可爱过敏原 Lovely Allergenผู้แต่ง : 稚楚 (จื้อฉู่)
สถานะ : 102 ตอน + 7 ตอนพิเศษ (จบแล้ว)
ยังไม่มี LC ในประเทศไทย
นิยาย Lovely Allergen ยังไม่มี LC ไทย
ความยาว 102+7 ตอน (จบแล้ว)
ซ่งอวี้มีกฎสามข้อสำหรับเยว่จือสือ
- ห้ามเรียกฉันว่าพี่ชายในที่สาธารณะ
- เราจะไม่ทำอะไรก็ตามด้วยกันในที่สาธารณะ
- ห้ามให้คนอื่นรู้ว่านายอยู่บ้านหลังเดียวกับฉัน
เยว่จือสือปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านั้นของพี่ชายด้วยความเชื่อฟัง เมื่ออยู่ที่โรงเรียนพวกเขาทำราวกับอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า แต่วันหนึ่งระหว่างพิธีเปิดภาคการศึกษา จู่ๆ เยว่จือสือก็หมดสติจากอาการหอบหืดกะทันหัน แล้วทันใดนั้น ใครบางคนก็ละทิ้งหน้าที่กล่าวคำสุนทรพจน์ในฐานะตัวแทนนักเรียนของตัวเองมาปรากฏตัวตรงหน้าน้องชายในชั่วพริบตา...
คืนนั้น เว็บบอร์ดของโรงเรียนแทบจะลุกเป็นไฟ [อึ้ง! ที่แท้เดือนม.ต้นกับเดือนม.ปลายของโรงเรียนเราก็เป็นพี่น้องกัน!]
♡ ♡ ♡
หลังจากที่คุณพ่อไปรับเอาเจ้าเด็กลูกครึ่งคนหนึ่งมาเลี้ยงในตอนซ่งอวี้อายุได้หกขวบ ชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยระเบียบแบบแผนของเขาก็ยุ่งหยิงไม่เป็นท่า...จากการเกาะติดสุดเหนียวหนึบของตุ๊กตาฝรั่งตาโตที่มาพร้อมกับทักษะทางภาษาจีนระดับต่ำกว่ามาตรฐาน
เยว่จือสือสมัยอนุบาล : พี่เสี่ยวอวี้ วันนี้เพื่อนของผมบอกว่าเขามีพี่สะใภ้ที่สวยมากๆ ด้วยแหละ พี่สะใภ้คืออะไรเหรอ?
ซ่งอวี้ : ภรรยาของพี่ชายเขา
เยว่จือสือ : ไม่นะ! ผมไม่อยากมีพี่สะใภ้!
ซ่งอวี้ : .....
เยว่จือสือ : ผมอยากเป็นพี่สะใภ้ของพี่!
ซ่งอวี้ : ไปเรียนวิธีการเรียกคนในครอบครัวจีนมาใหม่
เยว่จือสือ : อ้อๆ ผมอยากเป็นพี่สะใภ้ของตัวผมเอง!
ซ่งอวี้ : ........
เลือกหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านเพราะหลายเหตุผลค่ะ อย่างแรกเลยเพราะชื่อนักเขียน จื้อฉู่เป็นนักเขียนที่กำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้ งานที่ดังที่สุดของเขาเหมือนจะติดโผเข้า Top20 ตลอดกาลของจิ้นเจียงไปแล้ว รวมถึงเรื่องนี้ที่เพิ่งจบไม่นานก็สามารถไต่อันดับเข้าไปอยู่ใน Top50 ได้อย่างสบายๆ
ส่วนอย่างหลังแน่นอนว่าต้องเป็นเพราะปกกับคำโปรยของมันค่ะ ก็แหม ใครจะไม่แพ้อาร์ตสวยๆ กับเรื่องย่อน่ารักๆ บ้างงง แถมเรื่องนี้ยังถูกจัดเรทเป็น R21 จาก mature contents (nsfw) อีกต่างหาก...
และด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามา บวกกับความอยากรู้อยากเห็น (?) ว่าชีวิตวัยเรียนกับเรท R มันจะสามารถไปบรรจบกันได้ยังไง ก็ยังจะรออะไรอยู่อีกล่ะคะ /เปิด!
Lovely Allergen ฉบับจีนตัวย่อ uncensored
3 เล่มจบ สำนักพิมพ์ Via Lactea
แล้วพออ่านจบก็พบว่า เอ อะไรเปียกๆ ที่หมอนนะ อ๋อ น้ำตา ... 55555555 คุณหลอกดาวอีกแล้วจร้าาา ไหนความฟีลกู้ดเบาสมองตามที่คำโปรยมันโฆษณา!?
คือถามว่าเรื่องนี้มันน่ารักจริงมั้ย ก็บอกได้คำเดียวเลยว่าจริงค่ะ ฟีลกู้ดมั้ย ก็ค่อนข้างจะใช่อยู่ แต่ถ้าถามว่าเบาสมองมั้ย ขอตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ซักนิดเดียว
Lovely Allergen เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างคนสองคนซึ่งเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กและมีสถานะกึ่งๆ พี่น้องต่างสายเลือด ทั้งคู่อาจไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนอกจากพ่อที่เป็นเพื่อนสนิท แต่เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีด้วยความรักที่เท่าเทียม เมื่อความรู้สึกบางอย่างเปลี่ยนเป็นอื่น สิ่งที่เกาะกินจิตใจของพวกเขามากที่สุดนอกจากความรักก็คือความรู้สึกผิด
Disclaimer- เรื่องนี้ไม่ใช่แนว incest
- รีวิวเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น อาจมีการอ๊วยอวยไปบ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
- รีวิวมีการสปอย แต่จะไม่พูดถึงจุดที่อิมแพคมากๆ
- เรื่องย่อและบทพูดในบทความนี้เป็นเราแปลเองทั้งหมด อาจมีจุดผิดพลาดจากหลายๆ ปัจจัย ขอความกรุณาไม่นำไปใช้อ้างอิง และถ้ามีจุดไหนพลาดไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
โอเคค่ะ งั้นก็มาเริ่มกันเร้ยยยยย
เรื่องเปิดมาเป็นฉากที่นายเอก เยว่จือสือ กำลังรีบเร่งออกจากบ้านเพราะตื่นสาย วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนที่เขากำลังจะขึ้นชั้นปีใหม่ เยว่จือสือไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าวเช้า เปิดเทอมวันแรกหมายความว่าจะมีพิธีเปิดภาคการศึกษา แล้วมีพิธีเปิดภาคการศึกษาก็หมายความว่าจะมีคุณครูเจ้าระเบียบมายืนสอดส่องอยู่หน้าประตู!
