DAY 10 : Gigantic
by somnambulist
#fictober2017 #linwoo
pairing; Lai guanlin x Park woojin
"เฮ้ย ไอ้เตี้ยเกะกะ!"
เด็กชายตัวเล็กผู้ถูกเรียกว่าไอ้เตี้ยถูกผลักให้ลมลงโดยเด็กชายตัวใหญ่ที่ดูท่าน่าจะเป็นหัวโจก กลุ่มเด็กชายห้าคนกำลังรุมล้อมเจ้าเด็กตัวเล็กที่ล้มคะมำและช้อนตาขึ้นมองอย่างน่าสงสาร
“ไอ้ขี้โรค มองทำไม ไม่พอใจเหรอ” มือป้อมดึงรั้งคอเสื้อเด็กตัวเล็กขึ้นมาสุดมือ
“…” ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“เหอะ ทีหลังอย่าทำตัวอวดเก่ง ไอ้เด็กขี้ฟ้อง กล้าเอาเรื่องพวกกูไปฟ้องครูต้องเจอดี หนึ่งหมัดซัดเข้าที่ใบหน้าของเด็กชายผู้น่าสงสาร ตามด้วยฝ่าเท้าของลูกสมุนที่พากันรุมเหยื่อตัวน้อยน่าสงสาร
“พวกเราสั่งสอนมัน เร็ว” เสียงห้าวสั่งเหล่าลูกสมุนตัวน้อยให้เข้ามาช่วยรุม
“จำเอาไว้อย่าคิดมาลองดีกับกู! ไม่งั้นจะเจอดีแน่ ไอ้เจ๊ก ไอ้ตุ๊ด!” เหล่าลูกสมุนล้อเลียนตามหัวหน้าแก้ง สัมทับความสะใจเต็มที่ ต่างพากันหัวเราะและทำท่าทางล้อเลียน จนเด็กชายที่กำลังบาดเจ็บตวัดตามองอย่างไม่พอใจ พยายามจะโต้กลับ ทว่าด้วยแรงอันน้อยนิดจึงถูกหนึ่งในลูกสมุนตัวโย่งผลักล้มลงไปกับพื้นอีกรอบ เด็กชายตัวอ้วนหัวหน้าแก๊งมองเหยื่อตัวเล็กด้วยความเคียดแค้น ฝ่าเท้าป้อมยกขึ้นเตรียมถีบอีกฝ่ายส่งท้าย
ซ่า
น้ำสีขุ่นกลิ่นเหม็นสาบถูกสาดเข้ามายังกลุ่มเด็กน้อยพร้อมถังที่ลอยกระทบศีรษะหนึ่งในลูกสมุนอย่างจัง ทำให้เหล่าเด็กน้อยตื่นตูม มองหาต้นตอกันเลิ่กลั่ก
“อะไรวะ!” เจ้าเด็กอ้วนหัวหน้าแก๊งหันไปมองตัวต้นเหตุด้วยความโมโห เมื่อเห็นว่าเป็นใครเจ้าพวกนี้ถึงกับหน้าซีดแต่ยังพยายามใจดีสู้เสืออยู่
“มีปัญหาอะไรกัน” เด็กชายที่ถือผ้าขี้ริ้วในมือเท้าสะเอวถามอย่างดุดัน พลางสาวเท้าเข้าหากลุ่มของเด็กชายตัวป้อม ดวงตาเรียวดุตวัดมองเจ้าหัวหน้าแก๊งอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่เรื่องของพี่” เด็กอ้วนตอบเสียงสั่น ด้วยความสูงที่พอกันทำให้มันไม่กล้าใช้กำลังเข้าขู่ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงรุ่นพี่และนักกีฬาโรงเรียน
“หรอ แล้วถ้าเราเอาไปฟ้องครูโบอา มันจะเป็นเรื่องของใครกันนะ”
“ไอ้..” นิ้วเรียวชี้หน้าเจ้าเด็กป้อมที่เผลอตวาดใส่ตนด้วยความไม่พอใจทันที
“คนพูดหยาบคายต้องโดนล้างห้องน้ำ จำได้ไหม แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่ถึงไม่รีบทำเวรให้เสร็จ”
“สั่งสอนไอ้ตุ...เพื่อนนิดหน่อยครับ พี่อย่ายุ่ง” หมัดเล็กๆถูกชูขู่ไอ้ลูกหมูจอมกร่าง ตาเรียวเหลือบมองเห็นเด็กชายตัวเล็กน้อยขดตัวอยู่ที่พื้นอย่างน่าสงสาร -- ไอ้หมูตอนนี่
“แกล้งเพื่อนอีกแล้วหรอ ครูโบอาไม่ให้ใช้ความรุนแรงนะ ถ้าเราต่อยบ้างพวกแกจะเป็นไงฮะ” กำปั้นล็กทำท่าจะพุ่งเข้าใส่หน้าเจ้าเด็กหัวโจก อีกฝ่ายมองอย่างหวาดกลัว อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่แถมยังตัวสูงกว่า ที่สำคัญเป็นหัวโจกประจำป.6 ด้วย เจ้าเด็กอ้วนกำหมัดแน่นอย่างโกรธเคือง
