Type : OS
Paring : Ae Jirakorn & Tom Isara
Rate : PG
Talk : อารมณ์มันมา แง
ผมเคยคิดว่าการได้แอบรักไปวันๆก็น่าจะเพียงพอสำหรับตัวของผมแค่ได้เห็นว่า‘เด็ก’คนนั้นมีความสุขยิ้มและหัวเราะไปกับความสิ่งที่เขาชอบหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขานั้นมีความสุขก็น่าจะพอแล้วจริงๆ..เพราะความชะล่าใจที่คิดว่าไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนั้นก็จะอยู่กับผมไปอีกนาน ผมเลยไม่เคยบอกความรู้สึกที่มีให้
และมันกลายเป็นความคิดโง่ๆของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่กล้าพอจะแสดงความรู้สึกที่มีออกไปให้กับคนที่เขาแอบรักสุดท้ายคนที่ต้องเสียใจและไม่มีใครรู้ก็เป็นผม คนโง่ที่ปากหนักไม่กล้าพูดความจริงออกไป
..........................
“ลุง!! มานั่งด้วยกันเร็ว”
ชุติมนนักร้องสาวร่างเล็กแต่พลังเสียงไม่ได้น้อยตามขนาดตัวที่ตอนนี้กำลังโบกมือเรียกคนเป็นพี่คนสนิทที่กำลังเหม่อยืนมองรูปพรีเวดดิ้งของคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกันในวันนี้ให้มานั่งข้างๆที่เธอจองที่ไว้ให้ จิรากรอมยิ้มให้ทว่าดวงตาไม่ได้ยิ้มตามริมฝีปากแม้เป็นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะพยายามกักเก็บอารมณ์เศร้าหมองของตัวเองลงส่วนที่ลึกสุดในหัวใจ
"ขอดูรูปแปบ เดี๋ยวไป"
“สวัสดีครับผม ผมโอ๊ตปราโมทย์มารับหน้าที่เป็นพิธีกรให้แก่คู่บ่าวสาวในวันนี้ครับผม”เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเมื่อพิธีกรรับเชิญเรียกเสียงฮาแก่แขกผู้ร่วมงาน
ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ยังคงจ้องรูปภาพที่มีชายหนุ่มหน้าหวานโดนสวมกอดด้านหลังจากใครบางคน สีหน้าทั้งคู่อบอวลไปด้วยความรักและความสุข จิรากรมองด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะบรรเทาลงไปบ้างแล้วแต่เมื่อต้องมาเห็นบรรยากาศงานแต่งงานพร้อมชื่อเด็กคนนั้นกับชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ชื่อของเขาแล้วมันก็ยากจะรับไหว
TOM & PECK
คนที่ควรยืนสวมกอดและยิ้มมีความสุขตรงนั้นมันควรเป็นตัวเขา เขาที่รักอิศรามาก่อนและรักมากกว่าใคร..
จิรากรจ้องหน้ายิ้มหวานของคนข้างๆอิศรา ผลิตโชคในภาพที่กุมมือคนรักโดยทั้งคู่สวมแหวานเช่นเดียวกัน ความโกรธและอิจฉาถาโถมเข้ามาในใจ อิศราและตัวเขาเข้าวงการมาช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนตัวผลิตโชคที่เป็นรุ่นน้องตามวัยแต่รุ่นพี่ในด้านการทำงานเข้ามาตีสนิทด้วย และหากเขารู้แต่แรกว่าอีกฝ่ายมาตีสนิทเพื่อใกล้ชิดกับเด็กคนนั้นในวันนั้นเขาจะไม่พาให้ทั้งคู่มารู้จักกันแบบนี้
“ฮะๆ”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง ริมฝีปากแค่นยิ้มให้กับความเป็นหมาขี้แพ้ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ทำได้เพียงโทษคนอื่นเพื่อรักษาแผลใจของตน
“เอาล่ะครับ เรียนเชิญแขกทุกๆท่านมานั่งที่จัดเตรียมไว้ได้เลยครับผมพิธีใกล้จะเริ่มแล้ว”
เสียงพิธีกรเรียกสติให้หมาขี้แพ้อย่างจิรากรได้สติกลับมา แต่เมื่อก้าวเดินออกไปก็เหมือนจะหมดแรงเสียดื้อๆ แต่เสียงปรบมือดังกระทบเข้ามาในสมอง สมองก็สั่งให้รับรู้ความเป็นจริงที่ว่าเขากำลังอยู่ในงานแต่งงานของคนที่แอบรักและยังเป็นงานแต่งในสวนที่เขาคิดไว้ว่าสักวันหนึ่งคงได้จัดงานแต่งที่นี่ และก็ได้จัดจริงๆแต่มันไม่ใช่งานสำหรับเราแต่เป็นสำหรับพวกเขาสองคน..
