“สกุณาร่องลอยท่องนภา
ประกาศว่าธรรมชาติเหนือสิ่งไหน
แต่ก็คงไม่มีทางที่เหนือใจ
เพราะเหนือได้นั้นหมายเหนือตัวรู้สึก
หากแม้นเหนือความรู้สึกไซร้
จะพบได้เมื่อไหร่รู้ตัวระลึก
ชีวิตคงมีแต่คำว่าสำนึก
รู้สึกผิดชอบชั่วดีว่าอย่างไร
จงทำตัวให้เป็นรู้เท่าทัน
อารมณ์นั้นมั่นหมายให้เกิดผลได้
เกิดเป็นผลดีหรือผลร้าย
ขึ้นอยู่ใกล้ความจริงทุกทิวาราตรี
แม้นหากมีเงินทองนับว่าแสน
จิตใจล้วนแล่นเกิดความโลภฉะนี้
และคงไม่อยากทำบุญด้วยดี
เพราะทำบุญมีต้องทำเฉพาะหน้าคน
การทำบุญนั้นย่อมไม่ได้ดี
เพราะนั้นมีเกิดความหมองหม่น
เมื่อตายไปคงได้ไปค้น
พบจนเจอว่าไม่เหลืออะไร
สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงศรีศักดิ์
ไม่พบสักว่าดีหรือเลวหลาย
พบแต่ว่าชีวิตกำลังมลาย
ได้หายไปพร้อมกับตัวตนจริง”
เราอ่านหนังสือของนักเขียนท่านนี้หลายเล่มมากค่ะ และเรารู้สึกว่า เล่มนี้เป็นเล่มที่ชอบน้อยที่สุดค่ะ เพราะเรื่องราวที่นำมาเสนอนั้นคล้ายๆกับเรื่องเดิมๆที่เคยอ่าน ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จะไม่ทิ้งกลิ่นอายเดิมๆค่ะ
เรื่องสั้นสิบสี่เรื่องที่รวมเรื่องราวของการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง นั้นย่อมต้องดำเนินชีวิตให้ควบคู่ไปกับศีลธรรม และจริยธรรม ความดีงาม โดยควบคู่กับภาพมายาในความจริงด้วย ถัดจากนั้น ก็จะกล่าวถึงความคิดที่ถูกต้องย่อมอาจไม่ถูกจริตกับผู้อื่น แต่ขอให้ความคิดนี้อยู่กับความคิดที่ตรง (ก็คือตรงดีนั้นเอง) และตัวเราเองควรระมัดระวังตัวเราเองให้ดีที่สุด อย่ามัวไปเพ่งโทษคนอื่นเขา แต่เพ่งโทษตนเองให้บ่อยและดีที่สุด เพื่อจะพบว่าตนดีได้ด้วยตนทำ ตนคิดและตนพูดได้ด้วยดี (การรู้ตัวธรรมชาติของอารมณ์ของตัวเองทุกขณะ)
เราชอบเรื่องที่ว่าด้วย คนเป็นหรือคนตาย น่ากลัวกว่ากัน และคุณฐากูรมีการอธิบายอย่างเห็นได้โดยชัดว่า หากคนเป็นที่ไม่มีศีลธรรมก็ย่อมน่ากลัวกว่าคนตาย แต่หากคนเป็นที่มีศีลธรรมย่อมทำประโยชน์ที่ดีไว้มากมายกว่าคนที่สิ้นลมหายใจไปแล้ว
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in