“ยังไม่ไปอีก เดี๋ยวก็โดนบ้างหรอก เจ้าอ้วน ห้ามแกล้งเพื่อนอีกเข้าใจมั้ย” ยกกำปั้นขู่พร้อมแยกเขี้ยวน้อยๆ
เจ้าเด็กอ้วนมองด้วยความโกรธเคืองแต่เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงวิ่งหนีไปด้วยความแค้นเคืองแต่ก็ไม่วายชี้หน้าด่าเด็กน้อยทิ้งท้าย “ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้ตุ๊ด”
“นั่น ยังอีก เดี๋ยวจะโดนจริงๆนะ” เหลือบตามองเด็กน้อยที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งงกอดเข่าตัวเองไว้อย่างน่าสงสาร เจ้าเด็กนี่ตัวกระเปี๊ยกเดียว ไม่แปลกที่จะโดนแกล้ง สภาพตอนนี้น่าสงสารชะมัด
“นี่ เป็นอะไรมั้ย” ตากลมโตเชยขึ้นมามอง ดวงตากลมแป๋วเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ใบหน้าเปื้อนมอมแมม ลำตัวบอบช้ำ ร่างกายสั่นเป็นลูกนกตัวน้อย
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” เอื้อมมือไปแตะไหล่เท่านั้นแหละ เจ้าเด็กนี่ร้องไห้จ้าพุ่งกอดเข้าเสียเต็มแรง
ยุ่งยากชะมัด
.
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ ทีหลังมีอะไรก็บอกครูเลยรู้มั้ยจ๊ะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาใหญ่โตจะทำยังไง เฮ้อ พวกนั้นก็เหลือเกินจริงๆ ขอบใจอูจินมากนะจ๊ะที่ช่วยน้องไว้ เอาละ กลับบ้านได้แล้ว วานอูจินไปส่งน้องเขาทีละกันนะจ๊ะ”
พัคอูจิน หัวโจกแก๊งป.6 ได้รับหน้าที่เลี้ยงดูเด็กน้อยน่าสงสารไปโดยปริยาย หลังจากไอ้เด็กนี้ร้องไห้น้ำตาแตกเกาะเขาไม่ปล่อย จนต้องรอมันหยุดร้องแล้วพามาห้องพยาบาลเนี่ยแหละ โชคดีที่พอทำแผลเสร็จมันก็หยุดร้องเปลี่ยนมานั่งยิ้มตาแป๋วพยักหน้าหงึกหงักอยู่นี่
“เอาละ กลับเลยเนอะ บ้านเราอยู่ไหนละ” เด็กน้อยเงยหน้ามองเขาตาใส จมูกแดงก่ำสูดน้ำมูกทีนึงก่อนจะตอบเขาอึกอัก
“เอ่อ..อยู่หมู่บ้าน...ฮัฟ” น้ำเสียงแปร่งๆแถมพูดไม่ชัดทำพัคอูจินแปลกใจไม่น้อย
“แล้วเดินไหวมะ งั้นขึ้นหลังพี่มาละกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกันพอดีเดี๋ยวไปส่ง” เด็กชายอูจินหันหลังย่อตัวให้อีกฝ่ายขี่หลัง เจ้าเด็กนั่นลังเลเล็กน้อยจนเขาต้องหันไปกดดันมันถึงกระโดดขึ้นมากอดคอเขาแน่น ตัวเบากว่าที่คิดแฮะ--แอ่ก รัดขนาดนี้หายใจไม่ออกว้อย
“แล้วตกลงชื่อไรอะ” พัคอูจินเอ่ยถามขึ้นเพื่อลดความเงียบ อีกฝ่ายสะดุ้งตัวเล็กน้อย
“คะ ควานลินฮับ ไลควานลิน” คางเล็กเกยไหล่เขา ศีรษะเล็กๆเอียงซบพัคอูจินอย่างสบายใจ
“ชื่อแปลกจัง ไม่ใช่คนเกาหลีหรอ”
“อื้อ คะ คนไทเปฮับ” แล้วไทเปนี่มันประเทศอะไรวะ ไม่ยักกะเคยได้ยิน ถึงว่าทำไมเด็กนี้มันพูดไม่ชัด
“แย้ว..พี่ละ ชื่อไร”
“อูจิน พัคอูจิน”
“อูจินนี่..” เรียกไม่พอยังหัวเราะเสียงสูงอีก ดีใจอะไรของมัน
“กี่ชวบแล้วล่ะเรา”
“8 ขวบแย้วฮับ”
“ทำไมตัวเล็กจังฮะ กินนมเยอะๆเข้าใจมั้ย จะได้สูงๆ”
