เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cage and Key [yaoi]li_li_an
ตำหนักอัญเชิญและอากาศที่เปลี่ยนแปลง
  • โลกนั้นมีเพียงหนึ่ง หากมิได้มีเพียงหนึ่ง 

    มิติและเวลานั้นเหลื่อมล้ำทับซ้อน 

    ผู้คนแห่งวิถีอันหมุนเวียนคือบุคคลแห่งโลกเบื้องหน้า

    ส่วนข้าผู้บิดเบือนคือประชาแห่งโลกเบื้องหลัง

    และหากท่านคือผู้ปรารถนาจะเป็นประชากรแห่งโลกแล้วไซร้

    ท่านจะต้องเห็นให้ได้ว่าโลกทั้งสองคือโลกเดียวกัน

    ---------------------------------------------------------------------

         ฮิคารุ คัตสึมิ เป็นประชากรของโลกเบื้องหลัง เขาเป็นส่วนหนึ่งของมิติเอกเทศในโลกอันบิดเบือนที่เรียกว่าตำหนักมนตรา...และหากจะจำเพาะเจาะจงลงไปให้ชัดกว่านั้น คัตสึมิเป็นศูนย์กลางของตำหนักมนตราแห่งหนึ่ง เขาเป็นนายแห่งตำหนักมนตราที่เรียกว่าตำหนักอัญเชิญ

         ชายหนุ่มอยู่ในตำหนักแห่งนั้นมาตั้งแต่จำความได้ และมีคนบอกว่าเขามีชะตาที่จะต้องอยู่ในตำหนักแห่งนี้ต่อไปจนไม่สามารถจดจำอะไรเพิ่มได้อีก ชายหนุ่มเองก็ค่อนข้างเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงพยายามมีชีวิตอย่างสนุกสนานทุกวัน...สนุกสนานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ในมิติอันโดดเดี่ยวนี้

         คัตสึมิกำลังมองละอองสีขาวโปรยลงมาจากท้องฟ้าในมิติของตน ท้องฟ้าของตำหนักอัญเชิญนั้นเป็นสีฟ้าสดใสอยู่ตลอดเวลา นายแห่งตำหนักอัญเชิญคนก่อนหน้าเขาทำให้มันเป็นแบบนั้น และมันก็ยังเป็นแบบนั้นเรื่อยมาจนถึงสมัยของเขา เพราะเขาขี้เกียจและไร้จินตนาการเกินกว่าจะนึกอยากเปลี่ยนแปลงมัน

         แต่ไม่นานมานี้มีคนเติมจินตนาการให้เขา เขาจึงลองเปลี่ยนแปลงมัน เขาทำให้ท้องฟ้าของตำหนักอัญเชิญเปลี่ยนแปลงไป

         เมฆหิมะก้อนใหญ่โปรยละอองสีขาวออกมาอย่างต่อเนื่อง คัตซึมิอัญเชิญมันมาจากที่บางแห่งในมิติเบื้องหน้า แล้วประดับมันไว้บนท้องฟ้าในมิติของตน 

         เพื่อที่จะได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าอากาศหนาว และทิวทัศน์สีขาวของสิ่งที่เรียกว่าหิมะทับถม อันที่จริงชายหนุ่มกำลังสนุกสนานกับจินตนาการถึงการปั้นตุ๊กตาหิมะ และการเล่นปาบอลหิมะอยู่ด้วยซ้ำ ในตอนที่มีเสียงเลื่อนประตูดังขึ้นที่อีกฟากห้อง

         มีคนไม่มากที่กล้าเปิดประตูเข้ามาในเรือนของเขาโดยไม่เอ่ยขออนุญาต ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้ได้ทันที่ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

         "เจ้าตำหนักของข้า" เสียงเรียบเฉยเย็นชาของที่ปรึกษาของเขาดังขึ้นรับรองว่าเขาเดาได้ถูก ก่อนร่างผอมแห้งของชายผู้ครองตำแหน่งที่ปรึกษาสูงสุดแห่งตำหนักอัญเชิญจะพาตัวเองเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับเขาโดยแม้แต่เอ่ยคำขออนุญาตใด

         "ที่ปรึกษาของข้า" คัตสึมิรับคำ ยิ้มให้ชายวัยกลางคนที่อีกฝั่งของโต๊ะเตี้ย แล้วเอ่ยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างคนอัธยาศัยดี หากคู่สนทนาของเขานั้นมีอัธยาศัยแย่ยิ่งนัก ซ้ำยังไม่เห็นว่าเรื่องที่อีกฝ่ายถามนั้นมีสาระอันใด ผู้มาเยือนจึงเมินคำไถ่ถามนั่น แล้วเข้าสู่เรื่องของตน 

         "ท่านของข้า ท่านทำอะไรกับอากาศข้างนอกนั่น" ผู้มาเยือนถามเสียงเย็น 

         "หิมะอย่างไรเล่าที่ปรึกษาของข้า" ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วว่าต่อด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิ "สวยล่ะสิ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้ายินดี ข้าเป็นเจ้าตำหนักแสนดีที่นิยมตกแต่งตำหนักของข้าให้งดงามอยู่แล้ว" นายเหนือแห่งตำหนักอัญเชิญยิ้มแย้ม ยืดตัวขึ้น แล้วว่าต่อด้วยดวงตาเป็นประกาย

         "นี่ที่ปรึกษาของข้า เจ้ารู้หรือเปล่า ถ้ามันหนาขึ้นอีกหน่อยก็จะทำตุ๊กตาหิมะได้ด้วยล่ะ เดอะฟูลบอกข้ามา น่าสนุกจนทนรอแทบไม่ไหวแล้วเนี่ย!"  

