เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 5 : สองชายปริศนา
  • ……….

     

    ตอนที่ 5 : สองชายปริศนา

     

    แสงแดดยามเช้าส่องผ่านรอยต่อระหว่างผ้าม่านหน้าต่างห้องตกกระทบเตียงพอดีผมลืมตาตื่นขึ้นเมื่อแสงแยงตาจนทุกอย่างเป็นสีส้ม แคลยังไม่ตื่น เธอนอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆผมค่อยๆลุกขึ้นระวังจะไม่ไปปลุกเธอเข้า เดินไปห้องน้ำ มองสารรูปตัวเองผ่านกระจกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เต็มไปด้วยรอยเลือดแห้งกรัง ผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงไปหมดผมถอดเสื้อออก บาดแผลโดนฟันกลางหลังหายไปแล้ว รอยโดนยิงก็เหมือนกันไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็น ถึงอย่างไรร่างกายก็ยังล้าๆ อยู่พละกำลังยังกลับมาไม่เต็มที่ ผมเปิดฝักบัวอาบน้ำชำระร่างกายที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด

     

                เมื่อเสร็จผมเลือกที่จะทิ้งเสื้อตัวเก่าไว้ตรงกระจกห้องน้ำ ก่อนเดินออกมาด้วยกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเหลืองผมมองไปยังร่างที่ยังหลับใหลตรงหน้า เดินไปเปิดประตูห้อง เลื่อนโต๊ะที่กันไว้ออกหยิบมีดสั้นทหารไว้กับตน ก่อนเดินออกจากห้องและปิดประตูตามเดิม

     

                ผมเลือกห้องตรงข้ามเสียบมีดเข้าไประหว่างช่องประตู ออกแรงงัด เปิดเข้าไป ผมเดินไปยังตู้เสื้อผ้า โชคดีที่ห้องนี้มีเสื้อสำหรับผู้ชายพอดีผมหยิบเสื้อยือคอวีสีดำขึ้นมาใส่ ก่อนเดินออกมาจากห้อง พอๆ กับที่ได้ยินเสียงแคลเรียกหา

    “ตื่นสายนะเรา” ผมพูดพลางปิดประตูห้อง

    “นึกว่านายหนีไปซะแล้ว”

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ไปไหน เอ้า ! ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาจะได้ไปกันต่อ”  ผมพาเธอไปห้องน้ำยืนรออยู่หน้ากระจก

    “ข้างหน้าเป็นอ่างล้างหน้า ส่วนข้างหลังเป็นฝักบัว ทางขวาอ่างมีผ้าเช็ดตัวอยู่ ถ้าจะอาบน้ำก็รีบๆละกันผมจะรอข้างนอก” ผมบอกรายละเอียดห้องให้เธอฟังก่อนคว้าเอาเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออกมาจากอ่างล้างหน้า

    “แล้วถ้านายแอบดูฉันล่ะ” เธอถาม

    “ไม่แอบดูหรอกน่า ถึงแม้เธอจะน่ารักก็เหอะ”  นี่ผมเพิ่งพูดอะไรออกไปล่ะเนี่ย

    “….”

    “ฉันจะออกไปสำรวจรอบๆ ละกัน ไม่ต้องห่วง ไม่มีตัวอะไรเข้ามาทำร้ายเธอได้แน่”ผมพูดเมื่อเธอเว้นช่วงเงียบไปพักใหญ่

     

                ผมปิดประตูห้องตามหลังเสียงดังพอจะบอกเธอว่าผมออกจากห้องแล้วผมเดินลงมาชั้นล่าง ไม่คิดจะขึ้นชั้นสาม เลี้ยวขวาเดินเข้าไปสู่ทางเดินยาวที่ยังไม่เคยเข้าห้องแรกทางซ้ายมือดูจะเป็นห้องของเจ้าของที่นี่ มีทีวี โซฟา เตียงนอน รูปแขวนตามผนังผมแค่มองก่อนปิดประตูตามเดิม ห้องสุดท้ายอยู่สุดทางผมเปิดเข้าไปพบกับห้องครัวขนาดเล็ก มีอุปกรณ์ครัวแขวนไว้บนชั้นมากมาย ทั้งกระทะหม้อ เตาอบ จาน ชาม ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพดี เหมือนไม่มีใครคิดจะเข้ามารื้อเลยหรือไม่ก็แห่ไป นิวเคลโอ กันหมดแล้ว

