อรุณกาลนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเป็นผักขณะสายตาอันว่างเปล่าของเขาจับจ้องไปที่ภรรยาซึ่งนั่งอยู่เก้าอี้ข้าง ๆกำลังใช้มีดปลอกผลไม้อย่างช่ำชอง
เธอใช้มีดเก่ง เก่งเกินไปด้วยซ้ำนับตั้งแต่วันที่เขาและเธอแต่งงานกันและในคืนเข้าหอเธอกระซิบบอกกับเขาภายหลังจากที่เขาและเธอพึ่งเสร็จกิจ
‘พี่ ฉันทำอาหารไม่เค่อยเก่งนะ’
ตอนนั้นเขาไล้นิ้วไปตามต้นแขนของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
‘พี่หาเมียไม่ได้หาแม่บ้านสักหน่อย
รอยยิ้มแสนงดงามของอัปสรในยามนั้นทำให้เขาคิดว่าเธอช่างเป็นดั่งนางฟ้าสมดั่งชื่อของเธอ
ยามรัก คนเรานั้นก็ลุ่มหลง มัวเมา คล้ายกับยามที่ดื่มเหล้า แต่เมื่อถึงยามเช้าเมื่อสร่างเมาก็ราวกับภาพความจริงกระจ่างชัดพอ ๆ กับภาพอดีตในยามเมามายก็กลายเป็นภาพที่เลือนราง
‘เย็นนี้เราไปกินข้าวข้างนอกกันดี...’
‘พี่เลิกดึก พี่ขอกลับไปพักได้ไหม เราจะให้พี่เหนื่อยขับรถออกไปอีกเหรอ’
“สรไม่โกรธพี่รุ่งหรอกนะคะ” เธอบอกขณะปอกผลไม้และจัดเรียงใส่ในจานอย่างสวยงาม
อรุณกาลยังคงมองเธอ เขาอยากถามว่าเธอไม่โกรธเขาเรื่องไหน เรื่องที่เขาบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
มีเรื่องมากมายที่อรุณกาลรู้ว่าอัปสรสมควรจะโกรธและบางเรื่องเขาก็รู้แล้วว่าเธอโกรธเขา โกรธแบบที่ทำให้เขาได้เห็นสายต่แห่งความเคียดแค้นมาจากสายตาของเธอ
อรุณกาลอยากถามเธอจริง ๆว่าเรื่องไหนกันที่เธอนั้นไม่โกรธ แต่ทว่าเขาก็ทำได้เพียงถามมันในใจ เนื่องจากในเวลานี้ร่างกายของเขาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วยและตามร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง มันเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยในการรักษาและขณะเดียวกันก็เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยื้อชีวิตของเขาเอาไว้
“สรไม่โกรธ...กับเรื่องที่พี่นอกใจสรแล้วไปกับอีนั่น”
อา...นั่นคือสิ่งที่เขาควรขอโทษเธออย่างที่สุดสินะ..
“แล้วก็...เรื่องที่พี่เคยลงไม้ลงมือกับสร”
มันเป็นอุบัติเหตุ เขาไม่ได้ตั้งใจ...
เขาไม่ผิด... เขาเข้าข้างตัวเอง
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงสองครั้งก่อนร่างของคุณหมอจะเดินเข้ามาอัปสรลุกจากเก้าอี้
“คุยตรงนี้ได้ไหมคะคุณหมอ...” อัปสรเอ่ยขึ้น
คุณหมอมองมาที่ร่างบนเตียงคนไข้
“คุณภรรยาอธิบายกับคนไข้แล้วเหรอครับ”
อัปสรส่ายหน้า “จะบอกช้าหรือบอกเร็ว ก็คงมีค่าเท่ากันสำหรับฉันและสามีค่ะ”
คุณหมอถอนหายใจแล้วจึงพยักหน้า
กว่าสิบนาทีที่หมอพยายามอธิบายอาการป่วยวิธีการรักษาวิธีต่าง ๆ ความเสี่ยงผลกระทบและวิธีการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาลอรุณกาลก็รับได้ว่าเขากับความตายอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
อรุณกาลอยากเอื้อมมือไปกุมมือของเธอเอาไว้ปลอบให้กำลังใจว่าเขาจะพยายามอยู่เคียงข้างเธอตราบลมหายใจสุดท้ายของเขาสิ้นสุดลง
ทว่าอรุณกาลกลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้
“ถ้าหากคุณหมอพิจารณาว่าการผ่าตัดนั้นเสี่ยงดิฉันก็จะไม่อนุญาตให้ผ่าสามีของดิฉันค่ะ”
อรุณกาลมองเธอ
“แต่ถ้าหากผ่าก็จะเป็นการดีกับ...”
