เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
เรียงความเรื่อง ในหลวงของเรา (รัชกาลที่ ๙)


  •      ฉันมั่นใจว่า “หลายๆ คน โตมาพร้อมกับการที่มีในหลวงรัชกาลที่ ๙ อยู่ในใจและโตขึ้นมาพร้อมกับเห็นท่านเดินทางไปทุกที่ ไปในที่ห่างไกล ไปในที่ลำบาก และไปในที่ทุรกันดาร และในบ้านคนส่วนใหญ่ต้องมีรูปในหลวง หรือหากไม่มีรูป ก็ย่อมเคารพในหลวงอยู่ที่ใจ เฉกเช่นเดียวกับฉันที่มีทั้งรูปภาพในหลวง รูปหล่อในหลวงขณะท่านทรงผนวชและในหลวงอยู่ในใจ


         สมัยตอนฉันเด็กๆ ฉันเคยมีความคิดที่ว่า “อาชีพที่เหนื่อยที่สุดในโลกนี้คือ การเป็นกษัตริย์และพ่อของแผ่นดินไทย เพราะทุกอาชีพมีเวลาพักผ่อนสักวันละหลายชั่วโมง แต่อาชีพที่ในหลวงท่านดำรงเป็นอยู่นั้น กลับไม่มีเวลาได้พักผ่อน แม้สักนาทีเดียว” และฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไม ในหลวงไม่เคยทรงบ่นว่า เหนื่อยเลยสักครั้งหนึ่ง และทำไมพระพักตร์ของในหลวงมีรอยยิ้มและมีความสุขทุกครั้ง


         ฉันเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่า ฉันทำงานแบบในหลวงไหวไหม แบบไม่มีพัก แบบบุกป่าฝ่าดง ฉันตอบในใจได้เลยว่าฉันไม่ไหว เเละฉันคิดว่า คนอื่นก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉันเห็นมีแค่ในหลวงของประชาชนชาวไทยเท่านั้น ที่ทำงานหนักเพื่อประชาชนของท่านให้อยู่เย็นเป็นสุข 



         ฉันเคยได้ยินคุณครูเเละพ่อแม่เล่าว่าในหลวงท่านทรงเคยร้องไห้ยามที่บ้านเมืองขาดความสามัคคี และครูเล่าต่อว่าการที่เราเป็นคนไทย มีที่ให้เราอยู่อาศัย ก็เพราะในหลวงทุกพระองค์ ดังนั้น หนูๆทุกคนอย่าแตกความสามัคคีและอย่าสร้างความร้าวฉานให้กับประเทศไม่ว่าด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งตั้งแต่เล็กจนโตจนถึงปัจจุบัน ฉันก็ยังปฏิบัติและเชื่อเช่นนั้นอยู่ และในขณะที่เขียนเรื่องราวในครั้งนี้อยู่นั้น สายตาฉันก็พลันไปเห็นในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ที่ท่านทรงห่วงใยประชาชน และให้กำลังใจประชาชนยามประชาชนกำลังพบกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส เพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ปวงประชา และเพื่อให้ประชาชนของท่านอยู่เย็นเป็นสุขและผาสุก ซึ่งท่านเปรียบเหมือนพ่อของแผ่นดินที่ปวงประชาชนชาวไทยหลายคนเคารพต่อไป


         ในชั่วชีวิตของฉัน ฉันเห็นในหลวงท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ท่านทำดีทุกอย่างให้ทุกคนเห็น อย่างเช่น ประหยัด รู้คุณค่าของเงิน รู้คุณค่าของชีวิต อดออม ตั้งใจทำดี ตั้งใจทำสิ่งให้ถึงจุดมุ่งหมาย รักษาคำพูด ปิดทองหลังพระ ขยันหมั่นเพียร เเละอีกหลายๆอย่าง เป็นต้น ฉันเห็นว่า ท่านทำทุกอย่างแบบนี้ตลอดชีวิตท่านอย่างสม่ำเสมอแต่หากเป็นบางคนก็อาจทำได้แค่เริ่มต้น และเมื่อทำไปนาน ก็อาจเบื่อและเลิกทำ แต่สำหรับในหลวง ท่านไม่เคยเลิกทำเลยสักครั้งเดียว



         เมืองไทยเปรียบดั่งเหมือนครอบครัวใหญ่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งคนหลากหลายประเภทเต็มไปหมด วันหนึ่ง วันที่หลายคนเสียน้ำตา เพราะคนไทยขาดความสามัคคี ตอนนั้น ฉันเรียนมหาลัยอยู่ ฉันรู้สึกช็อกที่ประเทศชาติเป็นแบบนั้น แบ่งพรรค แบ่งพวก ทะเลาะกันรุนแรง และฉันแอบเผลอร้องไห้ให้กับเมืองไทยที่สวยงามและคนไทยที่เต็มด้วยน้ำใจ รอยยิ้ม และมิตรไมตรีที่ดีได้หายไปหมดแล้ว 