“อื้อ กินแล้วจะสูงแบบอูจินใช่มั้ย” เขายิ้มตอบอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ไม่ถือสาที่อีกฝ่ายไม่ยอมเรียกตนว่าพี่--ไอ้เปี๊ยกนี่น่ารักชะมัด
“เอาล่ะ งั้นตั้งแต่วันนี้ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเอง เรียกฉันว่าบิ๊กบอยอูจินแล้วกัน” ใบหน้าปลาบปลื้มเหมือนเด็กน้อยเจอซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจนี่ หน้ารักจริง ให้ตายเถอะ
สายลมเย็นพัดผ่านไปทว่าความอบอุ่นของอ้อมแขนที่กอบกุมกันและกันกลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เด็กแปลกหน้าสองคนกลับรู้จักและคุ้นเคยกันในเวลาไม่นาน ก่อเกิดเป็นความผูกพันที่มองไม่เห็น นี่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเด็กน้อยสองคน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะเห็นภาพเด็กตาโตตัวจิ๋วเดินตามพี่อูจินของเขาต้อยๆ เสียงเล็กเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยความนับถือพร้อมเชื่อฟังพัคอูจินทุกอย่าง
“อูจินนี่...โตขึ้น ควานลินจะเป็นแบบอูจินละ จะสูงให้เท่าอูจินเยย ไม่สิ สูงกว่าเย้ย แล้วก็จะเป็นคนปกป้องอูจินด้วยนะ” เด็กน้อยหันมาบอกด้วยแววตาเปล่งประกาย
“ฮ่าๆ จะทำได้เหรอ เจ้าเปี๊ยกนี่ เอางี้ ถ้าสูงกว่าพี่ได้เมื่อไรจะยอมเป็นแฟนให้เลยอะ” อดยีหัวเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ ชอบพูดกับเข้าเจื้อยแจ้วว่าอูจินนี่เป็นของผมบ้างละ โตขึ้นต้องเป็นแฟนมันบ้างละ หนักสุดคืออูจินต้องแต่งงานกับควานลินเท่านั้น คิดแล้วก็ขำ ไอ้เด็กนี่เพ้อเจ้อชะมัด ผู้ชายเขาแต่งงานกันได้ที่ไหน
“สัญญาแล้วนะอูจิน” ชูนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าคนพี่ เด็กน้อยมองอย่างคาดหวังและตื่นเต้น
“อื้อ สัญญา”
ทว่าโชคชะตาไม่เคยปรานีใคร แม้แต่เด็กน้อยสองคนก็ตาม
พัคอูจินยังจำได้ว่าวินาทีที่โลกทั้งใบสลายลงเป็นยังไง เมื่อแม่ของเขาบอกว่าไลควานลินจะต้องกลับไปอยู่ไทเปหรือประเทศไต้หวันบ้านเกิด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไทเปอยู่ที่ไหนหลังจากเซ้าซี้ถามแม่ตั้งนาน เขารู้ รู้พอจะบอกได้ว่ามันคงไกลจากเกาหลี ไม่งั้นพ่อแม่ควานลินคงไม่แพ็คของกันยกใหญ่ ขนไปแทบจะหมดบ้าน และควานลินคงไม่ย้ายออกจากโรงเรียน ถ้าไลควานลินต้องกลับไป เราจะไม่มีวันเดินหรือได้ไปโรงเรียนด้วยกันอีกแล้วน่ะสิ
“แม่...ไทเปนี่ไกลมากไหม”
พัคอูจินเป็นคนใจแข็งและซื่อตรง
ตอนที่ไปส่งไลควานลินที่สนามบินเขาไม่ร้องสักแอะ แถมยังต้องเช็ดน้ำตาปลอบเจ้าเปี๊ยกอยู่พักใหญ่ มันร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อน จมูกแดงก่ำ ตาที่โตอยู่แล้วก็ยิ่งบวมหนักเข้าไปอีก ทั้งคู่ร่ำลากันยกใหญ่ไลควานลินเกาะเขาไม่ยอมปล่อยจนแม่ๆต้องมาช่วยกันแงะออก
“อูจินห้ามลืมควานลินนะ สัญญาก่อน”
“ไม่ลืมหรอกน่า”
