เสียงนาฬิกาดังดังขึ้นและวันวันที่ผลประกาศค่ายก็มาถึงวันที่ 6 ธันวาคม ฉันดีใจมาก! ค่ายอาสาที่ใฝ่ฝันมาตลอด ค่ายลำพูนก้อไม่ลำพัง ในอดีตเราตั้งคำถามกับชีวิตมาตลอดว่าค่ายอาสาคืออะไร มันสำคัญอย่างไรในบริบทสังคมไทย ทำไมมันต้องมีอยู่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ไม่รู้สิ แต่ดีใจมากๆ หวังว่าจะได้ไปเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ให้ชุมชนใดชุมชนหนึ่งให้พวกเขาได้ก็แล้วกัน
ค่ายนี้เป็นการรวมตัวกันระหว่างนิสิตหอพัก(เด็กหอใน)และนิสิตวิศวะกรรมศาสตร์ แต่เราไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น ชะตาคงพาเรามาพานพบสินะ (ฮาาา) เราได้ขึ้นบัสเจอบัดดี้ที่ดีมากและเพื่อนกลุ่มที่น่ารักและชิดเชื้อตั้งแต่วันแรกจบจนวัดสุดท้าย ทั้งๆที่เราเป็นคนแปลกๆแต่โชคดีที่มีเพื่อนเข้าใจ นับเป็นความปรารถดีของเพื่อนจริงๆ
เรื่องราวนับจากนี้จะเป็นเรื่องราวรวมๆ 8 วันในค่าย ถ้าพูดถึงการทำฝายบางคนอาจคิดว่ามันดู cliché มันดูซ้ำๆและเดิมๆ มันดูเป็นผลิตซ้ำหรือเปล่า ในครั้งแรกเราก็คิดแบบนั้นนะ แต่หารู้กระไรไม่ เราได้ไปสัมผัสในสิ่งที่ชุมชนต้องการ เขาต้องการสิ่งนี้นะ น้ำนี่แหละเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เราก็แบบดีใจเหลือเกินเหงื่อไคลที่พวกเราได้ช่วยกันกันทำ เสียงหัวเราะกับประสบการณ์ที่เราได้มันช่วยชุมชนได้จริงๆ การทำไร่ข้าวโพดไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสียทีเดียวแต่มันเป็นการปลูกพืชที่ปลายเหตุ(เราว่า) ถ้ามีน้ำแล้วจะส่งผลให้ปลูกพืชที่ยั่งยืนมากขึ้นแบบนั้นก็คงจะดี
เมื่อคราก่อนในวันที่ไปลงฝ่ายสักวันเราก็ได้ไปคุยกับลุงฝรั่งท่านหนึ่งว่าคนที่นี่ มีปัญหาในเรื่องการลงทุนด้านเศรษฐกิจ ที่ปลูกข้าวโพดกันเพราะว่ามีนายทุนมาเหมาข้าวโพดด้วย แต่ถ้าเราทำพืชที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่านี้ ทำตลาดชุมชนเองอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ นั่นสิเราก็ก็เห็นด้วย
เวลาเราลงานฝายเรามักจะชอบคุยกับลุรองนายกอยู่เสมอ(แกชอบแต่งตัวแบบชาวสวยน่ะ) ในบริบทของนิสิตครูคนหนึ่ง เราเห็นด้วยส่วนหนึ่งนะกับคำว่าครูขอสอน ครูควรมีหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียวแต่ในบริบทของครูต่างจังหวัดแล้วเราอยากทำงานร่วมไปกับชุมชนมากๆ เราอยากช่วยเหลือชาวบ้านไปด้วย ดูแลครอบครัวนักเรียนไป และช่วยเหลือบริบทสังคมไปด้วย (เพราะเป็นคนชอบเสือก)5555555
อย่างไรก็ตาม เสียดายมากๆที่ไม่ได้ลงพื้นที่โรงเรียนไม่อย่างนั้นคงจะมีเรื่องราวมาเล่ามากกว่านี้
ค่ายนี้มีแต่เรื่องราวชวนหวนให้นึกถึงจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in