ช่วงกลางเดือนมกราคม ก็เริ่มจัดให้คนเข้าออฟฟิศกันบ้างแล้ว แบ่งกลุ่มเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละ 1 วันก่อน ก็เลยมีโอกาสได้เจอพี่เกอร์ตัวจริงแล้ววว และใช่มาออฟฟิศครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สอง และเรามาคนเดียว เพราะพี่จับแยกกลุ่มกับเพื่อนๆ เลิ่กลั่กมาก เพราะตอนนั้นยังใช้ระบบจองโต๊ะไม่เป็น 5555 เราจองโต๊ะล่วงหน้ามาแล้วเราจะเช็กอินยังไง ? แต่โชคดีค่ะ พี่เกอร์มาช้ามากกว่าเราไม่กี่นาที พี่เลยช่วยสอนให้เราได้ก่อนหมดเวลาเช็กอิน
หลังจากนั้นพี่ก็จะพามาสอนพวกระบบของบริษัทโดยรวมก่อนว่าทำงานยังไง ติดต่อกันยังไง แผนการทำงานแต่ละไตรมาส ดูภาพรวมใหญ่เสร็จก็จะมาดูส่วนงานของเรา หลักๆ ก็มีตารางจองคิวไว้แบ่งงานกันว่าใครจะตรวจงานไหน วันไหนถึงวันไหน จะได้ไม่ชนเดดไลน์ และงานไม่ทับซ้อนกัน งานไหนเสร็จแล้วก็ลงข้อมูลบันทึกไว้ เป็นระบบดีมากเข้าใจง่ายด้วย สอนเสร็จพี่ก็โยนงานมาทำเราทำอีกที ให้เรารับส่งงานจากพี่เลี้ยงเป็นหลัก เพราะถ้าเอาพวกเราเข้าระบบโดยตรงมันจะวุ่นวายกว่า
ระบบการทำงานในส่วนของทีมที่เราอยู่ หลักๆ ก็จะเรียงจาก AT หรือฝ่ายวิชาการที่จะคอยคิดเนื้อหา แบบเรียน แบบฝึกหัด จากนั้นส่งต่อก็ED หรืออีดิตเตอร์ที่เพื่อนอีก 2 คนก็มาฝึกงานในทีมเดียวกัน ก็จะจัดทำ เรียบเรียงเนื้อหาลงรูปแบบหนังสือสำหรับเตรียมจัดพิมพ์ แล้วส่งต่อมาให้PF หรือพิสูจน์อักษร ก็ตรวจรูปแบบการจัดผิด ความคมชัด การสะกดคำ เนื้อหาซ้ำใด ๆ เสร็จแล้วส่งกลับให้AT ตรวจสอบที่พรูปว่าจุดไหนต้องแก้หรือจุดไหนไม่ต้องแก้ แล้วส่งต่อให้ ED และ PF ซ้ำอีก 1-2 ครั้งจากนั้นจะเริ่มจัดพิมพ์หรือส่งให้กระทรวงตรวจสอบและอนุญาตจัดพิมพ์จึงจะตีพิมพ์ต่อไปค่ะ
ตรวจไปหลาย ๆ วัน ก็เริ่มจับทางได้ พลาดน้อยลง ดีใจมาก ตอนที่พี่เกอร์ฟีดแบ็กมา คือ ตอนพลาดก็ใจแป่วนะ รู้สึกตัวเริ่มเล็กลง ๆ แต่พี่เกอร์ไม่ว่าเลย พูดดีมาก เชียร์อัปสุด (ฮือ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ) ใจน้อย ๆ ของหนูรู้สึกได้รับการเยียวยาถึงแม้จะเพิ่งโดนทุบมาก็ตาม
'คนเราก็พลาดกันได้ พี่ก็มีพลาด บางจุดที่เราเห็นพี่ไม่เห็นก็มี ฮิวแมนเออเร่อก็มีกันปกติ จุดนี้ที่เราบอกน่าสนใจนะ พี่ยังคิดไม่ถึงเลย ฯลฯ' ใจหนูตอนนั้นที่พี่เกอร์พูดคำเหล่านี้ออกมาคือช่วยชีวิตจริง ๆ จากคนที่เดิมมีก็ความมั่นใจในตัวเองก็ต่ำเตี้ย ได้ยินคนพูดแบบนี้ก็ใจฟูขึ้นมามีกำลังใจตรวจงานต่อ (เพราะปกติไม่ค่อยมีคนชมเรา มีแต่คนบ่น แหะๆ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in