     

                ผมสะดุดตาเข้ากับตู้เก็บของที่ตั้งอยู่ทางซ้ายมือของผมเปิดตู้ออก “ให้มันได้อย่างงี้ซี่”  ภายในตู้ว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเลยนี่คงกะเข้ามาเอาอย่างเดียวเลยสินะ อย่างอื่นเลยอยู่ในสภาพเรียบร้อยอยู่เนี่ย

     

    ผมเดินออกมาจากห้องด้วยอาการเซ็งเดินขึ้นบันไดยังไม่ถึงชั้นสองดี ก็ได้ยินเสียงร้องของแคลดังออกมาจากห้องผมวิ่งขึ้นอย่างเร็วพบว่ามีซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังพยายามกระแทกประตูเข้าไปให้ได้ผมเดินเข้าไปหามันช้าๆ ถอดมีดทหารออกจากซอง เขวี้ยงใส่กลางลำตัว ร่างมันโดนมีดลอยไปตามแรงกระแทกกับกระจกข้างหลังแตกดังเพล้ง

     

    ผมเดินถึงตัวมันดึงมีดจากหน้าอกมันออกอย่างใจเย็น ก่อนถีบมันลงหน้าต่างชั้นสองลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นที่จอดรถของโรงแรมเล็กๆนี่

     

    “นี่ผมเอง” ผมบอกเธอเมื่อเธอยังออกแรงดันประตูอยู่

    “นายไปตั้งนาน” เธอว่า ผมจับมือเธอพาเธอไปนั่งบนเตียง

    “หาข้าวของน่ะ” ผมเดินไปหยิบเป้อาหาร วางมันบนตักเธอ ก่อนหยิบเป้อาวุธวางไว้ใกล้ๆกัน

    “รอแปปนะ ขอเตรียมอาวุธให้พร้อมก่อน”  ผมนั่งใส่กระสุนในแม็กสำรองที่ใช้หมดไป ผมเพิ่งรู้ว่าตนเองยังไม่ได้ใช้ปืนพกเลยสักครั้งผมเก็บแม็กสำรองไว้ในเป้ สะพายเอ็มพี7 ไว้ข้างหลังตามเดิม

    “ดูท่าเธอจะสู้เก่งพอตัวอยู่นะเจค”  เธอถามขณะใส่เสื้อฮู้ดสีดำของเธอ

    “ก่อนโลกจะเป็นแบบนี้ ผมเคยเรียนต่อสู้มาบ้างน่ะ มาได้ใช้จริงก็เอาตอนนี้แหละ”ผมตอบ

    “แต่แผลเธอหายหมดแล้วรึ”

    “อื้อ แค่แผลถลอกน่ะ ไม่เป็นไรมากหรอก ว่าแต่มากินข้าวกันดีกว่าชักจะหิวแล้วสิ” ผมกับเธอพากันกินอาหารที่พวกเรามีทั้งขนมปังแผ่น ปลากระป๋อง พวกเรากินเท่าที่จำเป็น เพราะต้องเก็บที่เหลือไว้ใช้วันอื่นอีก

     

                เมื่อเราทั้งคู่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็พาเธอลงมาชั้นล่างชะโงกหน้าออกไปเห็นซอมบี้เดินไปมาบางแห่งไม่ถึงกับเยอะมากแต่ที่สะดุดตาคือมีรถกระบะสีบรอนซ์จอดอยู่เยื้องไปหน้าตึกฝั่งตรงข้ามของโรมแรมแต่ผมคิดว่าไม่ได้สังเกตเองมากกว่าจึงไม่สนใจ ผมจับมือแคลแน่น ค่อยๆ พาเธอไปโรงรถข้างหลังโรงแรมซอยเข้าอยู่ทางขวาของตัวตึก

     

                มันเป็นโรงจอดรถเล็กๆจอดได้ประมาณสามถึงสี่คันเท่านั้น แต่ตอนนี้มันเหลืออยู่แค่คันเดียวมันเป็นรถซีดานสีเลือดหมูฝุ่นเขรอะคันหนึ่งจอดชิดริมผนังอาคาร

