป็นวันเสาร์ ฉันรู้สึกเอื่อยเฉื่อยไปประมาณเก้าสิบเปอร์เซนต์ เกลียดความรู้สึกนี้ชะมัดแต่ฉันก็ไม่สามารถสะบัดอารมณ์พวกนี้ออกไปจากชีวิตได้เลยซักครั้ง ฉันจินตนาการภาพ การที่ฉันขึ้นไปบนตึกสูง ลมพัดปะทะหน้า หรือฝนที่สาดเทลงมา เพื่อพัดพาน้ำตาของฉันให้หายไป การกระโดดลงไปก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ ภาพนี้เป็นภาพที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่เริ่มรักษาเมื่อสี่ห้าปีก่อน ภาพยังคงชัดเจน จามจุรีเก้าชั้นห้า
    ฉันพา cooper กอดติดตัวไปด้วย ฉันวางโน้ตที่ใส่ไว้ในแฟ้มลงบนพื้นทับด้วยโทรศัพท์มือถือ เมื่อฉันกระโดดลงไป หลายคนอาจจะตกใจหรือบางคนอาจไม่ทันได้สังเกตว่าสิ่งที่ร่วงหล่นลงมาจากตึกนั่นคืออะไร

    ฉันเริ่ม overdosed ด้วยยาที่มีอยู่กับตัวเกือบทั้งหมดลงไปในกระเพาะอาหารตอนหกโมงเย็น ฉันไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังพาตัวเองไปอีอาได้ตอนห้าทุ่ม ฉันเลือกไปอีอาตอนห้าทุ่มเพราะได้ศึกษามาว่า การล้างท้องต้องล้างภายในสี่ชั่วโมง การพาตัวเองไปอีอาตอนห้าทุุ่มก็แปลว่าฉันไม่ต้องล้างท้อง แค่เช็ค BP/ EKG คอนเซ้าท์ศูนย์พิษฯ ก็จบแล้ว ทุกอย่างดูสับสน ฉันไม่มีสติเลยแม้แต่น้อย การลืมตาขึ้นมาคุยกับหมอเป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถทำได้ เท่าที่จำได้คือฉันนอนบนเตียงที่มีดาวม่วงและดาวแดงแขวนไว้ปลายเตียง ฉันถูกเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้สีม่วงเพื่อเตือนให้หมอ พยาบาล หรือบุคลากรคนอื่น ๆ รู้ว่าฉันเป็นผู้ป่วยจิตเวช นอนในอีอาโซน holding หนึ่งวัน จากนั้นฉันก็ถูกย้ายไปอยู่ในวอร์ดจิตเวช แผนกผู้ป่วยใน


    ฉันใช้มือถือไม่ได้ กินกาแฟไม่ได้ หลายอย่างที่ฉันทำไม่ได้ ในวอร์ดมีคนไข้หญิง 3 คน แต่ในห้องมี 7 เตียง ฝั่งชายก็มี 7 เตียง มีห้องแยกอีก 2 ห้อง รวมเป็น 16 เตียง  หลังจากนั้นวอร์ดก็เป็นเหมือนบ้าน มรคนไข้เพิ่มขึ้นมาทีละคนสองคน จนตอนนี้มีคนไข้ 12 คนแล้ว ความรำคาญของฉันเริ่มปะทุขึ้นเวลามีคนไข้เสียงดังหรือร้องไห้โวยวาย จริง ๆ ฉันก็ไม่กล้าว่าเขาได้เต็มปาก ในเมื่องฉันก็มีพฤติกรรมแบบนั้นเหมือนกัน ฉันสร้างวีรกรรมในวอร์ด ไม่ว่าจะเป็นเอาหัวโขกกำแพง ใช้หนังยางดีดมือ ใช้ดินสอขูดแขน เคาะเตียง และปาขวดน้ำหอมหน้าเคาท์เตอร์พยาบาล สุดท้ายก็โดนมัด ถ้าเบา ๆ ก็แค่มัดเอว หรือมัดมือทั้งสองข้าง ถ้าหนักหน่อยก็จะมัดข้อเท้าทั้งสองข้าง และเปลี่ยนจากการมัดด้วยเชือก เป็นเชือกแม่เหล็กแทน แกะเองไม่ได้เพราะว่าต้องใช้แม่เหล็กมีตัวมาปลด ซึ่งการถูกมัดกลายเป็นเรื่องปกติของฉันไปเสียแล้ว