และเมื่อถึงเวลาจะเดินเข้าประตูใหญ่ๆนั่น พัคอูจินจึงรับวิ่งไปยัดอะไรจดหมายที่แอบเขียนเมื่อคืนใส่มือไลควานลินพร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยควาเศร้าหมองและกอดมันเต็มแรงไปหนึ่งที ก่อนจะวิ่งหนีไปห้องน้ำโดยไม่เหลียวกลับมามองแม้แต่น้อย
“โชคดีนะ ไลควานลิน เจ้าเปี๊ยกของบิ๊กบอยอูจิน”
เวลาล่วงเลยผ่านไป ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากเด็กน้อยในวันนั้นพัคอูจินเติบโตเป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลายในที่สุด หน้าตาของพัคอูจินไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกเสียจากผิวที่คล้ำขึ้นจากการตากแดดเล่นกีฬาตามประสา สิ่งเดียวที่ผิดคาดคือส่วนสูงของพัคอูจินดูจะไม่เติบโตมากอย่างที่คิด เด็กหนุ่มสูงขึ้นแค่เท่ามาตรฐานทั่วไป ทั้งที่ตอนเด็กดูน่าจะสูงมากเสียด้วยซ้ำ และเนื่องจากเล่นกีฬาอยู่เสมอทำให้พัคอูจินรูปร่างสมส่วนแต่เมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อนผู้ชายวัยเดียวกันที่สูงขึ้นจนน่าตกใจ เขาก็ดูจะเป็นคนตัวเล็กไปโดยปริยาย
“มึงได้ข่าวยังว่ามีเด็กแลกเปลี่ยนเพิ่งย้ายมา” พัคจีฮุนเพื่อนสนิทคนเดียวที่ตัวพอกับเขาส่งบอลมาให้ ทั้งคู่พูดคุยสลับกับเลี้ยงส่งบอลเล่น ตอนนี้เป็นช่วงพักหลังจากชมรมฟุตบอลซ้อมกันมาอย่างดุดัน
“หึ ไม่นะ”
“เออ เขาว่ากันว่ามาจากไต้หวัน สูงยาวเข่าดี แถมหล่อชิบหาย” อูจินรับบอลพลาดเมื่อได้ยินคำว่าไต้หวัน เขาวิ่งเหยาะๆไปตามเก็บลูกบอล ในหัวพลันนึกถึงไอ้เปี๊ยกของเขาทันที ไม่รู้มันจะเป็นยังไงบ้างแล้ว สงสัยยังเตี้ยเหมือนเดิมแหงๆ
“เห็นว่ามันซ้อมบาสอยู่ที่โรงยิม กูว่าจะไปดูหน้าซักหน่อย จะหล่อแค่ไหนกันเชียว จะมาสู้ออลสตาร์แบบกูได้ยังไง มึงว่ามะ” อูจินแกล้งส่งบอลแรงๆใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ความหล่อเป็นสิ่งเดียวที่จีฮุนไม่เคยยอมให้ใคร ความมั่นหน้าของมันเป็นที่หนึ่งจริงๆ
พัคอูจินเดินมาเก็บอุปกรณ์ที่ห้องพละข้างโรงยิมหลังจากที่จีฮุนหาข้ออ้างนี้เพื่อมาส่องเด็กแลกเปลี่ยนที่ว่า แต่มันกลับหนีไปดูแล้วทิ้งให้เขามาเก็บของอยู่คนเดียวซะงั้น เมื่อเขาเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเองก็อดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้ดูโรงยิมจะแน่นขนัดผิดปกติ ก็สาวๆเล่นมายืนออ นั่งเชียร์นักบาสกันเต็มไปหมด
“อูจินๆ ทางนี้ นั่นๆ 10 นาฬิกา คนที่กำลังจะทำแต้ม เห็นมะคนนั้นแหละเด็กแลกเปลี่ยนที่เขาว่ากัน”
คนมุงดูกันแน่นจนเขาต้องเขย่งมอง แต่่ก็เห็นไม่ชัดเท่าไหร่นัก รู้แค่ว่าเด็กแลกเปลี่ยนนั่นสูงมาก ขนาดอยู่ในหมู่นักบาสโรงเรียนแล้วยังดูสูงเลย แต่เขาเห็นหน้าไม่ค่อยชัดนัก รู็แค่ว่าน่าจะหล่อเพราะสาวๆเล่นกรี๊ดทุกครั้งที่หมอนั่นกระโดดทำแต้มหรือเดาะลูกบาสกับพื้น
“กูไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องไปซื้อของให้แม่” สะกิดบอกเพื่อนสนิทที่ดูท่าจะไม่เลิกดูง่ายๆ พัคจีฮุนพยักหน้าและโบกมือลาส่งๆ เขาเลยผลักหัวมันทีนึงก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา แต่แล้วลูกบอลสีส้มๆก็กลิ้งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ
“วานส่งลูกให้หน่อยไอ้อูจิน” เป็นคังแดเนียล กัปตันทีมบาสที่ตะโกนบอกเขาเสียลั่นโรงยิม ทุกสายตาหันมาจับจ้องเขาจนน่าอึดอัด พัคอูจินไม่ชอบการเป็นจุดสนใจจึงรีบหยิบลูกบอลส่งคืนแล้วจ้ำออกมาจากโรงยิมโดยไม่หันไปมอง จึงไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องด้วยดีใจและตื่นเต้น
อาการรีบจ้ำอ้าวออกจากโรงยิมทำให้เขาลืมสังเกตรอบข้างจนเผลอเดินมายังบริเวณมุมอับของโรงเรียนโดยไม่รู้ตัว กลิ่นบุหรี่ที่โชยมาทำให้เขาได้สติ หันมองรอบข้างจึงรู้ว่าเขาเดินหลงมาทางห้องเก็บของเก่าหลังโรงยิม ซึ่งมักเป็นแหล่งรวมตัวกันของพวกอันธพาลประจำโรงเรียน กลิ่นบุหรี่ชัดเจนเขาอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อโรงเรียนห้ามสูบแถมมีบทลงโทษชัดเจน แต่ทำไมยังมีกลุ่มคนที่คิดแหกกฎอยู่อีก เลือดกรรมการนักเรียนเก่าในตัวมันเดือดพล่าน พัคอูจินจึงก้าวเขาไปดูจึงพบว่าเป็นพวกแก๊งอันธพาลรุ่นเดียวกับเขา--โจทก์เก่าน่ะอันที่จริง กำลังพากันสูบบุหรี่และล้อมวงทำอะไรสักอย่างที่ดูไม่น่าไว้ใจอย่างมาก
พัคอูจินพุ่งตัวออกไปเผชิญหน้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุบตีและเสียงตะคอก
“เฮ้ย ทำไรกันวะ” ภาพเด็กหนุ่มแต่งกายไม่เรียบร้อยในปากคาบบุหรี่อยู่ปรากฏขึ้นในสายตา วงล้อมเมื่อครู่แหวกออกเล็กน้อยเผยให้เห็นเด็กที่น่าจะเป็นม.ต้นกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ให้เด็กอนุบาลมาดูยังบอกได้เลยว่ากำลังโดนข่มขู่แน่ๆ
“เรื่องของพวกกู อย่าเสือกถ้าไม่อยากเจ็บตัว” หัวโจกของกลุ่มมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง โยนบุหรี่ทิ้งมาทางเขา มือล้วงกระเป๋ากางเกงทำหน้ากวนตีน
อูจินหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาถ่ายรูปอย่างรวดเร็วก่อนจะกดส่งให้พัคจีฮุนแล้วรีบเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงตัวเองทันที อย่างน้อยก็มีหลักฐานแล้ว
“มึงทำเหี้ยอะไร” อีกฝ่ายเดินเข้ามาประจันหน้า ส่งสายตาเกลียดชังและโกรธเกรี้ยวมาโดยไม่ปิดบัง
“ทำสิ่งที่ควรทำไง มึงปล่อยเด็กนั่นไปซะ ถ้าไม่อยากให้เรื่องถึงครู
“คิดว่ากูจะเชื่อมึงหรอ เอามือถือมึงมาแล้วลบรูปซะ กูจะพอทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้”
“ฝันไปเถอะไอ้โง่” คอเสื้อถูกกระชากขึ้นทันทีที่เขาทำหน้ากวนตีนกลับ
“ไอ้เวรนี่ เลือดนักเรียนดีเด่นมันยังไม่หมดไปอีกหรอวะ อย่างที่กูเคยบอกมึงไง อย่าเผลอ กูเอาคืนมึงแน่ แล้ววันนี้ก็วอนมาหาเรื่องพวกกูเองเสียด้วย คงต้องสั่งสอนให้สำนึกแล้วว่าอย่ามาแหยมกับกู” ดูหนังมากไปรึไงไอ้เวรนี่