สวนหลังบ้านใหม่ที่อิศราซื้อเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนที่จะสนิทกับผลิตโชคดอกกุหลาบสีขาวข้างกำแพงที่เจ้าของบ้านชอบแต่เป็นจิรากรที่นำมาปลูกและรดน้ำพรวนดินให้ทุกครั้งที่มีโอกาสมาที่นี่ หินปูทางเดินที่เขาเป็นคนคุมงานเกือบทั้งหมดที่ตอนนี้ใช้เป็นทางเดินสำหรับคู่บ่าวสาว บ่อน้ำพุเล็กๆในสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่เขาเป็นคนขุดบ่อเองกับมือแถมยังออกแบบและตกแต่งด้วยกันกับอิศรา แต่บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเอาไว้หายไปและแทนที่ด้วยของตกแต่งงานมงคลต้อนรับเจ้าของบ้านคนใหม่อีกคนแทน
ทันทีที่เขานั่งลงเสียงซาวด์ดนตรีงานแต่งก็เริ่มขึ้นเหล่าเพื่อนเจ้าสาวโปรยกลีบดอกกุหลาบขาวเมื่อคู่บ่าวสาวเดินผ่านไป สายตาจิรากรจับจ้องไปยังร่างเล็กที่สวมสูทสีขาวแต่วันนี้ไม่ได้สวมแว่นตามปกติดวงตากลมโตที่กำลังหรี่ตามองทางอย่างตั้งใจทำให้เขาอดจะอมยิ้มกับท่าทางนั้นไม่ได้จริงๆ
พิธีการเริ่มต้นขึ้นด้วยบาทหลวงมาพูดตามพิธี คู่บ่าวสาวยืนจับมือกันด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้มจนน่าอิจฉาซึ่งเป็นภาพที่บาดใจของจิรากรไม่น้อย เขาได้แต่สบถในใจที่ได้มานั่งฝั่งที่มองเห็นสีหน้าอิศราได้ชัดๆแบบนี้แต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นสีหน้ามีความสุขของเด็กคนนั้น
“ผม..นายผลิตโชค จะขอรับสมัครรับนายอิศรามาเป็นสามีเป็นภรรยา เป็นเพื่อน เป็นน้อง เป็นทุกๆอย่างในชีวิตของตัวผมจะสุขจะทุกข์ก็จะขอให้มีแค่นายอิศราอยู่ข้างๆ...”
ผลิตโชคหยิบแหวนขึ้นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายพร้อมจุมพิตที่หลังมือ รอยยิ้มเขินๆปรากฏบนใบหน้าหวานได้อย่างง่ายดาย และค่าสายตาทั้งสองข้างของเขายาวพอที่จะเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าไปด้วยความสุขของอิศรา
และน้ำตาของจิรากรที่แห้งเหือดไปหลายเดือนหลังจากผ่านการเสียน้ำตามามากมายเมื่อรู้ข่าวงานแต่งงานครั้งนี้ ในตอนนี้ก็เริ่มผุดขึ้นมาคลออีกครั้งไม่ต่างกันกับอิศรา หากจะต่างตรงที่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความสุขแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจที่ไม่สามารถบอกกับใครได้เลย
“นายอิศราขอรับสมัครรับนายผลิตโชคเป็นสามีและขอสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่?”
อิศรานิ่งเงียบไม่ตอบในทันทีเขาประคองมืออีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยนก่อนจะกุมแน่นแล้วเงยหน้ามาสบตาคนเป็นเจ้าบ่าว น้ำตาไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างพร้อมริมฝีปากบางที่กำลังคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแขกในงานนิ่งเงียบจนได้ยินเสียงแมลงร้อง จิรากรเองก็นิ่งรอฟังสิ่งที่อิศราจะพูดและได้แต่ภาวนาในใจอย่างคนสิ้นหวังให้เด็กน้อยปฏิเสธคนตรงหน้าไปจนวินาทีสุดท้าย
ขี้แพ้จริงๆ..