เยว่จือสือคว้าขนมปังข้าวจากร้านสะดวกซื้อมาส่งๆ แล้วเร่งฝีเท้า เขาเพิ่งรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองมาทันในวินาทีสุดท้าย ก่อนจะเริ่มเครียดอีกครั้งเมื่อถูกเพื่อนสนิททักด้วยคำถาม “เล่อ ป้ายชื่อของนายอยู่ไหน?”
ตื่นสายแล้วใครยังจะมีเวลามานั่งสนใจเรื่องป้ายชื่ออีก? นี่น่าจะเป็นวันที่ซวยที่สุดอีกวันของเยว่จือสือ เขาแทบจะรวมร่างกับคนข้างหน้าเพื่อให้รอดพ้นสายตาสอดส่องจากคุณครูจอมโหด แล้วทันใดนั้น...ก็มีมือข้างหนึ่งเคลื่อนมากุมมือของเขาเอาไว้ ค่อยๆ คลายนิ้วที่กำแน่นของเขาออก ก่อนจะดันป้ายชื่อโลหะอันหนึ่งเข้ามา
เพียงการแตะสัมผัสกันของฝ่ามือ เยว่จือสือก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วทันทีที่เงยหน้าเขาก็ได้เห็นใบหน้าเย็นชาที่แสนคุ้นเคยตามคาด คนคนนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบมัธยมปลาย มีปลอกเสื้อสีแดงพันรอบต้นแขน ยืนขมวดคิ้วน้อยๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ‘พี่ชาย’ ที่อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับเขามานานนับสิบปี
ดวงตาของเยว่จือสือเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจปนยินดี แต่ทันทีที่กำลังจะเปิดปากเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะรีบกลืนมันกลับไป ซ่งอวี้ เคยตั้งกฎสามข้อกับเขาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ห้ามเรียกฉันว่าพี่ชายในที่สาธารณะ เราจะไม่ทำอะไรก็ตามด้วยกันในที่สาธารณะ ห้ามให้คนอื่นรู้ว่านายอยู่บ้านหลังเดียวกับฉัน
เยว่จือสือคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจเหตุผลของคำสั่งพวกนั้นเอาซะเลย ในอารมณ์หดหู่ เขาผ่านครูหน้าประตูมาได้ แต่ไม่รอดพ้นสายตาสงสัยจากเพื่อนสนิท “เยว่จือสือ ฉันเห็นนะโว้ยยย บอกมาตามตรง ทำไมป้ายชื่อของนายถึงไปอยู่กับรุ่นพี่ซ่งอวี้?”
“บางที...เขาอาจจะเก็บได้ก็ได้มั้ง” เยว่จือสือตอบ
ซ้ายพระเอก ซ่งอวี้
ขวานายเอก เยว่จือสือ (เล่อเล่อ)
ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเยว่จือสือกับซ่งอวี้ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมายนัก
เยว่จือสือมีแม่เป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อของเขาที่เป็นคนจีนกับพ่อของซ่งอวี้ก็มีสถานะเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นเมื่อภัยธรรมชาติคร่าชีวิตคนสองคนในครอบครัวของเขาไป เยว่จือสือจึงถูกครอบครัวของซ่งอวี้รับมาดูแลตั้งแต่อายุได้แค่สามขวบ
แต่ถ้าจะบอกว่าพวกเขาได้กลายเป็นพี่น้องต่างสายเลือดกันตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว พ่อกับแม่ของซ่งอวี้ไม่ได้อุปการะเยว่จือสืออย่างเป็นทางการ เพราะไม่อยากให้เขาลืมพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ทั้งคู่ให้เขาเรียกว่าคุณลุงกับคุณป้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่ได้รับมาลดน้อยลง สองสามีภรรยาดูแลเยว่จือสืออย่างดีไม่ด้อยไปกว่าลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง
เยว่จือสือหยิบขนมปังข้าวที่แอบไว้ออกมากินขณะมองซ่งอวี้ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์บนเวที ความหล่อเหลาของคนคนนี้เป็นที่รู้จักพอๆ กับความเย็นชา แต่ในสายตาของเยว่จือสือ พี่ชายเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในโลก! เยว่จือสือชอบฟังซ่งอวี้พูดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่วันนี้เขากลับมีความรู้สึกไม่สบายอย่างน่าประหลาดผุดขึ้นมา
ราวกับลำคอถูกบีบไว้ อากาศที่อัดแน่นอยู่ข้างในไม่สามารถระบายออกไปได้ เยว่จือสือรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก...
ไม่นะ อาการแบบนี้...