“กูกลัวตายห่า” เขาหลับตาปี๋เมื่ออีกฝ่ายง้างมือจะต่อย พยายามแกะมือและหาทางสู้กลับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่
พลั่ก
เสียงหมัดหนักๆซัดเข้าที่ใบหน้าทำเขาสะดุ้ง เบิกตามองอย่างงงวยเมื่อพบว่าแทนที่กำปั้นนั้นจะกระทบกับหน้าของเขากลับมีหมัดจากใครอีกคนที่พุ่งเข้ามาซัดหน้าไอ้หัวโจจนล้มไปกองกับเพื่อน เป็นเด็กหนุ่มในชุดบาสตัวสูงชะลูดที่กำลังหอบหายใจถี่อยู่ด้านข้างเขานั่นเองที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่
“พวกเหี้ยนี่ รอไรกันวะ จัดการมันสิ” เหล่าลูกน้องพุ่งเข้ามาจะรุมเขาทันที ทั้งอูจินและเด็กตัวโย่งข้างกายพยายามป้องกันและสวนกลับแต่ดูท่าจะเกินกำลังเขาไม่น้อย
“อูจิน ระวัง” เสียงร้องเตือนพร้อมร่างสูงวิ่งเข้ามาบังเขาทันทีเพื่อรับหมัดหนักจากไป้หัวโจกที่ลุกมาลอบกัดเขาจากข้างหลัง ใบหน้าหล่อหันตามแรงปะทะ โลหิตสีแดงปรากฏขึ้นที่มุมปาก โชคดีที่เด็กนี่ดูน่าจะต่อสู้เป็นเพราะทันที่ที่ตั้งสติได้ก็สวนกลับ ถีบเข้าที่สีข้างของไอ้หัวโจกจนมันไถลไปโดนลูกน้องพากันล้มระเนระนาด พัคอูจินสวนหมัดใส่ลูกน้องอีกคนจนล้มลง มือหนาของเด็กล่างสูงก็ฉุดให้เขาวิ่งอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นช่องทางสะดวก
“หนีก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกพี่แดนกะเพื่อนอูจินน่าจะตามมาจัดการให้ เราไม่ไหวหรอก” อีกฝ่ายกระชับมือเขาแน่นขึ้นและพาวิ่งจนพ้นบริเวณนั้น
“แฮ่กๆ น่าจะพ้นแล้วนะ” เด็กตัวสูงหันมาบอกแต่ยังคงกุมมือเขาไว้แน่น
“เอ่อ อืม น่าจะพ้นแล้ว..ยังไงก็ขอบคุณนะ” อูจินพยายามดึงมือออกมาแต่อีกฝ่ายกลับกุมแน่นขึ้น
พัคอูจินรู้สึกงงงวยอย่างบอกไม่ถูก ไอ้เด็กนี่เป็นมาอะไรถึงจ้องหน้าเขาอยู่ได้ ทำตัวเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ว่าแต่มันชื่ออะไรนะ ก็หล่อดีอยู่หรอก แต่หน้าคุ้นๆบอกไม่ถูก ชื่อมันติดอยู่ที่ปาก
“นี่...จำผมไม่ได้เหรอ ไม่สิ ไม่คุ้นหน้าผมเลยหรอ” เด็กยักษ์นี่ชะโงกหน้าเข้ามาจนเขาตั้งตัวไม่ทัน
“เอ่อ.. เราเคยเจอกันหรอ” ก็คุ้นหน้าอยู่หรอกแต่มันนึกไม่ออกนี่
“โห ผมน้อยใจนะ”
“ฮะๆ ขอโทษทีนะ” พัคอูจินพยายามดึงมืออกมาอีกครั้ง แต่เด็กนี่กลับบีบมือของเขาจนเจ็บ ใบหน้าบึ้งตึงบ่งบอกว่าเจ้าตัวผิดหวังอย่างมาก
“ว่าแล้วว่าพี่ต้องจำผมไม่ได้ อูจินนี่ขี้โม้ บิ๊กบอยอูจิน ไม่รักษาสัญญา” อะไรของมัน แต่สรรพนามที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานกลับทำใจของพัคอูจินสั่นไหว ไอ้เด็กยักษ์นี่ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง
เด็กหนุ่มตัวสุงโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใกล้ๆ ตาใสจ้องมองเขา เหมือนกับจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่
“ไม่เป็นไร ผมจำได้ก็พอ”
.
.
