ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่ๆมีการเรียกร้องเสรีภาพ การรับฟังกันอย่างเท่าเทียมและที่ๆหมาเป็นสุภาพชนเทียบเท่ากับมนุษย์ เพราะหมาอยู่ในรัฐบาลและหมายังดำรงตนเป็น
“นายกรัฐมนตรี”
เรา: ย้อต เป็นอะไรถึงทำหน้าเศร้าแบบนี้
ย้อตตี้: ผมไม่อยากเป็นอย่างนโปเลียนแล้วครับ ผมกลัวไปหมดว่า จะมีคนฆ่าผมเมื่ออำนาจผมสูญ
เรา: อ้าว แล้วจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ
ย้อตตี้: ผมคิดถึงตอนจำศีลอยู่ถ้ำ และผมคิดขึ้นได้ว่า ผมจะดำรงตนเป็นหมีผู้นำที่ดีอย่างหมูเล็กและปองโก้ครับ
เรา: แล้วแกจะทำหน้าที่เป็นอย่างไร
ย้อตตี้: ผมจะกลับมาเป็นผู้นำที่รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน และค่อยๆนำพาหมีทุกตัวไปสู่โลกของหมีได้อย่างอิสรภาพชนควรทำครับ
เจ้าหมีย้อต ในไม่ช้า เจ้าก็คิดขึ้นได้สินะ ว่า อำนาจที่ได้มาแบบนี้จากเผด็จการ ไม่มีวันจีรังยั่งยืน เพราะอย่างไรเจ้าก็เป็นทาสความคิดและอารมณ์และสุดท้ายก็ไม่ต่างจากทาสของมนุษย์นั้นเอง
“อำนาจที่มาจากการรับฟังที่ดี
และตัดสินใจในทางที่ดี
ย่อมเป็นอำนาจที่ถูกต้องและเเม่นยำที่สุด
เพราะผ่านการนึกคิด
จากสิ่งที่เรียกว่าสติและศีลธรรม”
เมื่อเวทมนตร์เกิดขึ้นทำให้สรรพสัตว์และมนุษย์ทั่วอังกฤษหลับใหลกัน ยกเว้นหมาเท่านั้นที่ไม่หลับใหล ซึ่งเวทมนตร์นี้กำลังหลั่งไหลไปทั่วยุโรปและทั่วโลก
ปองโก้และมิซสิส รู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์นี้มาก และตัวเองก็บินไปหาหมูเล็กซึ่งเป็นลูกของเธอ และทั้งสองได้พบกับเรื่องราวสุดพิเศษที่หมูเล็กเป็นนายกรัฐมนตรีหมาและมีคณะรัฐมนตรีหมา พร้อมกับหมาทุกตัวทำหน้าที่ของตัวเองกันไป
เรื่องวุ่นยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อเจ้าแมวสองตัวในบ้านปองโก้พร้อมกับทอมมี่ลูกชายของนายปองโก้ เป็นครึ่งหมา ครึ่งแมว ครึ่งคน เลยตื่นขึ้นมาก่อนและรับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย แต่เพียงแค่ว่า จะไม่ได้ยินหมาคุยกันผ่านโทรจิตและลอยไม่ได้ก็แค่นี้ ซึ่งปองโก้ยังมีโอกาสฆ่าตัวร้ายอย่างผู้หญิงใน 101 แต่ก็ไม่ทำเพราะบอกว่า คือ การที่หมาจะลอบกัดมนุษย์ไม่มีทางสู้นั้นไม่ใช่วิสัยของหมาที่ดีที่ควรทำจริงๆ
วันหนึ่งผ่านไป มีเทพซิริอุส เทพแห่งหมาปรากฎตัวขึ้นมา และชวนหมาทุกตัวให้ไปอยู่กับเขาที่ดวงดาวหรือโลกแห่งหมาที่จะพบเจอกับความสุขนิรันดร ซึ่งเทพเจ้าพยายามที่จะกลายร่างเป็นหมาแต่ละพันธุ์ให้หมาเห็นตามพันธุ์นั้น และพยายามเกลี้ยกล่อมให้หมาเหล่านั้นไป