     

                ผมพาเธอเดินอ้อมซากซอมบี้ที่ผมผลักมันลงมาข้างล่างมองเข้าไปในตัวรถไม่เห็นสิ่งผิดปกติจึงเปิดประตูให้เธอขึ้นนั่งข้างคนขับวางเป้ทั้งสองใบไว้เบาะหลัง เปิดประตูอีกฝั่งก่อนเช็คว่าจะสตาร์ทเครื่องยังไง

    “ไม่มีกุญแจแฮะคันนี้”  ผมไม่เห็นกุญแจคาไว้จึงพูดขึ้น

    “อยู่ช่องเก็บของบนหัวเธอรึเปล่า” แคลถาม ผมดึงกระจกบังแดดลงมามันมีช่องใส่ของเล็กๆ อยู่ผมล้วงมือลงไปสัมผัสกับบางสิ่งที่เป็นโลหะเข้า

    “เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ” ผมชม

    “แน่น๊อนน”  เธอรับคำ

     

                ผมสตาร์ทเครื่องที่น้ำมันเกือบเต็มแผงหน้าปัดแสดงไฟการทำงานของระบบ ผมขับมันช้าๆ ผ่านร่างซอมบี้ก่อนจะเลี้ยวเพื่อออกจากซอยที่เข้ามาตอนแรกแต่ก็ต้องหยุดรถกะทันหัน

    “มีอะไรหรอเจค” เธอถาม

    “มีผู้ชายยืนขวางทางอยู่หน้าทางออกน่ะสิ” ผมจ้องไปที่ชายสองคนตรงหน้าแต่งตัวดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนร้ายหรือพวกเดียวกับพวกชุดสูทผมเคลื่อนรถต่อช้าๆ ไปหยุดอยู่กลางซอย

    “รออยู่ในรถนะ เดี๋ยวลงไปคุยแปปนึง” ผมบอกเธอ สะพายทั้งมีดสั้นมีดยาวพร้อม

    “ระวังตัวด้วยนะ”  เธอเตือนผม

    “อื้อ”  

     

    ผมเปิดประตู ก้าวลงจากรถ ปิดประตูตามหลังจ้องมองไปที่ร่างชายสองคนตรงหน้า ทั้งคู่แต่งตัวเหมือนกัน เป็นชุดเหมือนพวกทหารหน่วยจู่โจมพิเศษที่มีเสื้อเกราะกันกระสุนอาวุธประจำกาย ทั้งคู่มีความสูงไร่เรี่ยกัน ทรงผมยังไว้คล้ายๆ กันอีกมันเป็นทรงไว้ยาวประมาณปรกหู เหมือนทรงร่วมสมัยทั่วไปแต่สิ่งที่แตกต่างก็คือบุคลิกท่าทางคนทางซ้ายดูจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจมากกว่าด้วยท่าทีดูจริงจังไม่ว่อกแว่กเหมือนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ชอบมองนู่นนี่ตลอดเวลาแถมดูแล้วจะติดเล่นซะมากกว่าด้วยซ้ำ

    “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”  ผมถามตามมารยาท

    “พอดีพวกเราแวะผ่านมา เห็นสภาพตรงแยกนั้นเข้า มันเพิ่งเกิดไม่นานนี้เองเราคิดว่านายอาจจะพอเห็นสถานการณ์น่ะ”  คนที่ดูสุขุมถามด้วยเสียงเรียบ

    “พวกเราก็เพิ่งจะมาถึงเหมือนกันครับ ไม่ทราบหรอกครับ” ผมตอบแบบสุภาพ

    “ในรถนั่นแฟนนายรึ”  อีกคนถาม ผมมองตามสายตาไป ก่อนหันกลับไปตอบ

    “ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมทางอยู่ครับ ฮะฮะ”  ผมหัวเราะเบาๆ

    “เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยดีกว่า นายน่าจะรู้ว่าเราสองคนไม่ใช่พวกชุดสูทนั่นพวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ลับ ที่กระจายกำลังไปทั่วเพื่อหาทางทำลายเคลโอเก่าและพวกไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่ รูปร่างภายนอกมันก็คนดีๆ เนี่ยแหละแต่มันมีพละกำลัง ความเร็วที่มากกว่าคนทั่วไป เจ้าพวกนี้อันตรายใช่ย่อยเลยล่ะ”เจ้าคนสุขุมพูด

