เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LOOK A BREATHE (Series 3)nimon
SUZUME NO TOJIMARI (JAPANESE ANIMATION MOVIE) ดูเมื่อเดือน เม.ย.
  • รีวิวขนาดยาว (สปอยจนจบ)


    ก่อนที่จะรีวิว ขอคุยกันก่อน

    - เหตุการณ์จริง คือ เหตุการณ์สึนามิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม
    - หลังจากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ฟ้าจะมีสีสันที่สวยงามในอีกมุมมองหนึ่ง (เราเคยเจอเหตุการณ์หลังไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหว ฟ้าหลังพายุสวยงามจริงๆค่ะ)
    - ประตูแต่ละประตูไม่เหมือนกัน
    - ซุซุเมะตอนเด็กเคยไปดินแดนโลกอันนิรันดร์มาก่อน
    - สีสันแต่ละประตูมีแสงสีต่างกัน
    - ซุซุเมะกับโซตะเคยเจอกันมาก่อน
    - แต่ละเมืองที่ซุซุเมะไปเพื่อปิดผนึกประตู มีความสำคัญต่างๆกัน
    - ครอบครัวโซตะทำหน้าที่ปิดผนึกประตูมาตลอด โดยที่หน้าที่นี้ คือ ทำเพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ และแผ่นดินถล่ม


    - เรื่องราวนี้นำมาจากเรื่องจริง และตำนานผสมกัน โดยตำนานเล่าว่า แต่ละศาลเจ้าหรือวัดจะมีหินหรือศิลาในการผนึกวิญญาณชั่วร้าย อย่างเจ้าหนอน เจ้ามังกร (มีในรันม่าและไยบะ ที่จะเล่าถึงตำนานนี้เหมือนกัน) และต้องมีผู้กล้าในการผนึกวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นล่มสลายไปในที่สุด ดังนั้น ถ้าหากใครอ่านไยบะกับรันม่ามาก่อน ก็จะเข้าใจหน้าที่ของโซตะดีขึ้น
    - ใครเป็นคนมอบเก้าอี้สามขาให้ซุซุเมะตอนเด็ก


    - เก้าอี้สามขา หมายถึง ไม่มีใครที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ แต่มีเพียงความกล้าหาญที่จะก้าวเดินข้าวหน้าต่อไป อย่างมีสติเเละสัมปชัญญะ รวมถึง การกล้าตัดสินใจที่จะยอมรับมุมมองทีแตกต่างกันไป
    - ซุซุเมะแปลว่า นกกระจอก ซึ่งหมายถึงว่า “ความปลอดภัยของครอบครัว" เนื่องจากเอาชนะคลื่นขนาดใหญ่ได้
    - ไดจินเป็นแมว เพราะอาจารย์เป็นทาสแมว
    - อาจารย์บอกว่า ควรอ่านหนังสือก่อนไปดูหนัง จะดูรู้เรื่องกว่า
    - อยากบอกว่า บางอย่างมีแปลผิด เพราะภาษาญี่ปุ่นพูดอีกอย่าง ภาษาไทยพูดอีกอย่าง คือ เราคิดว่า ที่เป็นแบบนี้ เพราะคนแปลเหล่านี้ แปลมาจากภาษาอังกฤษ ไม่ได้แปลมาจากญี่ปุ่นโดยตรง อย่างเช่น Kirei Ne แปลว่า “สวยหรือหล่อก็ได้” แต่ในเรื่อง ซุซุเมะบอกว่า “เขาสวยจัง จริงๆคือ เขาควรหล่อจัง” เป็นต้น ซึ่งเล็กๆน้อยๆนี่ก็ไม่ควรพลาด

    เรามารีวิวกันค่ะ (สปอยจนหมดเลยนะ)


         ซุซุเมะกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก และกำพร้าแม่ เพราะเหตุการณ์สึนามิถล่ม และทำให้ซุซุเมะต้องมาอยู่กับน้าสาว น้าสาวรักซุซุเมะมาก จึงทุ่มเททุกอย่างให้กับซุซุเมะ จนไม่ยอมแต่งงานหรือมีใครเลย

         วันหนึ่ง บังเอิญซุซุเมะเจอกับโซตะโดยบังเอิญ และโซตะถามถึงเมืองร้างและประตู ซุซุเมะรู้สึกคุ้นเหมือนเคยเจอโซตะมาก่อน จึงอุทานไปว่า “Kirei Ne แปลว่า หล่อ สวย งดงาม หรือน่ารัก” และซุซุเมะตัดสินใจโดดเรียนไปตามหาโซตะที่เมืองร้าง ตามที่ตนบอก แต่เธอไม่เจอ เธอกลับเจอประตูแทน และเธอแปลกใจที่ประตูนี้ ทำให้เธอเห็นภาพที่เคยเห็นตอนเด็ก แต่เธอกลับเข้าไปไม่ได้ และขณะนั้นเอง ที่เธอเปิดประตูทิ้งไว้ เธอเห็นศิลารูปแมว เธอจึงตัดสินใจดึงขึ้น และศิลานั้นก็มีชีวิตกลายเป็นแมวขาววิ่งหนีออกไป


         เธอตกใจมาก จึงกลับมาที่โรงเรียน และขณะที่เธอกำลังจะกินข้าว เธอเห็นบางอย่างรูปร่างประหลาดคล้ายหนอน กำลังขยายตัวขนาดใหญ่ และอยู่ดีๆ มือถือของเธอกับคนอื่นก็สั่นขึ้น เตือนแผ่นดินไหวแต่พอเธอชี้ให้เพื่อนคนอื่นเห็นถึงหนอนนั้น ทุกคนกลับไม่เห็น เธอจึงรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจวิ่งกลับไปยังเมืองร้างนั้นอีกครั้ง


         เมื่อเธอกลับไปถึงเมืองร้าง เธอได้เจอกับโซตะ ที่กำลังจะปิดประตูพาเจ้าหนอนเหล่านั้นกลับเข้าไปในประตู โซตะไล่เธอให้หนีไป แต่ด้วยความกลัวบวกความกล้าทำให้ซุซุเมะตัดสินใจช่วยโซตะปิดประตูจนสำเร็จ โดยโซตะนำกุญแจมาปิดผนึกไว้ ก่อนที่ซุซุเมะจะขอร้องให้โซตะไปทำแผลที่บ้านเธอ และทันใดนั้นเอง ซุซุเมะเจอเเมวขาว (คือไดจิน) ที่หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู และเธอให้อาจารย์มันกิน ก่อนมันจะพูดภาษาคนและสาปให้โซตะเป็นเก้าอี้สามขา และมันก็หนีไป

         “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ใต้ดินแดนแห่งนี้ คอยคุ้มครองเรามาหลายชั่วคน ภูเขาและแม่น้ำทั้งหลายที่เป็นของท่าน ซึ่งพวกเรายึดถือเป็นของเรามาแสนนาน ขอส่งคืนกลับไป” Kami-Sama (พระเอกจะพูดถึงพระเจ้า)

    (เก้าอี้สามขาคือเก้าอี้ที่แม่ของซุซุเมะทำให้นั่งตอนเด็ก แต่มันเหลือสามขา เพราะอะไรบางอย่าง)


         ซุซุเมะกับโซตะที่กลายร่างเป็นเก้าอี้สามขาไปแล้ว จึงตัดสินใจจะไปตามหาไดจินและไปทำหน้าที่ปิดผนึกประตูต่อไป โดยที่โซตะไล่ซุซุเมะกลับไป แต่ซุซุเมะไม่ยอมกลับไป ดังนั้น ทั้งคู่จึงออกเดินทางตามรอยไอจีของไดจินไป