         ในขณะนั้นเองที่ฉันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่าในหลวงหรือพ่อของแผ่นดิน ท่านคงร้องไห้หนักอย่างมาก ที่ลูกๆของท่านขาดความสามัคคีกัน ท่านคงเจ็บปวดและไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น ฉันคิดได้ตั้งแต่นั้นว่า “ฉันขอเป็นคนตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ไม่ทำให้ท่านเสียน้ำตา ฉันจะเชื่อฟัง และตั้งมั่นในคุณความดี  ทำตามคำสอนท่าน เพื่อไม่ให้ท่านเสียน้ำตา” 


         เปรียบดั่ง เวลาที่ฉันทะเลาะกับพี่ พ่อกับแม่ฉันจะมีสีหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้และบอกกับฉันว่า “พวกเรามีกันแค่นี้ สามัคคีกันไว้ดีกว่า อย่าทะเลาะกันเลย ลูก” ในหลวงท่านคงกำลังเศร้าและร้องไห้ และท่านคงคิดเช่นเดียวกันกับพ่อแม่ของฉันก็เป็นไปได้


         อาจารย์คนหนึ่งเคยสอนว่า “ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์” ฉันเคยมีความสงสัยว่า “ทำไม ในหลวงถึงเป็นพระโพธิสัตว์” และวันหนึ่ง ฉันถึงเข้าใจและมั่นใจว่า ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์จริง เพราะท่านบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้กับปวงประชามาตลอด ดังนั้น ฉันถึงเชื่อมั่นเช่นนี้มาตลอด และฉันก็เชื่อว่า ถ้าทำตามคำสั่งสอนของพระโพธิสัตว์ก็ย่อมนำพาความเจริญมาสู่ตัว


         คุณครูท่านหนึ่งเคยบอกว่า “หากใครกล่าววาจาร้ายกับในหลวง แม้กระทั่ง ผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณ ชีวิตจะไม่เจริญ หรือการที่นำธนบัตรที่มีรูปภาพในหลวงไปวางไว้ที่กระเป๋ากระโปรงหรือกระเป๋ากางเกงก็ทำไม่ได้ เพราะจะไม่เจริญ ดังนั้น ไม่ว่าทำอะไรก็ควรระมัดระวังแก่ผู้ใหญ่ และควรมีสัมมาคารวะและรู้กาลเทศะ พร้อมกับอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่ แล้วชีวิตจะเจริญ” ฉันเชื่อคำสอนครูมาตลอด และตั้งใจทำอย่างตั้งมั่น เพื่อความเจริญกายและเจริญใจอย่างทุกวันนี้ และครูยังบอกอีกว่า ความเจริญไม่ได้แปลว่า มีชื่อเสียง เพราะชื่อเสียงเหล่านี้สุดท้ายก็หายไปและมีคนอื่นมาแทนที่ แต่เป็นการเจริญในหน้าที่อย่างมีคุณค่าที่ไม่สูญไปต่างหาก ทุกคนลองคิดดูกันว่า คือ การเจริญในรูปแบบไหน แต่ขอบอกว่า เป็นการเจริญแบบจีรังยั่งยืนแน่นอน และไม่มีใครแย่งไปได้



         ฉันจำได้ว่า มีคนบอกว่า ในหลวงจะอยู่ถึง 120 ปี ตอนนั้น ฉันก็คิดว่า “ดีจังเลย ตอนนั้นฉันก็เริ่มอายุมากแล้ว” แต่วันหนึ่ง คือ วันนี้ เมื่อ 6 ปีก่อน ที่ในหลวงท่านได้จากปวงชนชาวไทย อย่างไม่มีวันกลับ พวกเราชาวไทยหลั่งน้ำตาให้กับท่านเกือบทุกคน รวมถึงฉันด้วยเช่นกัน หลายคนเสียใจและหลายคนตั้งใจมาจากทุกที่ ทุกแห่ง ที่ไกลเพียงใดก็มา มาแสดงความสามัคคีให้ท่านเห็นครั้งสุดท้าย เพื่อส่งท่านสู่สรวงสวรรค์อย่างแท้จริง 