เขาหยิบห่อขนมปังออกมาพลิกดูเพื่อความแน่ใจ แล้วก็รู้สาเหตุจนได้ ที่แท้เขาก็เลือกซื้อมันมาผิด ไม่ใช่ขนมปังข้าวแบบที่ตัวเองคิดแต่เป็นขนมปังธรรมดา... เยว่จือสือเป็นโรคภูมิแพ้ข้าวสาลีชนิดรุนแรง และอย่างหนักจะปรากฏอาการหอบหืดร่วมด้วย เขาพยายามรวบรวมแรงเพื่อจะขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถทำได้ จนสุดท้ายก็ล้มลงไปท่ามกลางเพื่อนๆ ที่ร้องตะโกน
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นล่างเวทีไม่ได้ทำให้ซ่งอวี้หยุดการกล่าวสุนทรพจน์ เขาไม่สนว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นแค่หนึ่งในลักษณะนิสัยไม่สนโลกของเขา แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าคนกำลังขดตัวอยู่ที่พื้นเป็นใคร ปึ่ก เสียงแฟ้มในมือตกกระแทกพื้นก็ดังขึ้นในวินาทีต่อมา
“ถอยออกไป อย่ามุงเขา”
ซ่งอวี้หยิบยาพ่นหอบหืดของเยว่จือสือออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วจ่อเข้าที่ริมฝีปาก ท่ามกลางสายตาสงสัยของคนรอบข้าง ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายค่อยๆ หายใจ...อีกครั้งและอีกครั้ง
เยว่จือสือสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ในหัวลืมคำสั่งสามข้อนั้นที่เคยได้รับไปจนหมดสิ้น มือสั่นๆ ถูกยื่นออกไปแตะแขนคนตรงหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาว่า “พี่...”
ตู้มมมมมม...
........
.....
...
แต่ถึงแม้ว่าในวันนั้น ความลับที่เยว่จือสือเก็บรักษามานานถึงสองปีจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน แต่เมื่อได้สติจากการรอดตายอย่างหวุดหวิด เขากลับคิดว่านี่มันช่างเป็นความโชคดีในความโชคร้าย เพราะต่อไปเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นไม่รู้จักพี่ชายที่โรงเรียนอีกแล้ว! เขาสามารถไปป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ตัวซ่งอวี้ แล้วก็สามารถมาโรงเรียนหรือกลับบ้านพร้อมกันกับซ่งอวี้ได้ด้วย!
ความคิดนี้ทำเอาเยว่จือสือมีความสุขอยู่ทั้งวัน หลังออกจากห้องพยาบาลเขาปฏิเสธการสารภาพรักจากเด็กผู้หญิงที่แอบชอบตัวเองอย่างใจเย็น ก่อนจะเห็นว่าซ่งอวี้มายืนรอเขาอยู่ไกลๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ระหว่างซ้อนท้ายจักรยานพี่ชายกลับบ้าน เยว่จือสืออ้อนวอนอีกฝ่ายอย่างน่าสงสารว่าอย่าบอก ‘เรื่องในวันนี้’ กับคุณป้าเพราะกลัวจะถูกดุ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมากลับเป็นคำถามที่ชวนให้รู้สึกสงสัย
“นายหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ?”
เยว่จือสือไม่ค่อยเข้าใจ “เอ๋?”
แสงแดดในเดือนกันยายังคงเจิดจ้าจนทำให้ตาพร่า
ซ่งอวี้ถามออกมา “นายหมายถึงเรื่องที่ตัวเองกินของที่ไม่ควรจะกิน เรื่องที่ไม่ได้พกยาไว้กับตัว เรื่องที่เกือบจะช็อกกลางงานพิธีของโรงเรียน...”
“หรือเรื่องที่นายแอบมีแฟนในวัยเรียนล่ะ?”
อ่ามมมมม สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างมั้ยคร้ะ ใครสัมผัสไม่ได้เราสัมผัสได้ ใครมองไม่เห็นเรามองเห็น ใครไม่ได้กลิ่นเราได้กลิ่น ก็เจ้าที่เขาของแรงขนาดนี้ 55555555
พระเอกของเรื่องนี้หรือซ่งอวี้ เป็นตัวละครที่เปิดตัวมาอย่างเต็มไปด้วยปริศนาค่ะ คือเราจะได้เห็นผ่านการบรรยายในมุมมองของนายเอกว่าเขาทั้งใจดี อ่อนโยน พึ่งพาได้ ตรงกันข้ามกับซ่งอวี้ในสายตาของคนอื่นที่ถูกจำกัดความไว้ว่าเย็นชา ถึงจะหล่อบ้านรวยเรียนเก่งจนคนมากมายเข้าหาแต่ก็มักปฏิเสธคำสารภาพรักจากทุกคน และถึงแม้พี่แกจะตั้งกฎแปลกๆ กับนายเอกราวกับเกลียดขี้หน้า แต่การกระทำมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เลย
เป็นตัวละครที่มีเมฆหมอกหนาๆ ปกคลุมอยู่รอบตัว ชวนให้อยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ?
แล้วก็โชคดีที่เรื่องไม่ให้เราต้องรอนานค่ะ มันจะค่อยๆ พาเราไปรู้จักกับซ่งอวี้ ค่อยๆ ลอกเปลือกของตัวละครตัวนี้ออกทีละชั้น...
.
หลายคนมักบอกว่าซ่งอวี้เย็นชาเกินไป ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรจะแย้งกับความจริงข้อนี้ ซ่งอวี้ไม่เคยมีบุคลิกร่าเริงมาตั้งแต่เกิด ตอนเด็กๆ เขาทั้งไม่ชอบเล่นซนไปทั่วและไม่ค่อยพูดจา จนบรรดาญาติๆ พากันบอกว่านิสัยของเขามีปัญหา
แต่ถึงซ่งอวี้จะเก่งกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกันมากรวมถึงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า วันหนึ่งเมื่อพ่อของเขากลับมาบ้านพร้อมกับสมาชิกใหม่ ตัวเขาในวัยหกปีก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจนัก
เขาจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี กลางดึกของคืนที่ฝนฤดูร้อนเทกระหน่ำลงมา เขาเปิดประตูบ้านออกไปเพื่อพบว่าคุณพ่อกำลังกอดเด็กคนหนึ่งที่ถูกห่มไว้ด้วยเสื้อโค้ทแน่นหนาอยู่ในอ้อมแขน
ซ่งอวี้แหวกมันออกเล็กน้อยความสงสัย “นี่ใคร?”