“ดิฉันจะไม่ให้สามีผ่าค่ะ” เธอยังย้ำอีกครั้ง
“เขามีโอกาสหายนะครับ”
“แต่คุณหมอก็บอกดิฉันนี่คะว่าเขาจะไม่หายสนิท ผลข้างเคียงก็ยังเกิดขึ้นกับเขาและหลังการผ่าตัด....”
อรุณกาลรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อมองใบหน้าของภรรยา เขาอธิบายไม่ได้ว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นใบหน้าของภรรยาหรือภาพฝันที่เลือนรางจากฤทธิ์ยาจากการรักษาที่เขารับเข้าไปกันแน่ เพราะเขาเธอเบะปากคว่ำราวกับเศร้าเสียใจ
“แค่คิดว่าเขาจะเป็นอัมพาตดิฉันก็ทำใจไม่ได้”
“อย่าโกรธกันนะคะ ที่ฉันไม่ยอมให้พี่ได้รักษา”
หมอเดินออกไปจากห้องแล้วสิ่งที่เหลืออยู่ก็เพียงธาตุแท้ของภรรยาที่รักของเขา...
อรุณกาลไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่แสนชั่วร้ายแบบนี้
เธอกำลังจะฆ่าเขา... ฆ่าด้วยการปฏิเสธการรักษา และปล่อยให้เขาตายอย่างช้า ๆท่ามกลางสายตาของคนรอบตัวที่มองมายังเธอด้วยความสงสาร เธอจะกลายเป็นหญิงแม่ม่ายที่สามีนอกใจ พอสามีประสบอุบัติเหตุทำให้เขานอนเป็นผักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบรรดาญาติ ๆ ก็ยังสรรเสริญว่าเธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งน่าสงสาร
และเขาเองก็จะกลายเป็นขี้ปาก
สิ่งที่ตามหลังของเขามาก็เป็นเพียงแต่คำสาปส่งให้ตกนรกหมกไหม้...
อรุณกาลคิดสิ่งต่าง ๆ แล้วก็ได้แต่กำหมัดแน่นความเจ็บปวดร้าวไปทั่วแขนในทุกขณะที่เขากำมือแน่นแต่นั่นก็ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำกับความเจ็บปวดที่เขาได้รับในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต
“พี่โกรธสรเหรอคะ”
อัปสรยกมือมากอบกุมมือของเขา
อรุณกาลมองอัปสรด้วยสายตาที่วาวโรจน์โกรธจนแทบจะอยากจะสะบัดมือที่กุมมือไว้ของเธออกไป และอยากจะไล่ตะเพิดอีกฝ่ายให้ไปไกลหูไกลตาของเขาด้วย
“พี่ไม่ต้องพยายามบอกให้สรรู้หรอกค่ะว่าพี่เกลียดสร ตั้งแต่พี่รู้ว่าสรรู้ว่าพี่ไปนอนกับอีนั่น
เพียงแค่เธอพยายามยืนยันว่าจะไม่ผ่าตัดสามีทั้งที่มีโอกาสหายเพียงแค่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซุบซิบนินทาที่เธอได้ยินระว่างทางเดินที่มายังห้องรักษาตัวของสามีเธอแล้ว
เธอกำลังรอคอย...เพียงไม่นานหรอกที่เธอจะปลดเปลื้องความทุกข์ระทมทั้งชีวิตของเธอและต่อให้เธอต้องการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกเพียงลำพัง เธอก็ยังดีใจกว่าให้เขาหรือเธอต้องเกิดมาเจอกับไอ้ชาติชั่วผัวเธอคนนี้
สรเม้มริมฝีปากกลืนก้อนสะอื้นมองใบหน้าของสามีเธอแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูของสามี
“สรรักพี่รุ่ง สรขอให้พี่ไปจากโลกนี้
พอได้ฟังถ้อยคำประโยคนั้นจบอรุณกาลที่หายใจหอบกระชั้นด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ความโกรธเหมือนไฟที่สุมอกและลุกไหม้ในใจเขา ไม่รู้ว่าเขาพยายามลุกจากเตียงพยายามเปล่งเสียงเขาจดจำไม่ได้ว่าพูดคำพูดอะไรที่ดังก้องออกมาจากปากของเขาในเฮือกลมหายใจสุดท้ายนั้น เขาเห็นใบหน้าอัปสรหวาดกลัว เธอกรีดร้องและภาพทุกอย่างก็ตัดหายไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in