         และฉันเคยคิดว่า ท่านคงไม่ได้หายไปไหน แต่ท่านยังอยู่ในใจของประชาชนชาวไทยทุกคนตลอดไป ฉันจำได้ว่า เพื่อนคนอังกฤษถามฉันว่า “ร้องไห้จริงๆหรอ เสียใจขนาดนั้นเลยหรอ” ฉันตอบเพื่อนฉันคนนั้นว่า “จากใจและไม่มีใครแกล้งร้องไห้แน่ๆ เพราะความรู้สึกทุกอย่างนั้นล้วนมาแต่ใจของทุกคน เหมือนกับคนที่รักในครอบครัวที่กำลังจากไป”



         วันนี้ ฉันอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ กราบ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ และทำให้ฉันซาบซึ้ง ตื้นตันใจที่ยังมีเด็กอายุน้อยคนหนึ่งเขียนหนังสือ ถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้อย่างกินใจ โดยเฉพาะ ตอนที่เด็กหญิงบอกว่า ในหลวง แปลว่า เก็บความดีและความรักไว้แจกจ่ายฉันเห็นด้วยกับเด็กน้อยมากว่าท่านคือผู้ให้ที่แท้จริงและฉันก็อดมีคำถามขึ้นมาไม่ได้ว่า แล้วทุกคนเคยให้อะไรท่านคืนบ้างไหมฉันตอบได้เลยว่าฉันเคย เพราะฉันจ่ายภาษีครบทุกเม็ดทุกหน่วย ไม่เคยโกงภาษีสักครั้ง สิ่งเล็กน้อยนี้ก็คือ การคืนให้กับในหลวงและแผ่นดิน รวมถึง การทำความดี ไม่ให้พ่อแม่และประเทศชาติเดือดร้อน เป็นต้น


         และหนังสือยังมีกล่าวว่า เหงื่อของท่านทุกหยดสร้างแผ่นดินและสายน้ำได้ สายน้ำอาจไหลทั่วทั้งโลก ทำให้ต้นไม้ คือ ความดี เจริญงอกงามหรือ ในหลวงเคยสอนว่า จงปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นจะปลูกต้นไม้ลงแผ่นดิน และรักษาต้นไม้ด้วยตัวเองซึ่งเด็กคิดว่า “การปลูกต้นไม้คือการปลูกความรัก เป็นว่า เรารักประเทศไทย” เมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็พบว่า “เด็กมองโลกในแง่ดีและน่ารัก”


         สำหรับฉันเคยอ่านคำสอนข้างต้นเช่นกัน และยังต้องเขียนเรียงความถึงคำสอนนั้นด้วย ซึ่งสมัยตอนเด็กนั้นคิดคล้ายคลึงกับเด็กน้อยในหนังสือ ฉันเข้าใจว่าปลูกต้นไม้ คือ ปลูกฝั่งให้คนในชาติเป็นคนดี เข้าใจรากเหง้าของบรรพบุรุษและรักชาติ สามัคคี เพื่อจะช่วยให้ประเทศชาติคงอยู่ไว้ฉันเคยบอกอาจารย์ต่ออีกด้วยว่า ชาติเป็นชาติของเรา ถ้าเราไม่รักชาติและขายชาติให้คนอื่น เราจะมีแผ่นดินไหนอยู่ฉันจำได้ดีว่า “เรียงความฉบับนั้น ถูกให้ออกมาพูดหน้าเสาธง เพราะอาจารย์ถือว่า ฉันเข้าใจถูก”



         เรื่องสุดท้ายที่วันนี้ ฉันขอกล่าวถึงในหลวง พระองค์ท่านไม่เคยสอนให้เราชอบวัตถุนิยม ท่านสอนเสมอให้เราอยู่กับธรรมชาติ และเมื่อท่านได้จากไป คำสั่งสอนของท่านก็ย่อมเป็นคำสอนที่แท้จริง เพราะท่านได้ลงสู่ดิน ธรรมชาติที่ท่านสอนและท่านรัก เหลือไว้คำสอนสุดท้ายที่ท่านสอนชาวไทย โดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยว่า อย่าประมาท เพราะสุดท้าย ความตายคือความแน่นอน และจงรักประเทศชาติให้ดุจดั่งรักตัวเอง อย่างที่ท่านทำเสมอมา


         วันนี้เป็นวันที่ฉันขอระลึกถึงคำสอนของพระองค์ท่าน และขอตั้งใจเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ขอตั้งใจที่จะทำคุณความดี กตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ รักษาศีล ๕ ละเว้นความชั่ว และตั้งใจทำจิตใจให้ผ่องใส ดุจดั่งที่ท่านต้องการให้คนไทยทุกคนเป็น 


    Look A Breathe

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in