นานเกือบนาทีที่อิศรานิ่งเงียบไปและเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ก่อนจะพยักหน้าและพูดตอบอย่างเสียงดังฟังชัด
“ผมรับนายผลิตโชคเป็นทุกอย่างให้ในชีวิตผมครับ”
หลังจากจบประโยคนี้ภายในตัวจิรากรกำลังแปรปรวน หูของเขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ แขนและขาชาจนขยับไม่ได้ หัวใจที่เหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาอย่างต่อเนื่องเมื่อภาพตรงหน้าคือทั้งสองคนกำลังจูบสาบานต่อหน้าพระเจ้าด้วยรอยยิ้มและความสุข น้ำใสๆไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ..
‘พี่เอ๊ะ’
เสียงที่แสนคุ้นหูดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่แสนมืดมิด แม้จะลืมตาแล้วแต่จิรากรก็มองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองแต่สัญชาตญาณสั่งให้เขามองหาเจ้าของเสียงอย่างบ้าคลั่ง ขาเรียวก้าวหาต้นเสียงอย่างไม่รู้ทิศทาง
‘ทอม.. ทอม!!’
เขาตะโกนเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มยังคงก้าวขาไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดมุ่งหมายมองไปทางไหนก็มืดสนิทและว่างเปล่า เย็นยะเยือกและน่ากลัว..
‘พี่เอ๊ะ’
เสียงหวานดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมจุดแสงสว่างเล็กๆที่เห็นอยู่ไกลๆ ไม่ต้องมีใครบอกขาของจิรากรก็ก้าวไปทางนั้นด้วยความต้องการเพียงจะเจออิศราเพียงเท่านั้น แม้จะหกล้มบ้างแต่เขาก็ยังคงวิ่งต่อไปเพียงเพื่อจะบอกความสิ่งที่ปิดมานานให้อีกฝ่ายได้รับรู้
แค่ได้บอกออกไปก็พอแล้วสำหรับเขา..
“ทอม!”
“แม่แหก!!”
จิรากรที่สะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาพร้อมกับอาการหายใจหอบราวกับไปวิ่งมาโดยข้างๆมีอิศราที่หงายหลังลงพื้นเพราะความตกใจ ดวงตากลมโตใต้แว่นขนาดใหญ่กระพริบตามองคนตรงหน้าอย่างงงๆ สติที่แตกกระเจิงเพราะอยู่ๆอีกฝ่ายที่กำลังนอนละเมอเรียกชื่อของเขาก็เด้งตัวขึ้นมานั่งจนทำให้เขาหงายหลังเพราะตกใจ หลังจากเก็บสติที่แตกกระจายไปได้กลับมาพอก็อดบ่นคนเป็นพี่ไม่ได้
“ตกใจหมดเลยพี่ ฮู้ว หัวใจเกือบวายตาย”
“...”
“เฮ้ย เป็นไรร้องไห้”
จู่ๆน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของคนที่ขึ้นชื่อว่ามาดแมนยิ่งกว่าใคร อิศราลนลานจนทำตัวไม่ถูกเพราะน้ำตาคนตรงหน้า
"พี่เจ็บตรงไหนเหรอ บอกทอมนะ ทอมจะได้ทำแผลให้"
หลังจากสติของจิรากรเริ่มกลับมาพร้อมเสียงหวานที่กำลังตกใจข้างๆ สายตากวาดมองรอบตัวอย่างฉงน เพราะข้าวของในบ้านหลังนี้ยังมีพลาสติกคลุมและยังมีกองข้าวของวางเต็มบ้านอย่างไม่เป็นระเบียบเต็มไปหมด
"ทอมรักษาไม่ได้หรอก"
"ฮะ?"