ใต้เสื้อคลุมตัวนั้นปรากฏดวงตาสุกใสราวกับแก้วหินอ่อนคู่หนึ่ง “นี่ก็คือน้องชายของลูก” พ่อของเขาตอบ
ภายในชั่วข้ามคืน จู่ๆ ซ่งอวี้ก็ได้มีน้องชายคนใหม่ เด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มกับใบหน้างดงามดูไม่ต่างไปจากเทวดาจิ๋วในเทพนิยายปรัมปราเท่าไรนัก ผมสีน้ำตาลเป็นลอนกับเสียงเล็กๆ ที่พูดได้แต่ภาษาอังกฤษ ซ่งอวี้ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้เกลียด เขาเอาแต่จ้องคนตรงหน้าเงียบๆ เป็นเวลานาน
ทำไมถึงดูโง่อย่างงี้ ตอนเด็กๆ เราคงไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ...
แต่ก็ช่างน่ารักเหลือเกิน น่ารักมากกว่าสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนที่เขาเคยอยากได้ตั้งหลายเท่า ทั้งยังเปราะบางเสียยิ่งกว่าปลาทองในตู้โชว์พวกนั้น ใครจะรู้ว่าเพียงคุกกี้ข้าวสาลีไม่กี่ชิ้นที่เขายื่นให้ด้วยความเอ็นดูสงสารจะทำให้อีกฝ่ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ที่แท้ความชอบก็สามารถทำร้ายใครซักคนได้เหมือนกัน ซ่งอวี้เรียนรู้สิ่งนั้นเป็นครั้งแรกก็จากเยว่จือสือ
วันเวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่าน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของซ่งอวี้ค่อยๆ แปรเปลี่ยน
มันอาจเกิดจากความรู้สึกผูกพันที่สานเข้ากับโชคชะตา หรือไม่ก็เพราะพรหมลิขิตบางอย่างที่ยึดโยงเส้นด้ายในมือของพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน ทุกๆ เสี้ยววินาทีนั้น...
หรือบางทีอาจแค่เพราะเยว่จือสือก็คือเยว่จือสือ
คือเยว่จือสือที่มักจะเดินตามเขาต้อยๆ ตั้งแต่เด็กและเรียกเขาว่าพี่ชายด้วยดวงตาเป็นประกาย คือเยว่จือสือที่แค่เขาอ่อนโยนด้วยเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็ยิ้มกว้างราวกับได้โลกทั้งใบมาครอบครอง คือเยว่จือสือที่เกิดมาพร้อมใบหน้างดงามไว้ล่อลวงผู้คนมากมายให้เข้าหาและคอยปกป้อง คือเยว่จือสือที่มักบอกว่าตัวเองชอบเขามาก แต่นั่นไม่ใช่ความชอบแบบที่เขาต้องการ...
แต่ก็เพราะสถานะพี่ชายที่ถูกโยนโครมใส่ตั้งแต่วันนั้นเมื่อหลายปีก่อนกลายเป็นสิ่งที่คอยพันธนาการซ่งอวี้ไว้ ร้อยรัดพวกเขาเข้าหากันด้วยเส้นด้ายแสนเปราะบาง ซ่งอวี้จึงไม่อาจเสี่ยงทำให้มันขาด หรือแม้แต่ทนให้มันสั่นคลอน
ก็คือเยว่จือสือที่เป็นกับดักอันแสนร้ายกาจ คือเยว่จือสือที่เป็นยาพิษ
ซ่งอวี้เห็นจุดจบตั้งแต่ยังไปไม่ถึงจุดเริ่มต้น
ดังนั้นถ้ามันไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ เขาก็หวังว่ามันคงจะดีซะกว่าถ้าเยว่จือสือไม่ต้องมายิ้มให้เขา ไม่ต้องมาอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ต้องมารู้จักเขาดีไปกว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ถอยไปให้ห่างจากเขาอีกนิดเผื่อเขาจะยับยั้งความคิดตัวเองได้อีกหน่อย และนี่ก็คือเหตุผลเบื้องหลังกฎงี่เง่าพวกนั้นที่เขาตั้งมันกับเยว่จือสือ
แต่เขาก็ค้นพบในไม่ช้าว่านั่นไม่มีประโยชน์ ซ่งอวี้ตกหลุมรักเยว่จือสือมากขึ้นทุกวัน ทุกข์ทรมานกับความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกไป ไม่มีทางออกและไม่มีจุดสิ้นสุด แม้แต่ในวันที่เกือบจะแตกสลาย สิ่งที่เขาพูดกับอีกฝ่ายได้ก็มีแค่ “เยว่จือสือ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน...”
ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นไหว
เยว่จือสือไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังคงกอดซ่งอวี้ไว้ “พี่ชาย พี่เอาตัวมาพิงผมสิ”
พี่ชาย พี่ชาย พี่ชาย...
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซ่งอวี้ต้องคิดในใจ ได้โปรดอย่าเรียกฉันว่าพี่ชาย นานแล้วที่ฉันไม่ได้อยากเป็นพี่ของนาย และจะไม่มีวันอยากเป็น
นับวันซ่งอวี้ก็มีแต่จะยิ่งจมดิ่ง
ผ่านช่วงมัธยมเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เมื่อได้เจอสังคมใหม่ๆ ความคิดที่ว่าซักวันเยว่จือสือจะต้องมีใครซักคนเคียงข้างและจากเขาไปก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เขาทนไม่ได้กับความรู้สึกอิจฉาคนคนนั้นทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ปรากฏตัว ในค่ำคืนที่นอนไม่หลับ ซ่งอวี้เอาแต่คิดว่าทำไมมันถึงเป็นเขาไม่ได้
ทำไมมันถึงเป็นเขาไม่ได้ที่จะจูงมือเยว่จือสือแล้วเดินไปด้วยกันจนสุดทาง ทั้งที่เขารักเยว่จือสือไม่น้อยไปกว่าใคร และสถานะพี่ชายที่สวมอยู่นี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนร้องขอมันมา
ในตอนที่ความรู้สึกเหล่านั้นกัดกินซ่งอวี้จนถึงขีดสุด เขาเคยถึงขั้นปรากฏความคิดน่ากลัวขณะขับรถไปกับเยว่จือสือ หรือมันจะดีซะกว่าถ้าจู่ๆ ก็มีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาชนพวกเขาตอนนี้ เพราะอย่างน้อยเยว่จือสือก็ยังอยู่ที่นี่ อยู่ข้างๆ เขา...
