“คุณแม่มิโยโกะที่เคารพรัก
ได้ประจักษ์รักลูกไม่แปรผัน
แม่ไม่ทิ้งลูกให้เหงาพลัน
แม่ตามฉันมาจากวาคายาม่า
แม่เดินทางมาถึงโตเกียวนี้
ทำงานที่สถานีรถไฟสนุกสนาน
แม่สอนฉันให้เรียนรู้ตามกาล
อย่าระรานคนอื่นเขาๆไม่ชอบเอย”
เรื่องนี้เริ่มต้นที่นักเขียนการ์ตูนได้เดินทางจากบ้านเกิดมาทำงานที่โตเกียว และคุณแม่มิโยโกะก็ตามลูกมาด้วย คุณแม่จะมีการพูดจาติดสำเนียงคันไซ ซึ่งหลายคนก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็รักในการพูดจาของตน และคุณแม่ก็จะมีคำศัพท์น่ารักๆให้ลูกๆและผองเพื่อนเดากันเล่นๆ
จากเรื่องจะเห็นว่า คุณแม่รักลูกมาก กลัวลูกลำบาก และไม่อยากเป็นภาระกับลูก แถมยังห่วงใยในลูกและผู้ช่วยลูกพร้อมเพื่อนลูกทุกคน
มีวันหนึ่ง ในขณะที่คุณแม่ทำงานอยู่ที่สถานีรถไฟ ป้ายเส้นทางของรถไฟดูยากลำบาก ใครๆก็มองเห็นลำบาก โดยเฉพาะคนแก่ แม่ได้ไปบอกกับคนหาเสียงทุกคนไม่ว่าพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ก็ไม่มีใครสนใจ ซึ่งมีเพียงพรรคเดียวที่สนใจมาดู และเขาก็เปลี่ยนให้ แม่ก็ไปเชียร์ให้คนเขาเลือกพรรคนั้น
แล้วแม่ก็ใช้ชีวิตต่อไป โดยมีการย้ายบ้าน ซึ่งตอนนั้นเองที่คุณแม่ก็ล้มลงเพราะเนื่องจากอายุมาก ถึงแม้จะเจ็บขาและเดินลำบาก แต่คุณแม่ก็ยังจะช่วยงานบ้านช่วยแบ่งเบาภาระของลูกสาวและคนอื่น
มีอีกครั้งที่คุณแม่ ลูกสาวและผู้ช่วยไปเที่ยวโอกินาว่ากัน ทุกคนเดินกันเร็ว ไม่ได้รอแม่ ก็มีผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งมาช่วยเดินเป็นเพื่อนคุณแม่ จนลูกสาวเห็นและมากล่าวขอบคุณ ก่อนจะดูแลแม่ต่อ
หลังจากนั้น คุณแม่ก็ล้มอีกครั้ง เมื่อรักษาตัวหายก็กลับมาหาลูกสาวที่โตเกียว และมีเพื่อนลูกสาวที่เคยเป็นผู้ช่วยมาหาที่บ้าน หลังจากจากกันไปนานถึงสิบปี เมื่อเจอกัน แม่ก็ทำอาหารให้เพื่อไปกินต่อที่บ้านของผู้ช่วย ซึ่งสร้างความอบอุ่น เต็มด้วยความรักและเอาใจใส่ต่อทุกคน
หลายเรื่องในเล่มนี้ทำให้เราอดประทับใจไม่ได้กับความน่ารักของคุณแม่มิโยโกะที่มีต่อทุกคน และสามารถสร้างรอยยิ้มในความทรงจำของทุกคนได้ตลอดชั่วชีวิตของคนนั้น
หนังสือเล่มนี้หาซื้อไม่ได้แล้วค่ะ เพราะเนื่องจากสำนักพิมพ์น่าจะปิดกิจการและไม่มีคนผลิตแล้ว แต่เล่มนี้เป็นเล่มที่ชอบมากและยังหยิบมาอ่านอีกหลายครั้ง เพราะอ่านกี่ทีก็นึกถึงคุณแม่ตลอดที่อยู่เคียงข้างลูกคนนี้
“ความเอาใจใส่ตนเองและคนรอบข้าง
เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in