อิศราที่ยังคงบ่นนู่นบ่นนี่ในตอนแรกก็นิ่งไปเพราะความงง และเมื่อสายตากวาดมองไปยังสวนข้างบ้านขาของเขาก็พาวิ่งไปยังที่นั่นโดยทันที
ความสงสัยในอาการแปลกๆของคนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะวิ่งตามไปดู ภายในสวนที่ตอนนี้มีคนงานกำลังปูหินทำเป็นทางเดินและหลุมขนาดใหญ่ที่คนข้างๆขุดขึ้นมาได้บางส่วนเพื่อจะทำเป็นบ่อน้ำพุแบบที่เจ้าของบ้านอยากได้ แต่เพราะเจ้าตัวเหนื่อยก็เลยขอไปนอนพักที่โซฟาและเมื่อตื่นขึ้นมาก็ดูลนลานจนน่าตกใจ
“เป็นไรเนี่ย”มือเล็กวางบนไหล่ของจิรากรแต่เหมือนเจ้าตัวจะยังสติหลุดกลับมาไม่ครบสักที
ชายหนุ่มวัยกลางคนยังคงมองซ้ายขวาด้วยความลนลานแต่ไม่นานนักก็ค่อยๆสงบลง มือเรียวเสยผมหน้าม้าของตัวเองขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมรอยยิ้มดีใจ
“พี่.. ทอมเป็นห่วงนะเนี่ย กลับบ้านก่อนไหม”
“ไม่เป็นไร" จิรากรหันหน้ามาสบตาด้วยสีหน้าจริงจัง "ทอม”
“ฮะ?”
ไม่ทันได้ตั้งตัวคนหน้าหวานโดนอีกฝ่ายดึงเข้าไปซุกในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นจนหายใจไม่ออก และเป็นการกอดต่อหน้าคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่ อิศราตัวนิ่งทื่อด้วยความตกใจและเขินอาย
“พ..พี่ ทอมหายใจไม่ออก”
“ขออยู่แบบนี้อีกแปบนึง”
ดวงตากลมโตกระพริบอย่างงงๆพยายามหันไปมองสีหน้าอีกฝ่ายที่ไม่รู้มาอารมณ์ไหน แต่เมื่อพยายามดันออกก็โดนอีกฝ่ายกอดแน่นขึ้น อิศราถอดใจปล่อยให้คนแก่กว่ากอดอยู่อย่างนั้น รับรู้ได้ถึงความรู้สึกสั่นเทาจากร่างกายที่ตัวเองกำลังซุกอก มือเล็กเลื่อนขึ้นมากลางหลังก่อนจะลูบไปมาอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบใจแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายเสียใจเป็นเรื่องอะไร
จิรากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลออกมา เหตุการณ์ที่เห็นเมื่อสักครู่เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความฝัน หากเป็นเรื่องจริงก็เป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้เขาได้กลับมาแก้ไขสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำและหากเป็นความฝันก็นับเป็นฝันร้ายที่อาจจะบอกเหตุล่วงหน้าก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเพื่อยืนยันว่าตอนนี้เขาไม่ได้ฝันไป และลมหายใจอุ่นๆของอิศราที่รดต้นคอของเขาก็เป็นสิ่งยืนยัน
“ทอมหายใจไม่ออกแล้ว”
“โทษที”หลังจากสติกลับมาครบถ้วน จิรากรก็ผละออกเปลี่ยนมือไปกุมไหล่ของคนตรงหน้าไว้แทน
“ไม่สบายหรือเปล่าพี่”
“คือทอม ฟังพี่นะ”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายอิศราที่กำลังลุ่มล่ามมือแตะหน้าผากคนแก่กว่าอยู่ก็ลดมือลงไปยังข้างตัวเช่นเดิม บรรยากาศที่แสนจริงจังและหนักแน่นต่างจากปกติจนคนฟังต้องกลั้นหายใจรอเพื่อไม่ให้พลาดสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด
จิรากรสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มเหนี่ยวพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับสายตาที่แสนจริงจัง
“พี่ชอบทอมนะ”
“อ่อ..” อิศราพยักหน้าแต่ไม่นานก็เริ่มรู้สึกตัวกับคำพูดของคนตรงหน้าดวงตากลมโตเบิกโตราวกับไข่ห่านได้จนดูตลก “ฮะ?? ว่าไงนะ?”