แต่มันก็คงอยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที ซ่งอวี้ค่อยๆ ลดความเร็วลง
เพราะเขารักเยว่จือสือมากเหลือเกิน รักยิ่งกว่าอะไรทุกอย่างบนโลกใบนี้ รักจนแม้ไม่อาจเก็บไว้ก็ไม่อาจปล่อยมือ เขาอยากให้เยว่จือสือมีชีวิตที่ดี มีแต่วันที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ ได้ครอบครองสิ่งที่มีค่าที่สุดอย่างครอบครัวและความรัก ถึงนั่นจะหมายความว่าเขาต้องเป็นคนแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้
ความน่ากลัวอย่างหนึ่งของการแพ้อะไรซักอย่างก็คือ ยิ่งมีคนบอกคุณว่าคุณไม่สามารถสัมผัสสิ่งนั้นได้ คุณก็จะยิ่งอยากสัมผัสมันมากขึ้นไปอีก
และสิ่งเดียวที่ซ่งอวี้แพ้ก็คือเยว่จือสือ
แต่พวกเขาจะเป็นพี่น้องกันตลอดไปก็ได้ถ้าเยว่จือสือต้องการอย่างนั้น ซ่งอวี้เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อนความรู้สึกของตัวเองยิ่งกว่าใคร ก็เหมือนกับตอนเด็กๆ ที่พวกเขาเล่นซ่อนหา เมื่อไหร่ก็ตามที่ซ่งอวี้คิดจะซ่อนขึ้นมา เยว่จือสือจะไม่มีวันหาเขาเจอ
ก็เป็นการเฉลยที่มาของชื่อเรื่อง Lovely Allergen หรือแปลตรงตัวว่าสารก่อภูมิแพ้แสนน่ารักค่ะ ที่แท้มันก็คือคำที่พระเอกใช้นิยามถึงนายเอก คนคนเดียวที่เขาพ่ายแพ้มาโดยตลอด T_T
และสิ่งที่เราประทับใจที่สุดในเรื่องก็คือจุดนี้ คือถึงแม้ว่าความรู้สึกรักที่พระเอกมีให้นายเอกมันจะเข้มข้นจนแทบควบคุมไม่ได้ยังไง แต่สิ่งเดียวที่เขาทำมาโดยตลอดกลับกลายเป็นการพยายามเอาตัวเองออกมาห่างๆ โดยที่ไม่เคยมีความคิดจะไปทำให้นายเอกหวั่นไหวจากความรู้สึกของตัวเองเลย เพราะพระเอกรู้ว่าความสัมพันธ์พี่น้องที่เป็นอยู่นี้มันดีกับตัวนายเอกที่สุดแล้ว ถ้าพัฒนาเป็นอื่นแล้วเกิดพังขึ้นมา สิ่งที่นายเอกเสียไปจะไม่ได้มีแค่พี่ชายแต่เป็นครอบครัวด้วย
แล้วนี่ก็คือปมที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้ค่ะ เพราะด้วยความที่พระเอกรักนายเอกมากกกก มากๆๆ จนเกินไป ซ่งอวี้เลยพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่ในขอบเขตพี่ชายที่ดีมาตลอด มันก็เลยพาลทำให้นายเอกไม่รู้ตัวซักทีว่าความรู้สึกอยากเกาะติดพี่ชายตลอดเวลาของตัวเองเนี่ย จริงๆ แล้วมันก็แฝงไปด้วยอะไรอย่างอื่นอยู่ด้วย...
.
เยว่จือสือมักรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกอยู่บ่อยๆ
เพราะถึงแม้พ่อกับแม่ของเขาจะจากไปก่อนที่เขาจะจำความได้ แต่เขาก็ไม่เคยมีช่วงเวลายากลำบากเพราะเรื่องนี้เลย กลับกัน สวรรค์มอบความรักจากผู้คนมากมายให้เขาราวกับต้องการชดเชย เยว่จือสือได้มีครอบครัวใหม่ที่แสนล้ำค่า และที่สำคัญกว่า โลกหมุนให้เขาได้มาพบกับพี่ชาย
ซ่งอวี้คือตัวตนที่ดำรงอยู่อย่างยิ่งใหญ่ภายในใจของเยว่จือสือเสมอมา ตั้งแต่เล็กจนโต เยว่จือสือไม่เคยเบื่อที่จะเดินตามอีกฝ่ายไปทุกที่ เขาชอบที่จะโอบกอดความอ่อนโยนเล็กๆ ที่พี่ชายไม่แสดงออกกับคนอื่นไว้กับตัว ชอบที่จะได้รับความเอาใจใส่จากคนที่ปกติไม่สนใจใคร ชอบที่เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของซ่งอวี้ เขาจะกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่สามารถร้องไห้ได้ และไม่ต้องทนทุกข์กับความขมของการเป็นผู้ใหญ่
ซ่งอวี้เป็นครั้งแรกในเกือบทุกเรื่องในชีวิตของเยว่จือสือ
เพราะอีกฝ่ายอยู่ข้างกายเขาเสมอ เยว่จือสือมีความสุขที่สุดก็เพราะพี่ชายดีกับเขา เป็นทุกข์แทบตายก็เพราะพี่ชายทำเหมือนไม่สนใจเขา เขามักกังวลถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับซ่งอวี้อยู่บ่อยๆ เพราะรู้สึกว่ามันเปราะบางเกินไป
พวกเราไม่ได้แม้แต่จะมีสายเลือดเดียวกัน เยว่จือสือไม่ชอบความจริงข้อนั้น เพราะรู้สึกว่าซักวันซ่งอวี้ก็จะหายไป
ผู้คนพลัดหลงจากกันได้อย่างง่ายดายเหลือเกินบนโลกใบนี้ แต่ผมไม่อยากพลัดหลงจากพี่เลย นี่มันปกติมั้ย?
