ตำหนักอัญเชิญมีแขกเจ้าประจำอยู่คนหนึ่ง
ชายผู้นั้นเป็นผู้ตรวจการของลัทธิอื่นเมื่อมาเยือนครั้งแรก เขาแนะนำตัวว่าตนคืออิสระเป็นสมาชิกดั้งเดิมที่อยู่มาตั้งแต่ก่อนลัทธิของเขาจะถือกำเนิดและจะคงอยู่ต่อไปแม้ว่าลัทธิของเขาจะล่มสลาย
ไม่มีใครแน่ใจว่าชายต่างลัทธินี้เป็นแขกของใครแต่เมื่อท่านเจ้าตำหนักดูจะนิยมชมชอบการมาเยี่ยมเยือนของชายผู้นั้นและท่านที่ปรึกษาผู้เข้มงวดคนนั้นไม่มีทีท่าจะลงมือขับไล่อันใดพวกลูกศิษย์อื่นๆย่อมไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากต้อนรับขับสู้ไปตามมารยาทอันดี
อันที่จริงก็ใช่ว่าจะมีใครเกลียดชายผู้นั้นชายต่างลัทธิเป็นคนสนุกสนาน มักมีเรื่องเล่าน่าสนใจหรือไม่ก็ของแปลกๆบางอย่างติดไม้ติดมือมาสร้างความบันเทิงให้แก่คนในตำหนักเสมอ
เพียงแต่ทุกครั้งหลังจากชายผู้นั้นกลับไปตำหนักของพวกเขามักจะมีเรื่องอะไรแปลกๆเกิดขึ้น อย่างครั้งล่าสุดนั่นประไรหลังคนคนนั้นกลับไปไม่ถึงวันดีพายุหิมะหลงฤดูก็พัดผ่านตำหนักทำเอาเดือดร้อนกันไปทั่วดังนั้นจึงมีบางคนที่ออกจะแหยงๆและซุบซิบกันว่าผู้มาเยือนกิตติมศักดิ์นี้เป็นตัวซวย
แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วชายต่างลัทธินั้นเป็นแขก แม้จะรู้สึกแหยงๆหรือเห็นเป็นตัวซวยเช่นไรผู้คนแห่งตำหนักอัญเชิญก็ยังคงต้อนรับเขาด้วยมารยาทอันดีอยู่นั่นเอง
วันนี้แขกคนที่ว่านั่นปรากฎตัวขึ้นที่ลานกว้างของตำหนักอัญเชิญชายผู้นี้ไป-มาลึกลับไม่มีใครทราบวิธีเดินทางเขาปรากฎตัวพร้อมหมอกควันสีสันฉูดฉาดและเสียงโครมครามโฉ่งฉ่างอย่างเป็นเอกลักษณ์
ผู้ออกมาต้อนรับแขกขาประจำวันนี้คือท่านเจ้าตำหนัก
ชายผู้มีอำนาจสูงสุดของตำหนักอัญเชิญแทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาต้อนรับเพื่อนของตนหากเพราะต้องสงวนท่าทีไว้ต่อหน้าพวกลูกศิษย์ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี แล้วเชื้อเชิญเอาผู้มาเยือนไปยังเรือนของตนอย่างรวดเร็ว
เดอะฟูลเดินตามเจ้าตำหนักไปด้วยรอยยิ้มหากคนทั้งหลายเห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มสดใสของเขานั้นหมองลงไปอยู่หลายส่วนและหุบฉับหายไปทันทีเมื่อนั่งลงที่โต๊ะเตี้ยในห้องของนายเหนือแห่งตำหนักอัญเชิญ
“ข้ากำลังจะตาย"เดอะฟูลเริ่มอย่างเคร่งขรึม
คัตสึมิมองเพื่อนของตนด้วยดวงตาของปลาตายสงสัยว่าชายตรงหน้านี่จะอำเขาด้วยเรื่องตลกอะไรเหมือนเช่นที่เคยทำเสมอมาหรือไม่แต่เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ และคนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะตบมุกอันใดเจ้าตำหนักอัญเชิญจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