    เมืองแรก คือ เฮมิเอะ
         ทั้งสองบังเอิญเจอจิคะ ที่ทำส้มหล่น และทั้งคู่ช่วนกันไว้ จนซุซุเมะเห็นหนอน จึงตัดสินใจออกวิ่งไป แต่จิคะอาสาพาไป และเมื่อทั้งคู่มาถึง ก็เป็นโรงเรียนร้างที่ทั้งคู่ต้องช่วยกันปิดผนึกประตู โดยทั้งสองพยายามปิดโซตะทำหน้าที่สวด และซุซุเมะทำหน้าที่ไขปิดผนึกประตูไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปพักที่บ้านของจิคะ ที่เป็นโรงแรม และวันรุ่งขึ้นก็ลากลับ โดยที่จิคะมอบของให้


    เมืองสอง โกเบ
         หลังจากทั้งสองลากัน แล้วบังเอิญฝนตก รุมิขับรถผ่าน ทำให้ลดกระจกมาสอบถามทั้งสอง จึงพบว่า ทั้งสองจะไปโกเบ ดังนั้น รุมิอาสาพาทุกคนไปโกเบ โดยรุมิขอร้องให้ซุซุเมะดูแลลูกแฝดและล้างจาน 

         ขณะนั้นเองที่ซุซุเมะเห็นไดจิน จึงเรียกโซตะ และทั้งคู่บังเอิญเห็นหนอนตรงสวนสนุกร้าง ทั้งคู่จึงรีบไป โดยที่โซตะฝากซุซุเมะทำหน้าที่ผนึกประตู ส่วนเขาจะตามไดจินไป เพื่อจะได้นำไดจิตกลับมาทำงานเป็นศิลาผนึกประตูต่อไป 

         แต่ขณะที่ไดจินกับโซตะสู้กันอยู่ สวนสนุกดันกลับมาเดินได้อีกครั้ง ทำให้ซุซุเมะลำบากในการผนึกประตู และบังเอิญซุซุเมะเห็นภาพเดิมที่เคยเห็นตอนเด็กอีก จนเธอเดินตามเข้าไป และเกือบตกลงไป แต่โซตะมาช่วยทันก่อน และทั้งสองก็ผนึกประตูจนสำเร็จ

    เมืองสาม โตเกียว
         โซตะเรียกให้ซุซุเมะมาที่ห้องพักของเขา และซุซุเมะเจอเพื่อนของโซตะ ก่อนที่ทั้งคู่จะพบว่า ประตูที่โตเกียวเปิด และกำลังจะทำให้โตเกียวถล่ม จึงทำให้โซตะกระโดดไปตรงหนอนนั้น และซุซุเมะกระโดดตามไปอีก และทั้งคู่เจอไดจินที่สาปให้โซตะกลายเป็นศิลาแทน และซุซุเมะต้องตัดสินใจปักเก้าอี้สามขาหรือโซตะเข้าไป เพื่อหยุดโตเกียวถล่ม


    หลังจากนั้น
         ซุซุเมะจำที่โซตะบอกได้ว่า ภาพที่ซุซุเมะเห็นตอนเด็ก คือ โลกอันนิรันดร์หรือโลกแห่งวิญญาณ และซุซุเมะเห็นโซตะอยู่ที่นั้น เธอจึงตัดสินใจจะไปช่วยคนรักเธอ โดยที่เธอต้องกลับไปยังบ้านเกิดที่เป็นเมืองร้าง พร้อมกับเปิดประตูออกมาเพื่อช่วยโซตะ

    เธอเจอเพื่อนของโซตะกับคุณน้าของเธอ
         ทั้งสามกำลังจะออกเดินทาง ก็บังเอิญเจอเจ้าเหมียวไดจินที่เข้ามาที่รถ และทุกคนออกเดินทางไปพร้อมกัน ก่อนจะมีเหตุการณ์ทำให้เจอเจ้าเหมียวดำอีกตัวหนึ่ง และกลายเป็นว่า ทั้งสามพร้อมเหมียวสองออกเดินทางไปช่วยโซตะ 