มีหลายครั้งที่เยว่จือสือคิดว่าพี่ชายของเขาดีเกินไปจนไม่มีใครคู่ควร หรือในบางครั้ง เขาก็อดอิจฉาคนคนนั้นที่จะได้อยู่เคียงข้างซ่งอวี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้
นี่มันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นน้องใช่มั้ย?
มันไม่ใช่ว่าเยว่จือสือไม่เคยสงสัยตัวเอง นับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่มันแปลก เขายึดติดกับพี่ชายมากเกินไป หรือในระหว่างการสังสรรค์หลังจบชั้นมัธยมต้นที่เพื่อนของเขาบังเอิญเปิดคลิปคนสองคนกำลังมีเซ็กซ์กันใส่ ขณะที่เด็กผู้ชายคนอื่นสามารถหัวเราะและล้อเลียนมันได้ ทำไมถึงมีแค่เขาที่ขำไม่ออก?
แต่เยว่จือสือทั้งใสซื่อและโง่เขลาเกินไป ในช่วงเวลาที่สับสน เขาหันหน้าเข้าหาซ่งอวี้
พี่ว่ามันปกติมั้ย?
และเพราะไม่เคยคาดคิดและไม่กล้าที่จะคิด ซ่งอวี้ตอบกลับไป
มันเป็นเรื่องปกติ
หลายๆ คนถึงโตแล้วก็ยังยึดติดกับครอบครัวอยู่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกติ
ตอนที่ได้รู้จักเซ็กซ์ครั้งแรก ไม่ว่าใครก็ประหม่าเหมือนนายทั้งนั้น มันเป็นเรื่องปกติ
นายคือคนพิเศษ คือเด็กน้อยที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่เยว่จือสือเคยแอบคิด แล้วถ้าพี่รู้ว่าคลิปที่ผมได้เห็นมันคือคลิปที่ผู้ชายสองคนมีอะไรกัน ถ้าพี่รู้ว่าผมเผลอเอาตัวพี่ใส่ลงไปในนั้น พี่ยังจะคิดว่ามันปกติอยู่มั้ย?
ความไม่สบายใจเสี้ยวหนึ่งติดตัวเยว่จือสือไปจนเขาเข้ามหาลัย ก่อนจะค่อยๆ ขยายใหญ่ราวกับระเบิดเวลา
เยว่จือสือค้นพบว่าตัวเองทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้คนมากมายเข้าหาซ่งอวี้ เขาอยากให้ที่ว่างข้างกายทั้งหมดของพี่ชายเป็นของเขา ความอ่อนโยนทั้งหมดของพี่ชายเป็นของเขา พื้นที่ในใจทั้งหมดของพี่ชายเป็นของเขา ซ่งอวี้ ผมทนไม่ไหว พี่รักผมแค่คนเดียวจะได้มั้ย?
นี่มันไม่ปกติ มันไม่เคยจะปกติ
และในที่สุดเมื่อความสับสนจู่โจมเยว่จือสือจนหาทางออกไม่ได้ เขาหันไปถามรุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นที่เคยแอบรักซ่งอวี้ “พี่ครับ เราจะรู้ได้ยังไงว่าความรู้สึกที่มีให้คนคนหนึ่งมันคือความชอบธรรมดา หรือว่าเป็นความรู้สึกอื่น...?”
แล้วเขาก็ได้รับคำตอบกลับมา “เยว่จือสือ ถ้าเธอมีความรู้สึกนั้นกับใครซักคน เธอจะคิดว่าเขาช่างเป็นคนดีเหลือเกิน เธอจะมีความสุขและอบอุ่นทันทีที่เห็นเขา ทันทีที่คิดถึงเขา...และมันก็จะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้”
แล้วความเจ็บปวดนั้นมันหน้าตาเป็นแบบไหน?
เยว่จือสือยังคงไม่เข้าใจ จนในคืนนั้นที่เขาฝันร้าย ฝันว่าพี่ชายเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมา จนเขาสะดุ้งตื่นเพราะอาการป่วยไข้ จนอีกฝ่ายต้องรีบพาตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา จนเขาหมดสติอีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย จนเขารู้ว่าตอนนี้ซ่งอวี้ได้เช่าหอพักส่วนตัวใหม่อยู่นอกมหาวิทยาลัย
พี่จะย้ายออกจากหอรวมทำไม? เตียงนี้ของพี่เตรียมไว้ให้ใคร? พี่จะไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ยังไม่มีเวลาหากับคนไหน? แล้วตอนอยู่ที่นี่...ใครที่พี่อยากจะทำกับข้าวด้วยกัน กินอาหารพร้อมกัน แล้วก็นอนหลับไปข้างๆ กัน?