    “อย่างงี้พวกผมก็ต้องระวังตัวมากขึ้นน่ะสิครับเนี่ย”

    “ฉันว่านายเลิกเสแสร้งเถอะ บอกมาดีกว่าว่านั่นฝีมือนาย” เจ้าคนสุขุมถามย้ำด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าเก่าท่าทีพวกมันสองคนก็ดูแปลกตาไป

    “ถ้าใช่แล้วยังไงต่อหรอครับ จะฆ่าผมรึ” ผมตอบกลับมือแตะด้ามมีดแล้ว

    “ใจเย็นพวกใจเย็น พวกเราแค่อยากรู้ว่าทำไมนายถึงหนีออกมา”  คนติดเล่นกล่าว

    “ไม่ชอบอยู่ใต้อำนาจของใครล่ะมั้ง ผมก็มีสิ่งที่อยากจะทำเหมือนกัน”

    “คือการพาเธอคนนั้นไปรักษางั้นรึ หรือว่าหวังอย่างอื่นกันแน่เอ่ย”  ไอคนขี้เล่นพูดยียวน

    “พอน่า ไอริก”  อีกคนปราม

    “แล้วจะทำไม ถ้าผมจะพาเธอไปนิวเคลโอ” ผมถามกลับ

    “ก็ไม่ทำไมหรอก อันที่จริงพวกเราควรจะเก็บนายซะตรงนี้ที่นี่เลยนะแต่ในเมื่อนายไม่ใช่คนเลวซะเต็มตัวเหมือนพวกกลายพันธุ์อื่นๆเลยอยากจะขอเตือนไว้หน่อย ว่าที่นายทำลงไปน่ะมันเหมือนกับว่านายกำลังท้าพวกมันอยู่ระวังตัวไว้ให้ดี เพื่อนนายด้วย แต่นายคงรู้นะว่าจะเป็นไงถ้านายเข้าใกล้นิวเคลโอ”เจ้าคนสุขุมพูด ก่อนกลับหลังเดินลับมุมตึกหายไปเหลือเพื่อนอีกคนไว้

    “เอ้า ! นามบัตร ข้างหลังมีแผนที่อยู่เก็บไว้ให้ดีล่ะ เผื่อนายอยากจะช่วยเรากำจัดพวกชั่วๆ พวกนั้นหลังจากทำภารกิจนายเสร็จ”เจ้าคนชื่อริกพูดพลางยื่นนามบัตรเป็นพลาสติกแข็งให้ผมรับไว้

    “อ้อ ! อีกอย่างนะ พวกฉันน่ะใจดีไม่เหมือนพวกหน่วยลับคนอื่นๆ หรอกนะ พวกนั้นอาจจะฆ่านายก็ได้ ฉะนั้นหมายความว่านายมีศัตรูหลายทางเลยล่ะโชคดี หวังว่าจะได้เจอกันอีก” เจ้าคนชื่อริกพูดจบก็เดินตามเพื่อนอีกคนไป

     

                ผมมองเจ้าสองคนนั้นขึ้นรถกระบะสีบรอนซ์คันที่ผมเห็นก่อนมุ่งหน้าไปทางเมืองเคลโอเก่า เมืองที่ผมจากมา ผมเดินกลับมาที่รถ เปิดประตู ขึ้นไปนั่ง

    “นั่นนายใช่มั้ย” แคลถามทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด

    “อื้อ ผมเอง  ไม่มีอะไรหรอกพวกรักษาการณ์นิวเคลโอน่ะ มาเตือนแล้วก็บอกเส้นทางที่ควรระวัง เลยคุยนานไปหน่อย”ผมโกหก

    “แปลว่าเราใกล้ถึงแล้วสินะ ชักตื่นเต้นแล้วสิ ว่ามั้ยเจค ?”  น้ำเสียงเธอดูตื่นเต้นกว่าทุกที

    “นั่นสินะ” ผมตอบ พลางก้มมองนามบัตรที่แสดงแผนที่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ใช่นิวเคลโอ

     

    ……….

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in