เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทีกช่วงขณะก่อนเลือนลางAkifallingtone
Recapครึ่งปี2024
  • 30/6/24


    เข้าสู่ครึ่งปี2024อย่างเป็นทางการ เวลาผ่านไปไวเสมอ ไวอย่างติดจรวด เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่บ่นว่าทำไมมันนานจัง


    สำหรับบางคน เมื่อเข้าสู่ช่วงครี่งปี จะต้องมีการอัพเดตชีวิตของตัวเองว่าทำอะไรไปบ้าง โดยเฉพาะเป้าหมายที่ทำสำเร็จ สิ่งที่เป็นชิ้นเป็นอัน ในขณะเดียวกัน ก็มีการเล่าปัญหา ประสบการณ์ที่เจอมา ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ก็ตาม


    แน่นอนว่าฉันก็อยากบอกเล่าเหมือนกันว่าตลอดครึ่งปีแรก เราเจออะไรบ้าง

    เรื่องแรก ฉันได้ขึ้นบัญชี รอเรียกตัว

    นับเป็นการสอบหน่วยงานราชการที่เข้ารอบลึกจนถึงลำดับเลขที่ขึ้น อยู่ลำดับที่100กว่า หากเทียบกับเมื่อสองปีก่อนที่เข้าถึงลำดับที่300กว่าๆ ถือว่ายังพอมีความหวัง หากภายในสองปีเรียกถึง จะเรียกว่าเป็นรางวัลแห่งความพยายามอย่างหนักหน่วงในการเตรียมสอบตลอดระยะเวลาที่สอบราชการมาเกือบห้าปีเต็ม


    เรื่องสอง แฟนเก่าฉันกลับมาเคลียร์ปัญหาที่คาราคาซ้ง

    เรื่องที่เป็นตราบาปและโดนที่บ้านตอกหน้าว่าเปย์ผู้ชายจนไม่เป็นอันทำอะไร ภายใต้คำพูดนี้ ความจริงคือ อีกฝ่ายยืมเพราะติดปัญหา ความที่เราใจดีมากไป เลยช่วย แต่กลายเป็นการช่วยเหลือนี้จะนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้เลิกรา ติดคาราคาซังกับก้อนนี้ที่อีกฝ่ายไม่ได้จ่ายเยอะพอสมควร 

    ตอนนี้เขากลับมาทยอยเคลียร์หนี้ที่ก่อแล้ว
    ถึงอย่างไรก็เถอะ แต่ตราบาปที่โดนตราหน้าว่าเปย์ผู้ชาย มันยังติดอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แม้อีกฝ่ายอยากขอโทษก็ตาม แต่มันสายเกินแก้แล้ว

    เรื่องสาม คุณย่าเข้าไอซียูกระทันหัน

    เป็นเรื่องที่มาส่งท้ายครึ่งปีแรก คุณย่าวัยใกล้90แม้จะนอนติดเตียง แต่ท่านกินอิ่ม นอนหลับ พูดคุยกับพี่เลี้ยง ญาติพี่น้องที่แวะเข้ามาด้วยบรรยากาศที่สดใส

    แต่ทุกอย่างกลับอึมครึมเมื่อสองวันก่อนที่ท่านเริ่มมีอาการที่ผิดปกติ นั่นคือไร้ซึ่งความสดใส ไม่มีการพูดจาใดๆ บรรยากาศเงียบสงัด และแววตาที่เศร้าหมอง นั่นจึงทำให้ตอนเย็น เห็นรถโรงพยาบาลจอดหน้าบ้าน รับคุณย่าเข้าไอซียูกระทันหัน

    แม้อาการล่าสุด คุณหมอบอกว่าอาการดีขึ้น แต่ยังกลับบ้านไม่ได้ ที่สำคัญทุกคนในบ้านร่วมตัดสินใจ ไม่ให้มีการเจาะต่างๆ โดยเฉพาะลำคอ เพื่อให้ออกซิเจนวิ่งผ่าน เราต่างไม่อยากเห็นภาพคนที่เรารักต้องทรมานกับสิ่งนี้ ได้แต่ภาวนาให้ท่านกลับมาแข็งแรงโดยพลัน

    เรื่องสุดท้าย ที่บ้านยังไม่เข้าใจในตัวเราเหมือนเดิม

    กาลเวลาไม่ได้พิสูจน์ว่าฉันดีในแบบที่พวกเขาต้องการ นั่นทำให้นับตั้งแต่เรื่องสองที่กล่าวมาข้างต้นจนถึงเรื่องสุดท้ายปั่นทอนจิตใจพอควร พยายามปล่อยผ่านความคิดเชิงลบ ปลอบใจตัวเองไว้แล้วว่าอาการเราตอนนี้ใกล้ถึงจุดที่ไม่ต้องกินยาปรับเคมีในสมอง รวมถึงหลับได้โดยไม่ต้องพึ่งยา มันจะกลับมาพังทลายเพียงเพราะสภาพแวดล้อมเจ้าปัญหาที่ทำให้เราไม่สามารถก้าวผ่านไปได้

    แม้ที่บ้านจะบอกว่า อย่ามองว่าบ้านไม่ใช่เซฟโซน
    แต่เรากลับมองว่าไม่ปลอดภัยมานานแล้ว

    แม้จะมีพูดจาเปรียบเทียบ ด่าทอกับสิ่งที่เราเลือก สุดท้ายเราไม่สามารถหลีกหนีแวดล้อมความกดดันได้

    สุดท้าย ทำได้แค่ภาวนาให้ทุกเรื่องผ่านไปได้ด้วยดี
    อย่าให้มันเป็นฝันร้ายติดตัวเราชั่วนิรันดร์ก็พอ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in