         คนเป็นที่ปรึกษามองนายผู้กำลังตื่นเต้นร่าเริงของตนด้วยดวงตาปลาตาย 

         "ท่านของข้า นอกจากเรื่องพวกนั้นแล้ว เดอะฟูลได้บอกด้วยหรือไม่ว่าเวลาหิมะตกนั้นจะทำให้อากาศหนาวเย็น แล้วพอมันสะสมมากๆเข้าก็จะทำลายโครงสร้างของอาคารรวมถึงกีดขวางการสัญจร" ที่ปรึกษาแห่งตำหนักอัญเชิญว่าเสียงเย็น ก่อนโบกมือเรียกภาพปัญหาที่ว่ามานั่นให้ปรากฎขึ้นอากาศประกอบคำบรรยายของตน

         คัตสึมิเบ้หน้า มองภาพที่อีกฝ่ายเรียกออกมา พวกลูกศิษย์ห่อตัวกลมกิ๊กด้วยผ้านวมผืนใหญ่ และเหล่าคนงานของตำหนักที่กำลังขะมักเขม้น กวาดหิมะออกจากหลังคาและทางเดิน

         "ก็จัดการกันได้นี่ มันมีปัญหาตรงไหนกัน" ชายหนุ่มถามอย่างไม่ใส่ใจ พลางเอนหลังลงพิงเบาะแบบมีพนักของตน

         "การจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีปัญหานะขอรับ" คนใส่ใจกว่าตอบ สายตาเย็นเฉียบยิ่งกว่าหิมะกวาดมองผู้เป็นนาย 

         คัตสึมิสบเข้ากับสายตานั่น ความเย็นเยียบที่ถูกส่งมาจากที่ปรึกษาของเขานั้นมีอานุภาพร้ายแรง เขาเคยเห็นคนตรงหน้านี่สยบการทะเลาะเบาะแว้งของพวกลูกศิษย์ได้เพียงปรายตามอง แต่สำหรับเขาผู้ซึ่งอยู่กับสายตาน้ำแข็งเกาะนั่นมาเกือบทั้งชีวิต มันแทบจะไม่ส่งผลอะไรกับเขาเลยนอกจากเป็นการสะกิดเตือนให้เตรียมตัวรับคำเทศนากัณฑ์ใหญ่เท่านั้น

         เจ้าตำหนักทำนายน้อมรับคำเตือนที่อีกฝ่ายส่งให้แบบไม่รู้ตัวไว้ แล้วเริ่มหาเรื่องเบี่ยงประเด็นเพื่อรักษาสุขภาพอันดีให้แก่หูของตน

         "หิมะมันไม่ได้เย็นไปกว่าสายตาของเจ้าสักเท่าไรหรอกน่า แค่นี้พวกลูกศิษย์ทนได้สบายมากอยู่แล้ว" ชายหนุ่มว่า เว้นช่วงครู่หนึ่งเพื่อดูทิศทางลม เมื่อเห็นว่าตนยังสุ่มเสี่ยงต่อการโดนเทศนาอยู่เช่นเดิม เขาก็ว่าต่อ

         "โธ่ก็ข้าไม่เคยเห็นหิมะนี่นา ข้าต้องติดอยู่ที่ตำหนักนี่ไปทั้งชีวิตนะ ข้าเล่นนิดเล่นหน่อยจะเป็นไรไป" ชายหนุ่มเริ่มตีดราม่า คว่ำปากบูดบึ้งอย่างเด็กเอาแต่ใจ แล้วโวยวายต่อ

         "เจ้าเป็นที่ปรึกษาของข้าแท้ๆ ดันห่วงแต่คนอื่นว่าจะลำบาก ไม่ห่วงข้าบ้างหรือไง ข้าอาจจะเป็นมนุษย์ผู้น่าสงสารคนเดียวในโลกที่ไม่เคยเห็นหิมะเลยก็ได้ เจ้ายอมให้เจ้าตำหนักของเจ้าเป็นคนหูตามืดบอดไม่เคยเห็นหิมะได้รึ!" ว่าแล้วตบโต๊ะปึง

         หากคนโดนกล่าวหาว่าไม่ทำหน้าที่เพียงมองนายของตนอย่างสงบ เขาเองก็อยู่กับเจ้าตำหนักมานานเท่าๆกับที่เจ้าตำหนักอยู่กับเขา เขาจึงรู้ทันทุกลูกล่อลูกชนของคนตรงหน้า

         "ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลยขอรับ" คนรู้ทันว่า แต่กระนั้นก็ยอมลงให้อีกฝ่าย เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยข้อเสนอ "ถ้าท่านยอมขอโทษดีๆแล้วจัดการหิมะพวกนั้นซะให้เรียบร้อยข้าจะไม่เอาเรื่องก็ได้"  

         "ตกลง! แต่ขอจัดการหลังเล่นเสร็จแล้วได้รึเปล--" 

         "หรือท่านฟังข้าบ่นซักยกแล้วค่อยขอโทษแล้วไปจัดการ?" ผู้สูงวัยกว่าแทรกขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างผู้มีชัย

         "ก็ได้ คราวนี้ข้าให้เจ้าชนะ" คนเด็กกว่างึมงำรับคำ แล้วดีดนิ้วไล่เมฆหิมะหายไปจากท้องฟ้าของตน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in