เยว่จือสือเข้าใจจนได้ ที่แท้นี่ก็คือความเจ็บปวดนั้น
“ผมเคยถามพี่แล้วว่าการที่ผมเป็นแบบนี้มันแปลกมั้ย พี่บอกผมว่าไม่ พี่บอกว่าผมก็แค่กลัวที่จะต้องแยกจากพี่” เสียงของเขาสั่นเพราะน้ำตาที่ไหล “ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร ผมก็เชื่อฟังและทำตามนั้นมาตลอด ถึงพี่จะชอบทำเหมือนกับว่าผมเป็นเด็ก แต่ผมก็ยังเชื่อใจพี่”
เขาลูบผื่นแพ้ที่ขึ้นตามแขนเพราะอาการป่วย พร้อมกับถามคำถามที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังคิดว่ามันงี่เง่า “ทำไมผมถึงยังมีอาการอยู่ล่ะ...พี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? หรือพี่ไม่ได้บอกหมอว่าผมเป็นภูมิแพ้? พี่พยายามเก็บสิ่งต่างๆ มากมายให้ห่างจากตัวผมเสมอ แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยหรือไง?”
เยว่จือสือกอดเข่า เขาฝังใบหน้าลงระหว่างแขนทั้งสองข้างก่อนจะร้องไห้
“มันไม่มีประโยชน์เลยซักนิด สุดท้ายผมก็จบลงด้วยการชอบพี่อยู่ดี”
Lovely Allergen ถ้าแบ่งตามความยาวเล่มจีนเป็นสามเล่มจบ เล่มแรกก็จะเป็นช่วงที่นายเอกอยู่ม.3 ส่วนพระเอกอยู่ม.6 ค่ะ
ในเล่มแรกเรื่องจะค่อยๆ ปูความสัมพันธ์ของทั้งคู่อย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เร่งเครื่องขึ้นมาในเล่มสองที่พระเอกเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยและ time skip ไปตอนที่นายเอกก็เข้ามหาลัยด้วย มันจะเป็นช่วงที่ความสับสนของทั้งคู่ปะทุออกมาถึงจุดสูงสุดตามที่เราเล่าไป
ก่อนที่ช่วงท้ายๆ เล่ม 2 ไปจนจบเล่ม 3 จะเป็นช่วงที่ทุกอย่างมะรุมมะตุ้มเข้าใส่คู่รักคู่นี้ ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย...ก็ต้องติดตามกันต่อไปเนอะ
♡ ♡ ♡
ถ้าให้เรานิยามความรู้สึกสามประโยคกับนิยายเรื่องนี้ ก็คงจะเป็น ดีกว่าที่คิด อิ่มกว่าที่คิด แล้วก็แซ่บกว่าที่คิดค่ะ
ที่ว่า ดีกว่าที่คิด ก็เพราะตอนแรกเราเตรียมตัวมาเพื่ออ่านอะไรสบายๆ โดยเฉพาะ แต่ปรากฏว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกหนักหัวขึ้นเรื่อยๆ...
เพราะเรื่องนี้มีการหยิบเอาประเด็น taboo เล็กๆ เกี่ยวกับความรักระหว่างพี่น้องไม่แท้คู่หนึ่งมาเล่าให้เราขบคิด ว่าถึงแม้มันจะไม่ได้ผิดทั้งตามหลักกฎหมายและศีลธรรม แต่คิดว่าพ่อกับแม่ของพระเอกจะยอมรับได้มั้ย? คนรอบข้างจะรู้สึกยังไง? แล้วพวกเขาจำเป็นต้องสนใจหรือเปล่า? และในตอนที่ทั้งคู่สารภาพความจริงกับครอบครัว แน่นอนว่าเป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสที่สุดของเรื่องนี้เลยค่ะ
แล้วก่อนหน้านั้น กว่าพระเอกกับนายเอกจะได้คบกันมันก็ไม่ง่าย
ตอนแรกซ่งอวี้คิดว่าตัวเองหูฝาดด้วยซ้ำที่ได้ยินเยว่จือสือสารภาพรัก จนน้องต้องพูดย้ำๆ อยู่หลายรอบ พี่แกถึงจะรวบรวมสติพูดออกมาได้ว่า งั้นเรามาลองดูกันเถอะถ้านายต้องการ คือพระเอกให้สิทธิ์ทุกอย่างกับนายเอกเลยว่าอยากให้ความสัมพันธ์นี้ดำเนินไปถึงตอนไหน เพราะเขาเตรียมใจไว้แล้วว่ามันไม่ง่าย และซักวันเยว่จือสือก็อาจจะปล่อยมือไป
มันมากเกินพอสำหรับฉันแล้วที่จะได้มีช่วงเวลาหนึ่งร่วมกันกับนาย ดังนั้นมันไม่มีอะไรที่นายต้องกลัวเลย ต่อให้ทุกอย่างจบลงก่อนเวลา ต่อไปฉันก็ยังคงจะดูแลนายอย่างดี
แต่เยว่จือสือไม่ต้องการความหวังดีพวกนั้น
ผมไม่ได้ต้องการแค่ช่วงเวลาหนึ่งเหมือนพี่ ผมจะทำให้มันคงอยู่ตลอดไป
อิ่มกว่าที่คิด เพราะจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้ดราม่าขนาดนั้นค่ะ (/เหรออออออออ) (/ใช่!)