“ไลควานลิน ชื่อนี้พอจะคุ้นไหมครับ”
สายลมพัดกลุ่มผมปลิวสไว ลำแสงยามเย็นสาดกระทบกับผิวน้ำเป็นประกายสีส้มจางๆ สองร่างนั่งเคียงข้างกันบนสนามหญ้าริมคลองข้างโรงเรียน พัคอูจินถึงกับทำหน้าไม่ถูกตอนรับรู้ความจริง เหมือนคนโดนต่อยหมัดฮุกเข้าที่หน้า สมองว่างเปล่าแต่หัวใจสั่นไหวราวกับวิ่งรอบสนามเป็นรอยรอบ มือเอื้อมไปจับหน้าอีกฝ่ายหวังจะพิสูจน์ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตาก็ได้รับการยืนยันจากเสียงร้องโอดโอย เมื่อเขาไปแตะเข้าที่แผลช้ำตรงมุมปาก เสียงร้องโวยวายเหมือนเด็กน้อยและตาโตที่คลอไปด้วยน้ำใสยิ่งตอกย้ำความจริงว่าเด็กตรงหน้าคือ ไลควานลิน ไอเปี๊ยกของเขา
เด็กน้อยที่วันนี้เติบใหญ่จนสูงนำเขาไปมากโขเอ่ยปากเล่าเรื่องราวของตนอย่างร่าเริง ปากอิ่มบอกเล่าเสียงดังเจื้อยแจ้ว เล่าจนลืมว่าตนเองมีบาดแผลตรงริมฝีปาก เวลาที่เจ้าตัวเผลอหัวเราะเสียงดังก็จะต้องร้องโอดโอยให้เขาปลอบอยู่ร่ำไป พัคอูจินสบายใจว่าอย่างน้อยไอ้เปี๊ยกของเขาไม่สิ ตอนนี้มันกลายเป็นไอ้เด็กยักษ์แล้วยังไม่เปลี่ยนไปสักนิด จะมีก็แต่ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นจนหน้าตกใจ ร่างกายที่ดูกำยำตามประสาคนเล่นกีฬาและใบหน้าที่ดูหล่อเหลาขึ้นเท่านั้น ไลควานลินยังคงเป็นเด็กขี้อ้อนและงอแงเช่นเคย แต่พัคอูจินสังเกตได้ว่าดวงตากลมโตนั้นแฝงความสดใสและมั่นใจมากกว่าเดิม อยู่ที่นู่นคงมีความสุขดีสินะ
“อูจินรู้ไหมว่า ควานลินน่ะรออีเมลล์จากอูจินทุกวันเลยนะ อยู่ๆก็หายไป นึกว่าเกลียดกันซะแล้ว โชคดีที่คุณน้ายังติดต่อกะแม่อยู่เลยบอกว่าอูจินน่ะบ๊องแค่ไหน”
“อะไรเล่าก็แค่ลืมพาสเวิร์ดเมลล์เก่าเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยสนใจเช็คเมลล์ด้วย ใช้ยากจะตายพวกเทคโนโลยีอะไรแบบนั้น” พัคอูจินก็แค่ลืมพาสเวิร์ดเมลล์เก่าเอง ทำให้ไม่ได้ตอบกลับอีเมลล์เด็กนั่นอีกเลย อีกอย่างถึงสมัครเมลล์ใหม่เขาก็จำอีเมลล์มันไม่ได้อยู่ดี เรื่องเฟซบุ๊ค คาทกอะไรไม่ต้องพูดถึง เขามีประดับเครื่องไว้งั้นแหละ ใช้ไม่ค่อยเป็นหรอก ถูกจีฮุนบังคับให้สมัคร เขาก็ทำๆตามที่มันบอกแต่ก็ไม่ค่อยสนใจหรอก
ไลควานลินมองพี่ชายข้างกายด้วยสายตาอบอุ่น มือหนาจับมือของพี่ชายสุดโปรดมาวางบนศีรษะตนเอง บังคับให้อีกฝ่ายลูบผมเช่นแต่ก่อน พัคอูจินยอมทำตามด้วยความเอ็นดู ควานลินหลับตาพริ้มทำท่าเหมือนหมาถูกเจ้าของลูบขนซะอย่างนั้น แอบขยี้ผมมันไปสองสามทีด้วยความหมั่นไส้--โตมาร้ายขึ้นนะไอ้เเปี๊ยก
“อูจินว่าควานลินสูงขึ้นไหม ควานลินสูงกว่าอูจินตั้งเยอะแหนะ จากที่ลองกะดู” อยู่ๆเจ้าเด็กนี่ก็ลืมตาขึ้นมาจ้อง เล่นเอาพัคอูจินวางตัวไม่ถูก
“เว่อร์ไป ฉันสูงตามมาตรฐานเหอะ ควานลินนั่นแหละ ทำยังไงถึงสูงขึ้นขนาดนี้ แต่ก่อนตัวกะเปี๊ยกเดียว เจอกันอีกทีสูงอย่างกับยักษ์” ตบหัวเบาๆหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้ ทำหน้าทำตาภูมิใจนักไอ้เด็กนี่
“ไม่แปลกหรอกที่จำไม่ได้ ใครจะไปนึกว่าวันนึงไอ้เด็กน้อยหน้าเอ๋อตัวเท่าไหล่จะสูงขึ้นพรวดขนาดนี้”
