ฉันหลุดออกจากเสียงเพลงของเขา เพราะเสียงประกาศว่าถึงสถานีที่เป็นจุดหมาย ฉันเก็บหนังสือที่หยิบมาอ่านระหว่างเดินทาง ม้วนหูฟังใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาเตรียมลงสถานี แล้วรีบเดินไปทางออกเพื่อเข้าทำงานให้ทันเวลา
แต่เพลงที่ฉันได้ (แอบ) ฟังจากคนข้างๆ บนรถไฟฟ้า ช่างชวนให้นึกถึงอยู่ตลอดทั้งวัน
นาฬิกาบอกเวลา 20 นาฬิกา เป็นเวลาอันดีที่สถานีรถไฟฟ้ามีคนจำนวนน้อย และเดินทางได้คล่องตัว ฉันลงบันไดเลื่อนไปรอรถไฟฟ้าที่ชานชาลาซึ่งจะเทียบสถานีในอีก 3 นาที รถไฟฟ้าในตัวเมือง ไม่สิในทุกๆ ที่ของเมืองที่มีรถไฟฟ้าผ่าน สามารถคำนวณเวลาและรถไฟฟ้าจะมาตรงเวลาทุกครั้ง ถือเป็นหนึ่งเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองนี้
ที่ชานชาลา หลายๆ คนทั้งที่กำลังจะกลับบ้าน หรืออาจจะเดินทางต่อ หรือไปไหนก็แล้วแต่ ต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเองยิ้มให้กันบ้างบางที ฉันยังแอบคิดในบางที 'ถ้าเกิดเราเดินไปทักคนที่เจอกันบ่อยๆ ที่สถานีรถไฟฟ้า จะเป็นเรื่องแปลกรึเปล่า'
ฉันหยุดความคิดนั้นเอาไว้เพราะรถไฟฟ้ากำลังเทียบชานชาลา เก้าอี้ที่เรียงรายอยู่ในขบวนรถช่างว่างเปล่า เรียกได้ว่าจำนวนคนในขบวนรถนั้นมีจำนวนไม่เยอะเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเช้าในทุกๆ วัน
หนังสือที่อยู่ในกระเป๋าของฉันทั้งวัน ได้ออกมาพบกับอากาศก็คราวนี้ ระหว่างทางนั่งกลับบ้านนั้น ก็ใช้ระยะทางและระยะเวลาพอควร นอกจากเพลง ก็มีหนังสือนี่แหละที่คลายความน่าเบื่อระหว่างเดินทางให้กับฉันได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่กำลังเข้าไปในรถไฟฟ้า ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาข้างๆ ตัวฉัน ผมบลอนด์เข้มของเขาคนเดิมกับเป้ใบพอเหมาะ สเวตเตอร์ตัวเดิมที่เขาใส่ประจำ เดินเข้ามาพร้อมกับฉัน เพลงที่ดังลอดออกมาจากหูฟังของเขา ทำให้ฉันสงสัยว่าเขาต้องฟังเพลงดังขนาดไหน ถึงได้ยินลอดออกมาดังขนาดนี้
ในขบวนรถคนค่อนข้างโล่ง คนไม่เยอะมากเท่าไหร่หรืออาจจะเป็นวันหยุดคนก็เลยไม่เยอะเท่าทุกๆ วัน แต่ที่นั่งถูกจับจองไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนฉันเดินเข้ามา เขายืนอยู่ริมประตูฝั่งตรงข้ามเยื้องกับที่ฉันยืนอยู่ ฉันเพิ่งสังเกตว่าเขามีีหมวกสีส้มที่ขัดกับเสื้อผ้าสีเข้มของเขา ไม่สิ นอกจากหมวกสีส้มของเขา ก็ยังมีรองเท้าสีส้มด้วยเหมือนกัน พอรถเริ่มเคลื่อนฉันก็หยิบหนังสือออกมาอ่านจนกระทั่งถึงสถานีปลายทาง เราต่างคนต่างรีบเร่งเดินออกจากสถานี แล้วฉันก็รีบเดินเข้าที่ทำงาน
-------------------
อันที่จริง เรายิ้มให้กันก่อนจะแยกจากกันทุกครั้งไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in