    ฉันตื่นเช้าของอีกวัน จำไม่ได้แล้วว่าวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร สับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ทำให้ฉันได้มาอยู่ในวอร์ดนี้ คำถามของหมอที่เคยถาม ฉันไม่รู้ว่าฉันตอบอะไรไปด้วยซ้ำ เอาเข้าจริง การกลับเข้ามาในวอร์ดนี้อีกครั้งก็เหมือนการหนีอย่างหนึ่ง มาเจอบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงซักหน่อย ฉันเจอพี่พยาบาลที่คุ้นหน้าหลายคน พี่ผู้ช่วยพยาบาล รวมถึงคนไข้ด้วยกันเองที่เคยแอดมิดด้วยกันเมื่อปีก่อน ฉันจำกิจวัตรประจำวันของวอร์ดได้ทุกอย่าง พยาบาลเข้ามาวัดความดันตอนตีห้าครึ่ง หกโมงเข้ารออาบน้ำ และทานอาหารเช้าตอนแปดโมง ทุกเช้ายกเว้นเสาร์ - อาทิตย์จะมีกลุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ที่โคตรแสนจะน่าเบื่อ ฉันบ่ายเบี่ยงทุกครั้งที่พี่พยาบาลมาตามให้ไปเข้ากลุ่ม เรียกได้ว่าไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย ฉันเลือกที่จะนอนอืด โดยปรับเตียงยกหัวสูงขึ้นมาซักเล็กน้อยเพื่อกันอ้วก กิจกรรมช่วงเก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมงมีหลากหลาย ส่วนมากเป็นการทำอาหารง่าย ๆ หรือร้อยลูกปัดตามใจชอบ ซึ่งเป็นกิจกรรมบำบัดอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเที่ยง รถข้าวจะถูกเข็นเข้ามาทางประตูหน้าของวอร์ดซึ่งเป็นทางเดียวกับหมอและพยาบาลใช้ มียามคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเวลาเวลาเปิด - ปิดประตู ฉันจำเมนูของโรงพยาบาลนี้ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ราดหน้าไก่ ข้าวผัดหมูไข่ดาว หรือข้าวต้มที่จืดสนิทในช่วงเช้า สิ่งที่ฉันประทับใจอย่างเดียวกับอาหารของโรงพยาบาลไม่ใช่เมนูที่กล่าวมา แต่เป็นโอวัลตินสูตรเข้มข้น รสหวาน ที่ฉันตั้งตารอเทใส่แก้วเป็นประจำ


    ครั้งแรกที่ได้คุยกับหมอ ฉันไม่ปลื้มเท่าไหร่ ไม่มีแม้แต่การสบตาหมอ ไม่มีอะไรเลย เป็นการถามอาการแบบถามคำตอบคำ หมอไม่ได้รู้ background ของฉันมากเท่าหมอประจำตัวของฉัน หมอแค่บอกว่าให้ฉันมาพักผ่อน ตั้งใจสัมภาษณ์งาน อาทิตย์หน้าก็ได้ออกแล้ว ฉันอึ้งกับประโยคนั้น หมอไม่เข้าใจฉันเลยว่าที่บ้านฉันมีปัญหา และเป็นปัญหาที่ตามมาหลอกหลอนฉันเกินครึ่งชีวิต ทุกครั้งที่ฉันดีใจ ฉันอยากให้มีคนมาแสดงความดีใจ หรือมีคนให้อวดความดีใจนี้บ้าง เมื่อไหร่ที่ฉันร้องไห้ฟูมฟาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ออก คนที่ควรอยู่ข้างฉันควรเป็นใครเหรอ ฉันยังขุดค้นอดีตขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครเข้าใจ


    "ไหนคุณลองอธิบาย Borderline personality ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ" หมอถาม


    "วันนี้เป็นยังไงบ้าง"


    "รู้สึกยังไง"


    "มีอะไรอยากเล่าให้หมอฟังไหม"