         และซุซุเมะเจอประตูที่เธอเคยเจอตอนเด็ก เธอเปิดประตูออกไป และพบกับโลกอันนิรันดร์ พร้อมกับหนอนขนาดไหนที่กำลังจะหนีออกจากประตูไป เจ้าเหมียวดำกลายร่างเป็นสัตว์ที่ต่อสู้กับหนอน (เพราะความจริงแล้ว เจ้าเหมียวดำคือศิลาอีกอันที่ต้องผนึกสิ่งชั่วร้าย คือ ผนึกหนอนไว้เหมือนกัน) ส่วนซุซุเมะและไดจินรีบไปช่วยโซตะ


         ซุซุเมะขอร้องให้โซตะกลับมา โดยตัวเธอยอมทำหน้าที่ศิลา แต่ขณะที่โซตะกำลังกลับมา ไดจินเข้ามาช่วยและกลายร่างเป็นศิลาเหมือนเดิม ส่วนโซตะก็กลายร่างเป็นคน ทั้งซุซุเมะหยิบศิลาไดจินขึ้นมา และโซตะหยิบศิลาที่คือเหมียวดำขึ้นมาพร้อมกัน พร้อมกับทำหน้าที่ปิดผนึกหนอนเอาไว้ได้ในที่สุด และโตเกียวพร้อมญี่ปุ่นก็กลับมาปลอดภัยอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะลากัน และในไม่ช้า วันหนึ่ง วันที่ซุซุเมะมาเรียนปกติก็เจอกับโซตะที่รออยู่ที่เดิมซึ่งคือที่แรกที่เจอกัน และรักกันในที่สุด


    สปอยตอนเด็กของซุซุเมะ
         หลังจากที่ซุซุเมะกับโซตะหยุดหนอนสำเร็จ และใช้ศิลาทั้งสองผนึกเรียบร้อยแล้ว ซุซุเมะเจอกับซุซุเมะในวัยเด็ก และเธอบอกว่า เธอเข้าใจแล้ว ก่อนจะรีบหยิบเก้าอี้สามขาไปให้ตัวเองในวัยเด็ก และเด็กถามว่า เธอคือใคร ซุซุเมะตอบว่า “เธอคือวันพรุ่งนี้ของเด็ก” ก่อนที่เธอในวัยเด็กจะลาซุซุเมะตอนโตและโซตะก่อนเปิดประตูออกไปในที่สุด


    เรื่องราวทั้งหมดก็จบลง โดยเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความรักแบบโรแมนติกเหมือนตอน Your Name และ Weathering With You เท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้เน้นความจริงมากกว่า และเน้นการสอนชีวิตอย่างมาก เช่น
    - เธอคือวันพรุ่งนี้ของเด็ก คือ เธอคืออนาคตของเด็ก โดยปัจจุบันเป็นตัวชี้เหตุของอนาคต ดังนั้น อนาคตดีได้ หากทำปัจจุบันดี
    - จงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และอย่ากลัวที่จะก้าว โดยไม่ต้องหันหลังมาอีก เพราะอดีตผ่านไปแล้ว เราควรอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติและสัมปชัญญะดีกว่า
    เป็นต้น


         ดังนั้น เราหวังว่า รีวิวนี้จะช่วยให้เพื่อนๆเข้าใจเรื่องราว และสนุกไปกับการสปอยมากขึ้นค่ะ แต่บางอย่าง เราก็ไม่ได้เล่าลงรายละเอียด อย่างเช่น ตอนน้าสาวโกรธซุซุเมะ เป็นต้น



         นี่เป็นรีวิวที่ยาวมากๆอีกรีวิวหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้น เราขอให้ทุกคนมีความสุขและเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็ปลอดภัยและมีความสุขในวันแรงงานค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
    Look a Breathe
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in