"โทษทีนะข้าตามไม่ค่อยทัน นี่ข้าต้องตบมุกเจ้าอะไร ตรงไหนหรือเปล่า..." คัตสึมิว่า
เดอะฟูลสบตากับเขาแยกเขี้ยววาววับ แล้วว่าเสียงดัง
"มุกที่ไหนกันเล่า!"ชายหนุ่มทุบโต๊ะปัง
"ข้ามีกำลังมีความรักเจ้าตำหนักและความรักจะทำให้ข้าตาย" เขาว่ายื่นแขนข้ามโต๊ะมาเขย่าคอเสื้อเจ้าของเรือนอย่างเสียมารยาท
คัตสึมิกลอกตารอบหนึ่งแล้วปรามสหายของตนให้สงบลง ก่อนจะต่อความ
"ใจเย็นน่าข้าไม่เคยได้ยินว่าความรักฆ่าคนได้มาก่อนเลยนะ"
"ทำไมจะไม่เคยข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังตั้งหลายเรื่องไม่ใช่เรอะ!พวกความรักชนิดตายตกตามกันไปนั่นน่ะ!" เดอะฟูลชี้หน้าคู่สนทนาพลางโวยวายเสียงดัง
คัตสึมิรู้สึกว่าตนสามารถเข้าถึงความเหนื่อยหน่ายใจที่ปรึกษาของตนแสดงออกมาให้เห็นบ่อยๆได้แล้วในยามนี้เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างพยายามสงบใจ
"ข้านึกภาพเจ้าตายตกตามใครไปไม่ออกเลยจริงๆ"ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองหน้าสหายไม่เชื่อว่าชายผู้ที่เคยประกาศว่าจะมีชีวิตยาวนานแม้ลัทธิของตนจะล่มสลายผู้นี้จะตายตกลงได้ด้วยเหตุอันใด
"ข้าคืออิสระเจ้าตำหนักหากข้าเริ่มยึดติดกับสิ่งใด ข้าก็จะตาย นั่นเป็นธรรมชาติของข้า..."เดอะฟูลสงบลงเล็กน้อย
"...
"ไม่มี"เดอะฟูลตอบทันควัน "ไม่มีสิ่งใดช่วยข้าได้เป็นธรรมชาติของข้าอีกเช่นกันที่ข้าจะรักคนที่ข้ารักแม้ว่าความรักนั้นจะทำให้ข้าตาย"แขกเจ้าประจำซดน้ำชาที่พวกลูกศิษย์นำเข้ามาเสิร์ฟโฮกใหญ่ แล้วถอนใจ
เจ้าตำหนักอัญเชิญเท้าคางมองหน้าเพื่อนที่มีไม่กี่คนของตน
ตอนนี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าชายตรงหน้านี้ต้องการสิ่งใดเดอะฟูลไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือหรือคำปลอบใจอาจเรียกว่ายอมรับความตายที่กำลังจะมาถึงนั่นได้แล้วด้วยซ้ำเพื่อนของเขาเพียงแต่ต้องการบ่นโวยวายตามนิสัยเท่านั้นเมื่อเข้าใจได้ดังนั้นคัตสึมิก็คลายใจ แล้วสนทนากับสหายไปตามปกติ
"ชีวิตเจ้านี่ประหลาดดี"เจ้าตำหนักอัญเชิญว่า
เดอะฟูลยิ้มรับ
"อิสระก็ประหลาดอย่างนี้แหละ"ชายผู้อ้างตนเป็นอิสระยักไหล่ดวงตาสีฟ้าใสมองสบมองสหายผู้ถูกกักขังชั่วนิรันดร์นิ่ง ในนั้นมีแวววูบวาบหลากหลายซึ่งคัตสึมิคิดว่าเขาเห็นบางอย่างที่คล้ายความรักอยู่ในนั้น...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in