แต่หมาเหล่านั้น กลับคิดว่าควรสอบถาม นายกรัฐมนตรีหมาพร้อมคณะก่อนว่าควรทำอย่างไร และทั้งหลายได้เริ่มต้นคุยกันว่า ควรทำอย่างไรดี ในขณะที่ถกกันก็มีหมาหลายตัวขอพบ และหนึ่งในหมาจรที่มาขอพบก็เตือนใจปองโก้ว่า มนุษย์สองหน้ายังไว้ใจไม่ได้แต่นี้กลับเป็นเทพร้อยหน้าจะไว้ใจได้อย่างไร ว่า สิ่งที่ไปจะมีความสุขจริง ดังนั้น พวกผมพอใจที่จะเป็นหมาจรแบบนี้ ทำให้คำตอบออกมาจากการฟังหลายตัวเป็นเอกฉันท์ว่า พวกหมาจะไม่ไป
ในไม่ช้า พวกหมาทุกตัวก็รีบกลับไปก่อนเวทมนตร์จะคลายและกลับไปเป็นหมาจร หมาของคน หมาเลี้ยงแกะหรือหมาสารพัดนึกต่อไป
เราคิดว่า ใครอ่านก็นึกว่า ด่ารัฐบาลอยู่หรือเปล่า แต่ตอนที่ตัดสินใจนำมาอ่าน เพราะพอเห็นชื่อนักเขียน ก็รู้ว่า ไม่ได้ด่าแน่แต่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะนักเขียนท่านนี้ เขียนหนังสือที่ดีและไม่เคยกระทบใคร ส่วนพอเห็นคนเเปลอีกยิ่งมั่นใจ ว่า คงแปลให้ดูเข้าถึงง่ายมากกว่าที่จะเป็นคำด่าอย่างแน่นอน และเมื่ออ่านก็พบว่าเป็นความจริง
“อะไรคือคำตอบน่าค้นหา
ความสุขมานิรันดร์นั้นจริงหรือ
เราไม่เคยเห็นความสุขนิรันดร์คือ
ดังนั้นหารือจะเชื่อว่ามีจริงหรือไม่
หมาทุกตัวค่อยๆค้นหาว่าจริงไหม
หมาอยากไปพบเจอความสุขได้
แต่เมื่อหมาค่อยๆคุยหารือไป
พบเจอได้ความสุขคือที่ตนเอง”
“พวกเจ้าทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องกลัวข้าเเล้ว
ข้ากลับใจทันแล้วล่ะ ว่าการเป็นผู้นำที่ดีนั้น
ข้ายอมรับตนเองว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรที่ข้าควรปรับปรุง และควรรับฟังพวกเจ้าทั้งหลาย
บ้างว่าคิดเห็นกันอย่างไร จงไม่ต้องกลัวข้าแล้ว
พวกเจ้าจงกลับมาอยู่กับข้าที่เป็นตัวข้าในครั้งนี้เถิด”
หมีย้อตตี้
ตอนนี้กระผมเข้าใจอะไรมากแล้วล่ะขอรับว่า ความสุขที่แท้จริงของกระผมคือการอยู่กับพวกเพื่อนพ้องหมีของกระผมไม่ใช่อยู่กับตัวเดียวในอำนาจของกระผม และกระผมเริ่มมั่นใจแล้วว่า กระผมมาถูกทาง เมื่ออำนาจนั้นไม่สามารถบังตา บังใจกระผมได้อีกต่อไป
“การยอมรับตัวเอง การเข้าใจตัวเอง
การมั่นใจในความสุขของตัวเองในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่า มันจะเล็กน้อย ไม่ได้มากอะไร
แต่มันก็มีความสุขได้นั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีอำนาจต่อตนเอง
ในการนำพาตนไปพบสิ่งที่ดีจริงๆ”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in