ความทรงจำผันผ่าน เรียงร้อยเหมือนลูกแก้วกลมใสเมื่อส่องดูราวกับว่าคุณย้อนหวนสู่คืนวานเหล่านั้น จากวันวานสู่วันนี้ จากเมล็ดสู่ดอกไม้ จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นธรรมดาที่ความทรงจำของคุณจะคงอยู่และหายไปตามกลไกธรรมชาติ หลอมรวมจากประสบการณ์ อารมณ์ สัมผัสรับรู้ จนหลอมรวมกลายเป็นตัวคุณ
“วันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยัง” คุณเดินผ่านป้านบิลบอร์ดขณะยืนรอรถเมล์ท่ามกลางอากาศร้อนระอุในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าชีวิตที่ลงตัวสุด คุณยืนตั้งคำถามในเมืองแห่งนี้ว่าชีวิตที่ลงตัวแท้จริงแล้วคือสิ่งใด แดดที่ร้อนอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เริ่มมีเมฆครึ้มปกคลุม คุณเป็นคนไทยในศาสนพุทธ การใช้ชีวิตในทุกวันถ้าเทียบในหลักศาสนาแล้วคงไม่ต่างอะไรจาก ‘การใช้ชีวิตด้วยรูปขันธ์’ ตื่นในเวลาที่ตะวันยังไม่ทายทักและกลับบ้านในกาลที่ตะวันลาจาก
เวลาผ่านไปสักพัก ปกติรถเมล์ต้องมาแล้ววันนี้คุณมีเวลานั่งพักผ่อนและคิดทบทวนบางสิ่งมากกว่าปกติ เมื่อวานและวันก่อนบิลบอร์ดนั้นยังไม่ถูกติดขึ้นและทุกวันแดดร้อนระอุเหลือเกิน
วันก่อนคุณดูหนัง inside out โดยบังเอิญจากคนที่แชร์ผ่านเฟสบุ๊คขณะนั่งดื่มเบียร์ข้างระเบียงห้องทั้งๆที่เวลานั้นปกติคุณน่าจะนอนไปแล้ว ลั้ลลา หยะแหยง ขี้กลัว จอมวีน เรื่องราวในการ์ตูนดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆผ่านตัวละครชื่อไลรี่ อารมณ์ของเธอสร้างบุคลิกและตัวตนของเธอ สิ่งที่เป็นอารมณ์นี้ก็คงไม่ต่างจากวิญญาณขันธ์กระมัง เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนในเรื่องอินกับอารมณ์มีความสุขมากที่สุด อารมณ์กลัวและขยะแขยงเป็นหนึ่งในกลไกป้องกันชีวิตจากอันตราย และเธอก็โมโหบ้างเป็นบางครั้ง ราวกับว่าลั้ลลาพยายามที่จะทำให้เธอมีความสุข เป็นเด็กผู้หญิงที่เติบโตด้วยความสุขเท่านั้น แต่เธอหลงลืม หลงลืมอะไรไปหรือเปล่า… เศร้าซึม ตัวละครที่พยายามจะมีบทบาท แต่ทำได้เพียงแต่ถูกลั้ลลากีดกันให้อยู่ในที่ที่ลั้ลลาคิดว่าเศร้าซึมควรอยู่ “เธอต้องอยู่ในวงกลมวงนี้นี่คือที่ที่เธอควรอยู่ อ่านหนังสือเกี่ยวกับสมองไปนะ” ภายหลังเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย มนุษย์เราประกอบขึ้นด้วยวิญญาณคือการรับรู้ทางอารมณ์แค่วิญญาณที่เป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งของไลรี่ กำลังจะหายไป ลั้ลาที่ปรารถนาให้ไลรี่มีความสุขมากที่สุดพยายามทำทุกวิถีทางแต่กลับพังครืน หรือแท้จริงแล้วความสุขนั้นไม่มีอยู่จริง เศร้าซึมที่นั่งอ่านหนังสือกลไกการทำงานของสมองในวงกลมตามที่ลั้าลาสั่งกลับทำให้ปัญหาทุกๆอย่างค่อยดีๆขึ้น จนมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมและเป็นไลรี่เด็กหญิงผู้ก้ามผ่านวัยที่โตขึ้น โดยมีอารมณ์สุขปนโศก
เบียร์ที่คุณดื่มมันช่างมีรสขมแต่กลับทำให้คุณรู้สึกชื่นใจหลังจากที่ถูกหัวหน้าแผนกต่อว่าเรื่องยอดขายในเดือนนี้ ขมไปหน่อยแต่ก็หวานพอที่จะฮีลหัวใจที่บาดเจ็บได้บ้าง
หลังจากที่จากบ้านท้องนาแห้งแล้งคุณสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้อีก เบียร์เย็นๆกับลมร้อนๆข้างระเบียงกลับทำให้เกิดความรู้สึกประหลาด ตารุ่มร้อนและพร่ามัว น้ำตาที่ถูกกักเก็บมานานผ่านความเหนื่อยล้าในเมืองกระจกและความคิดคำนึงถึงกลิ่นท้องนา คุณไม่ได้อินกับหนังหรอก คุณอินกับตัวเอง นานเท่าไหร่แล้วที่ทิ้งความสุขที่เรียบง่ายแต่ธุรกันดารมาแสวงหาความสุขที่จำเป็นในเมืองหลวง คุณเป็นเซลล์ที่ต้องยิ้ม หัวเราะ รองรับอารมณ์ลูกค้า ต้องไปปาร์ตี้บริษัทอย่างปฏิเสธไม่ได้ ต้องเอนเตอร์เทนคนอื่น ในสังคมที่มีบรรทัดฐานที่ว่าความสุขคือทุกอย่างของชีวิต นานเท่าไหร่ที่คุณไม่ได้เศร้า ร้องไห้ คร่ำควญให้ใครเห็นแม้กระทั่งตัวคุณเอง เบียร์ตกลงพื้นหลับไหลไปชัวขณะแต่อีกไม่นานก็เช้าเสียแล้ว
รถเมล์มาแล้ว เมฆครึ้มเมื่อครูอยู่ๆก็แดดจ้าอีกครั้ง ความคิดของเมื่อครู่ที่เชื่อมกับเมื่อคืนกระตุกไปครู่หนึ่ง คุณขึ้นรถเมล์อยู่ๆฝนก็ตกลงมาทั้งๆที่แดดจ้า “กรุงเทพนี่มันเมือง 3 ฤดูในวันเดียวจริงๆ” วันนั้นคุณไม่ได้หยิบร่มมาทั้งๆที่มันแขวนไว้ที่ลูกบิดประตู ท้องฟ้าร้องไห้ให้คุณ ให้ทุกคนในเมืองอันแสนรีบเร่งที่คนหลงลืมส่องดูความรู้สึกของตัวเอง
“จริงๆป้ายนั่นน่าจะเขียนว่าวันนี้ไม่ผิดถ้าคุณจะร้องไห้ แม่งคงจะเท่กว่าเยอะ” คุณคิดพอดีที่ถึงที่ทำงานฝนตก คุณวิ่งเริงร่าเหมือนในวันเด็กที่ฝนตกกลางทุ่งนา “วันนี้โดดงานไปแดกเบียร์ดีกว่า” คุณหัวเราะ คุณกลับบ้านในสภาพที่Laptopเปียกชุม รองเท้าหนังชุ่มน้ำ
เริ่มต้นเมื่อตะวันยังไม่ทันทักและจบวันในเวลาที่ตะวันจากเช่นเดิม แต่ความรู้สึกอะไรบางอย่างของคุณเปลี่ยนแปลงไป
————ขอให้ทุกคนยอมรับเศร้าซึมในหัวใจของคุณ—————
?????????????☘️
??.??.??
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in