“ก็ตั้งแต่กลับไปควานลินก็ตั้งใจกินนมทุกวันจะได้สูงแบบอูจินนี่ แต่ไม่นึกว่าอูจินนี่จะหยุดสูงซะได้” ไอ้เด็กยักษ์ยื่นมือมาโยกหัวเขาอย่างกับเพื่อนเล่น--เดี๋ยวก็โบกเลยนี่ ลามปามใหญ่
“ควานลินสูงกว่าอูจินแล้วนะ ยังจำที่สัญญากันได้มั้ย” เด็กหนุ่มตัวสูงหยิบเศษใบไม้ที่ปลิวมาติดที่ปลายผมเขาออกอบ่างแผ่วเบา มือหนาไล้ตามกรอบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน ตาเรียวจับจ้องกันและกันโดยไม่ละสายตา ก้อนในอกซ้ายของพัคอูจินเต้นรัว ไออุ่นจากใครอีกคนโอบล้อมกายเข้ามาโอบล้อมรอบตัว
“ควานลินกลับมาแล้วนะ กลับมาหาอูจินนี่ กลับมาหาบิ๊กบอยอูจินของควานลิน” ดวงตากลมโตส่งสายสื่อความหมายให้พัคอูจิน แย้มยิ้มบางเบาแต่กลับสั่นคลอนจิตใจของเขานัก
“จากนี้ควานลินจะเป็นฝ่ายปกป้องอูจินบ้าง”
“กลับมาทวงสัญญาแล้วนะ...อูจินนี่” ปลายนิ้วเกลี่ยที่ข้างแก้มเขาอย่างโยน ยามสัมผัสโดน หัวใจของอูจินก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ภาพความทรงจำฉายชัดอยู่ในหัว
‘อูจินนี่...โตขึ้น ควานลินจะเป็นแบบอูจินละ จะสูงให้เท่าอูจินเยย ไม่สิ สูงกว่าเย้ย แล้วก็จะเป็นคนปกป้องอูจินด้วยละ’
‘ฮ่าๆ จะทำได้เหรอ เอางี้ ถ้าสูงกว่าพี่ได้เมื่อไรจะยอมเป็นแฟนให้เลยอะ’
สายลมพัดผ่านอีกครั้ง ปอยผมปลิวสไวไปตามแรงลม ดอกหญ้าด้านข้างเอนไหวและหลุดลอยไปในอากาศ แสงอาทิตย์ทอประกายสีแสดและใกล้ลาลับขอบฟ้า เสียงกริ่งจักรยานหรือเสียงพูดคุยของผู้คนละแวกนั้นดังขึ้นอย่างแผ่วเบา มือหนาละออกจากใบหน้าเขาเชื่องช้า สายตายังคงจ้องมองกันและกันราวกับมีพลังแม่เหล็กบางอย่างดึงดูด ลำแขนแกร่งโอบรอบกายของคนที่เขาเฝ้ารอมาเนิ่นนาน แรงบันดาลใจและสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตของตน เขากลับมาแล้ว กลับมาหาหัวใจอีกครึ่งดวงของเขา และจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากจากกันอีก
“สูงกว่าแล้ว ควานลินไม่ใช่เจ้าเปี๊ยกของอูจินแล้วนะ"
เพราะอย่างนั้น... เป็นแฟนกับควานลินนะบิ๊กบอยอูจิน”
.
.
‘สัญญาแล้วนะอูจิน’
‘อื้อ สัญญา’
เด็กยักษ์ของบิ๊กบอยอูจิน
“Somehow I always knew no matter how far we drifted away from each other,
that we would find our way back to each other again.”
- the better man project
--------------------------------------
TALK;
แต่งไปแต่งมาดันมันส์มือ ยาวอีกแล้ว อยากมีเด็กยักษ์ของตัวเองบ้าง เห็นรูปน้องหลินตอนเด็กแล้วมันงุ้ยมาก รู้สึกว่ามันพอจะตรงหัวข้อแค่ว่าทั้งคู่เป็นตัวใหญ่ของกันและกันมาก่อน ไม่เป็นไรเนาะ แหะๆ รู้สึกว่าคำที่อธิบายตอนนี้ได้ดีที่สุดคือ What's meant to be will always find its way. ฮิฮิ ลงดึกอีกแล้ว แง ช่วงนี้งานถาโถมมากไม่สามารถปั่นไหวจริง จะพยายามกระดึบๆออกมาให้ทันวันให้ได้(พูดตั้งแต่ตอนที่ยันตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้ ..)
พูดคุยกันได้เหมือนเดิมที่ @somnambulist_97 และแท็ค #somnamxfictober ค่า
เป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นมรสุมการเรียนและโปรเจคให้น้องที แง
ตลกอูจินอ่ะ ไม่ถนัดใช้เทคโนโลยีใช่ปะ เหมือนเค้าเลย 555