“พี่ชอบทอม”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างฉงน ก่อนจะใช้กล้ามเนื้อในสมองประมวลผลกับคำพูดตรงหน้าให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
“ชอบทอม? แบบพี่น้อง?”
“ไม่ใช่ ชอบแบบคนรัก แบบแฟน”
“เอ่อ คือ...”
“ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจ แต่ไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้หรอก" รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้เช่นเดิม ความหนักอึ้งที่กดดันตัวเองถูกปลดปล่อยออกมาทันทีที่พูดความใจ ความรู้สึกปลอดโปร่งในใจทำให้เขายิ้มออกมาได้และไม่กลัวในคำตอบที่จะได้รับอย่างที่คิด
"คือ..."
"แค่อยากบอกให้รู้ไว้เฉยๆ ดีกว่าไม่พูดอะไรเลยจนมันไม่มีโอกาสได้บอก”
"..."
ทั้งสองต่างนิ่งเงียบมีเพียงเสียงของหินกระทบกันที่คนงานกำลังทำงานกันอยู่ จิรากรแอบเหล่ตามองพวกคนงานที่กำลังนิ่งรอฟังไม่ต่างจากเขาแต่พอรู้ว่าโดนจ้องก็กลับไปทำงานกันอย่างขะมักเขม้น อิศราที่กำลังทำหน้าคิดหนัก ริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างหลายครั้งแต่ก็นิ่งเหมือนเดิมทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนจิรากรต้องเป็นฝ่ายทำลายความน่าอึดอัดเสียเอง
มือเรียววางบนไหล่เล็กพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ยิ้มให้คนตรงหน้าเรื่อยมา
“ไม่ต้องไปคิดมากหรอก แต่ถ้าไม่อยากคุยด้วยเพราะอะไรก็ตามแต่บอกตรงๆได้เลยนะ..แต่พี่ไม่อยากให้ทอมลืมเรื่องที่พี่ชอบทอม”
“...”
“ทำงานกันดีกว่า เย้”
รอยยิ้มกว้างและสีหน้าสดใสที่ดูยังไงก็เป็นการแสดง จิรากรตบไหล่คนเป็นน้องแล้วเดินไปทำงานต่ออย่างที่ตนบอกจริงๆ จิรากรเริ่มขุดดินต่อโดยมีสายตาแสดงความเป็นห่วงจากอิศรามองมาอยู่ตลอด และเขารับรู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองอยู่เลยพยายามไม่หันไปหา
หลังจากเริ่มทำงานไปได้สักพัก อิศราที่ยืนนิ่งเงียบไปนานก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“พี่เอ๊ะ”
“หือ” แม้จะโดนเรียกแต่จิรากรก็ยังขุดดินไม่หันไปมองหน้าของอีกฝ่ายเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่อยู่ และเพราะกลัวใจตัวเองจะพูดอ้อนวอนเด็กคนนี้ทำให้ใจอ่อนมาคบด้วยความสงสารแทน
แบบนั้นเศร้ามากกว่าไปแต่งงานกับคนอื่นเสียอีก..
“ไม่ถามทอมหน่อยเหรอว่าตอนนี้มีคนที่ชอบอยู่หรือเปล่า”
คำถามชวนสะกิดใจจนคนแก่กว่าต้องยอมหยุดมือแล้วหันไปมองด้วยความสงสัยแทน ที่ผ่านมาเขาไม่กล้าถามออกไปเพราะกลัวในคำตอบ แต่ในเมื่อเขาบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีให้กับเด็กตรงหน้าไปแล้ว ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาเสียได้อีกต่อไป
จิรากรนิ่งเงียบแทนคำตอบเพื่อรอฟัง อิศราอมยิ้มหวานจนดูน่ารักและทำให้หัวใจเขาสั่นรัวได้ทุกครั้งที่มอง
“ถ้าทำบ่อเสร็จแล้วจะบอกนะ”
“ได้”
แม้ว่าเขาอาจจะต้องอกหักเพราะโดนอีกฝ่ายปฏิเสธความรู้สึก แต่การได้พยายามบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปคงดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วกลายเป็นหมาขี้แพ้ที่ได้แต่มองคนอื่นอย่างอิจฉา
"พี่จะรอฟังนะ"
Fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in