    ฉันตอบแบบคลิเชไปเรื่อย ๆ เพราะฉันไม่รู้จะเปิดใจกับหมอคนนี้ได้อย่างไร


    ฉันพูดว่าฉันอยากไปกระโดดตึกอานันทมหิดล ชั้นสี่ หรือ ชั้นห้า หมอตอบกลับมาว่า "ไม่รู้ว่าจะไปตึกไหน ยังไงของคุณนะ แต่ผมอยากให้โฟกัสตรงนี้มากกว่า" เมื่อฉันบอกว่าอยากตาย ฉันอยากให้คนมายื้อฉันไว้บ้าง พูดอะไรตลก ๆ ให้ฟัง กอดแน่น ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ฉันรู้สึกและได้รับมาคือ การที่หลายคนรอบตัวฉันบอกว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจ ฉันทรมานกับการอยู่คนเดียว ฉันขอเพื่อนให้ไปกินข้าวเป็นมื้อไปก็โดนปฎิเสธ ตอนนี้ฉันขยะแขยงตัวเองเต็มทน ฮยากฉีกตัวเองออกเป็นชิ้น ๆ ขยำแล้วปาทื้ง เหมือนกับจะแตกสลายอีกครั้ง


    "เขาอยากให้เป็นอะไรก็ช่างเขา หนูก็คือหนู" หมอพูดถูก


    ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ฉันได้วิเคราะห์ ตัดสินใจมาดีแล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมาห้าปีกับการทำตามความฝันของตัวเอง แต่ญาติบอกฉันว่าฉันเป็นคนหัวรั้น ไม่มีมารยาท อกตัญญู หยาบกระด้าง


    02/09/2023


    วันหยุดสุดแสนเศร้าของฉัน จริง ๆ มันก็เศร้าทุกวันนั่นแหละ ตื่นมาอาบน้ำราว ๆ หกโมงเช้า แปดโม
    เช้ากินข้าวแล้วกลับไปนอนที่เตียง ก็อย่างว่า วันหยุดก็เหมือนกับวันธรรมดาทั่วไป ตอนบ่ายมีกิจกรรมร้องคาราโอเกะ ฉันเข้าไปจอยซักพักแล้วกลับมานอนที่เตียงตามเคย วันเสาร์ของฉันยังมีอีกเรื่องที่ประทับใจ หนึ่งในนั้นคือมีเพื่อนมาเยี่ยม เพื่อนเป็นแพทย์ resident 2 แผนก Hematology ของโรงพยาบาลนี้


    "แพร แพรครับ"


    ฉันสพดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย เขาใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่รองเท้าเบอร์เก้น บวกกับสายคล้องคอคู่ใจแสดงถึงการเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาซื้อโกโก้เจ้าดังของโรงพยาบาลพร้อมซอฟท์คุ้กกี้ที่อุ่นมาแล้วอย่างดีให้


    "เธอต้องปรับยาเหรอ หรือโดนฉีดฮาดอลบ้างไหม"


    เมื่อเพื่อนกลับไป ฉันวิ่งไปที่ห้องน้ำและอาเจียนออกมาจนหมด เวลา 18.00 น. - 19.00 น. เป็นเวลาเยี่ยม เสียงญาติของคนไข้ดังโหวดเหวก ตีกันไปมาไม่หยุดหย่อน ฉันเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด


    03/09/2023


    ฉันติ่นหกโมงเช้าและลุกไปอาบน้ำ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ตะกร้าอาบน้ำ ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบโดยพี่ผู้ช่วยพยาบาล แปดโมงรถส่งข้าวถูกเข็นเข้ามาในวอร์ด มื้อเช้าเป็นมื้อที่น่าเบื่อที่สุด ข้าวต้มทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มปลา ข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มหมู ข้าวต้มไก่ พร้อมกับนมสดหรือนมถั่วเหลืองคนละกล่อง ในตอนที่แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ฉันนั่งจ้องอยู่ว่าแม่บ้านจะเอาพวกน้ำยาทำความสะอาดไปไว้ที่ไหน สุดท้ายแม่บ้านก็เก็บเอาติดตัวไป กิจกรรมหลังกินข้าวเช้าเสร็จ หลัก ๆ เลยคือกลุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งฉันแทบไม่เข้าเลย ต่อด้วยกิจกรรมศิลปะเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงเวลาเที่ยง อาหารที่นำมาเสิร์ฟเป็นข้าวหมูแดง น้ำซุป และทับทิมกรอบ ฉันพะอืดพะอมในสิ่งที่ฉันกลืนลงไป พยายามทำตัวไม่ให้อาเจียน และมีชีวิตให้ถึงเย็น






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in