คือจริงๆ เรื่องมันมีช่วงน่ารักเยอะกว่าช่วงดราม่ามาก แต่เพราะเราหยิบเอาเฉพาะส่วนของความรู้สึกมาเล่าแบบเพียวๆ มันเลยดูขมกว่าปกติค่ะ คือพออ่านจริงมันจะเป็นฟีลแบบกินขนมไปสี่ห้าถุงถึงค่อยกินยาคำนึงไรงี้ กลมกล่อมอิ่มอร่อยกำลังดี ไม่ได้เอาแต่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ตลอดเวลาหรือมีดราม่าทุกหน้าอะไร
และระหว่างทางของเรื่องก็ยังมีอีเวนต์สนุกๆ แทรกอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน ครอบครัว การศึกษา หรือที่เราชอบมากคือช่วงมหาวิทยาลัยที่นายเอกเข้าร่วมแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า ส่วนตัวรู้สึกว่าไอเดียกับคอนเสปตอนนั้นสนุกมากๆ เลย
พูดถึงคู่พระเอกกับนายเอก เคมีคู่นี้จะมีความเมะแมวเคะหมาที่น่าร้ากน่ารักด้วยค่ะ คือพระเอกเหมือนแมวตัวใหญ่ที่เวลาชอบอะไรก็จะทำเป็นไม่ชอบทั้งๆ ที่หางส่ายอยู่ มีความซึนเล็กๆ ส่วนนายเอกเหมือนหมาปอม อะเลิท เต็มไปด้วยเอเนอจี้ แล้วก็หวงเจ้าของมากพอๆ กับแมว 5555555
ตัวอย่างบทน่ารักๆ ก็อย่างเช่น หลังพระเอกนายเอกแอบคบกัน มีตอนนึงที่ทั้งครอบครัวนั่งดูทีวีอยู่พร้อมหน้า แล้วแม่พระเอกบ่นๆ ออกมาว่าหน้าตาอย่างพระเอกเนี่ย ถ้าได้ความอ่อนโยนจากพ่อไปซักหน่อย ต่อให้เทพธิดาก็ยังจะลงจากสวรรค์มาหาเลยมั้ง
แล้วซ่งอวี้ก็ตอบกลับไปว่า “ผมไม่ต้องการเทพธิดา แต่ถ้าเป็นเทวดาตัวน้อยซักองค์...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”
/ขิต
และสุดท้าย แซ่บกว่าที่คิด
เฝ้ารอที่จะพูดถึงประเด็นนี้มานาน เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียน NC ดีมากค่ะ คือไม่ได้ถี่แต่มาทีปัง ทั้งเขินทั้งแซ่บสมศักดิ์ศรีเรท R21 ของมันนั่นแหละ
ตัวพระเอกบนเตียงจะมีความเผด็จการหน่อยๆ คือเป็นคนแบบที่รู้ตัวว่าตัวเองชอบควบคุม ชอบเป็นผู้นำ แล้วด้วยความที่รักนายเอกสุดๆ แถมอดทนมานาน ฮีก็เลยจะมีความจูบอ่อนโยนขนาดไหนก็กระแทกแรงเท่านั้น ชอบกระซิบโอ๋นายเอกแต่ก็ชอบทำหนักๆ ให้เขาตัวแดงงี้
แล้วประเด็นคือน้องก็สนองให้ด้วยเพราะชอบอ้อนพี่ orz มันเลยเหมือนน้ำเจอไฟกลายเป็นระเบิดตู้ม ร้อนแรงชนิดที่ว่าตอนน้องทนไม่ไหวคลานหนีตามสัญชาตญาณ พี่แกก็ดึงขากลับมาแล้วกระซิบถามว่า “จะหนีไปไหน? นายจะกลัวอะไร พี่ชายรักนายขนาดนี้...” อะไรแบบนี้ ...
แต่ก็อย่างว่า ถึงจะดุเดือดเลือดพล่านยังไงสุดท้ายพระเอกก็อ่อนโยนกับนายเอกทุกครั้งค่ะ ที่เราชอบมากๆ มีอยู่ตอนนึง คือหลังมีเซ็กซ์กันครั้งแรก นายเอกพูดกับพระเอกเขินๆ ว่ามันก็ไม่เจ็บเท่าไหร่นะ ตอนเห็นในคลิปนึกว่าจะเจ็บมาก พระเอกเลยรู้ว่าจริงๆ นายเอกกลัวมากแต่ก็ยอมให้ตัวเองทำเพราะรัก เลยบอกน้องไปว่าขอบคุณที่เชื่อใจฉัน
เยว่จือสือไม่คิดว่าการเชื่อใจซ่งอวี้จะเป็นอะไรที่ควรได้รับคำขอบคุณด้วยซ้ำ “อย่าพูดแบบนั้นเลย”
“ตั้งแต่ผมยังเด็ก ครั้งแรกที่ผมเรียนรู้การเรียกชื่อคนคนหนึ่งเป็นภาษาจีน ครั้งแรกที่ผมไปโรงเรียน ครั้งแรกที่ผมจูบใครซักคน ครั้งแรกที่ผมเรียนว่ายน้ำ ครั้งแรกที่หัวใจของผมเต้นแรง ครั้งแรกที่ผมตกหลุมรัก...ผมมอบครั้งแรกของผมให้พี่มากมายเพราะพี่อยู่ข้างกายผมเสมอ ดังนั้นมันถึงไม่ควรเป็นพี่ที่มาขอบคุณผม แต่ควรเป็นผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่”
รอยยิ้มบนใบหน้าเขาตอนนั้นดูทั้งจริงใจและงดงาม
“ขอบคุณที่พี่คอยอยู่ข้างๆ ในตอนที่ผมเติบโต”
.
ไม่มีใครรู้ว่าความรักในครั้งนี้จะนำไปสู่อะไร
พวกเขารู้ว่ามันจะต้องมีวันที่ฝนกระหน่ำ จะต้องมีวันที่พวกเขาก้มหัวให้พ่อกับแม่และล้มลงต่อหน้าโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็หวังว่าถ้ายังมีกันและกัน มันก็จะมีวันที่ฝนเหล่านั้นซาลงไป วันที่มีสายรุ้งสดใส และวันที่พวกเขาจะสามารถแหงนหน้าขึ้นมองมันได้อย่างมีความสุข
ก็หวังว่า Lovely Allergen จะมี LC ไทยในซักวัน แล้วถ้าใครได้อ่านจนจบแล้วรู้สึกอยากเม้าหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนกันยังไง ก็สามารถทักเรามาได้ตลอดเลยนะคะ
Hope to see you soon &
Hope you’ll never have any allergies ka :-)
contact me
twitter : @arriettybb
e-mail : ettybritan@gmail.com
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆ จากเราเพิ่มเติม จิ้ม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in