“วัดเก่าแก่ขนาดใหญ่ 

ที่เป็นจุดท่องเที่ยวแรก

ของการนั่งกระเช้าเมาคง 

และตั้งอยู่บนเชิงเขาโฮ่วซาน”

       วัดนี้มีเทพเจ้า ลู่ ต้นปิง เป็นพระประธานในอาคารวิหารหลัก ซึ่งเป็น ๑ ใน ๘ เทพตามความเชื่อของลัทธิเต๋าประจำอยู่ทางทิศใต้ของสวรรค์

-1-

สมัยโบราณ

     ในสมัยก่อนที่จะมีกระเช้า วัดมีชื่อเสียงในความยากลำบากในการเดินทางมา เพราะมีบันใดถึง 1,000 ขั้นจากตีนเขาและอีก 300 ขั้นถึงวิหารหลัก ซึ่งในระหว่างที่เดินดูรอบๆวัด ยังมีร่องรอยบันใดให้ทุกคนเห็นด้วยค่ะ 

     สมัยก่อน ทุกคนที่มาไหว้เพราะความศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทั้งความพยายาม และสติระวังตัวเองไม่ให้ตกเขา และมีร่างกายสุขภาพแข็งแรงที่จะค่อยๆขึ้น แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่เคยมีใครเกิดอุบัติเหตุ และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย คนนิยมมากัน

-2-

หลังจากมีกระเช้า

     พอมีกระเช้าเมาคงแล้ว ทำให้การเดินทางมาง่ายขึ้น โดยจากสถานีกระเช้า และเดินอีก 300 เมตร ถึงอาคารวิหารหลัก ดังนั้น เมื่อก้าวมาถึงวิหารหลัก เราไหว้เทพลู่ ต้นปิงเรียบร้อยแล้ว เราจะเห็นโคมไฟสีแดงตระหง่านเต็มไปหมด

     วิวของวัดนี้ ถือเป็นที่ตั้งดีมาก เพราะอยู่บนเทือกเขา หันออกไปเห็นทะเล ซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงความเย็นๆและจิตใจสงบ ยามเราหันออกไปมองดูภาพเบื้องหน้า

-3-

อุโมงค์แห่งธรรม

      หลังจากนั้น เราเห็นเป็นอุโมงค์ คล้ายถ้ำ เดินเข้าไป เห็นมีเทพเจ้าแต่ละองค์ในลัทธิเต๋า มีเสียงสวดมนต์ และมีคนไต้หวันมาไหว้พระด้วยกันหลายคน

     และเดินไปถึงห้องคล้ายๆกับห้องจักรวาล ที่เป็นห้องบรรจุเทพเจ้า ก่อนจะเข้าไปยังวิหารหลักด้านหลัง และเราค่อยไหว้เทพเจ้าอีกหลายองค์ ซึ่งวิหารหลักด้านหลัง ก็จะมีภาพสงบข้างหน้าให้เราเห็น

     แล้วในวิหารมีหม่าโจ้วให้เราไหว้เพื่อความสิริมงคลด้วย ซึ่งวันนี้เรารู้สึกถึงความเป็นสิริมงคลในชีวิตอย่างมาก เพราะแต่ละที่ที่เดินผ่าน มีเทพเจ้าคอยอวยพร อวยชัยเราตลอดเวลา

-4-

ภายนอก

     เมื่อเราไหว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะเดินออกมาตามเส้นทางที่ทางวัดจัดให้ โดยไม่ต้องเดินย้อนกลับ เราจะเห็นมังกรพ้นน้ำ

      แล้วพอเห็นมังกรพ้นน้ำ เราจะเห็นวัดทั้งวัดภายหน้าเรา ไม่เพียงเท่านั้น พอเราลงจากวัดแล้ว เราจะพบร้านที่ขายสินค้าในวัด ซึ่งจะมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างให้ซื้อกลับไป แต่ราคาค่อนข้างแพง แต่เราอุดหนุนวัดค่ะ

      หลังจากนั้น เราเตรียมตัวเดินทางเพื่อขึ้นไปยังสถานีปลายทางของเมาคงต่อไปค่ะ

5 เหตุผลที่เลือกเที่ยวที่นี้

1. สวยงาม

      วัดนี้ คนไทยหลายคนไม่ได้มาค่ะ คือ ไม่ค่อยมีใครเเวะเท่าไหร่ เพราะหาคนรีวิวยากมาก เราไปอ่านเจอจากของฝรั่งคนหนึ่งที่รีวิว บอกว่า เป็นวัดที่สวยมาก และไม่ควรที่จะปล่อยให้เป็นเมืองผ่าน

     และเขามีเรื่องเล่าว่า เขาไปไหว้พระขอพรและประสบความสำเร็จ เขาเลยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมาไหว้อีกที ทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องไปให้ได้

“สวยงาม อลังการ แต่เน้นความสมถะ

ดุจดั่งธรรมชาติอย่างเต๋า”

2. ศักดิ์สิทธิ์

     อย่างที่เราบอกว่า เราอ่านรีวิวจากฝรั่งคนหนึ่งที่บอกว่า เมื่อมาขอพรและประสบความสำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้น 

      ยังมีคนญี่ปุ่นรีวิวอีกว่า ท่านเป็นเทพเจ้าที่ช่วยเหลือยามเจอทุกข์ ทำให้เรายิ่งเชื่อมั่นความศักดิ์สิทธิ์ท่านมากขึ้น

“การที่เราจะประสบความสำเร็จได้

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วย

เราต้องช่วยตัวเราเองก่อน”

3. สงบใจ

     เมื่อเรามองภาพเบื้องหน้า สายลมอ่อนๆ ความเย็นผสานกับกาย ใจเราไหว้พระขอพรด้วยความสงบใจดีมากอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งทำให้เราค่อยๆเดิน ค่อยๆอยู่อย่างสบายใจ จนชีวิตไม่เหนื่อยเกินไป

“ความสงบใจที่เกิดจากทั้งใจและสภาพแวดล้อมภายนอกด้วย”

4. ฝึกความตั้งใจ

     เราคิดว่า การที่เรามาถึงที่นี้ได้ โดยที่ไม่มีคนไทยรีวิว เรามาด้วยความตั้งใจจากใจจริง และคิดว่า ต้องมาให้ได้ วันนั้น อากาศหมอกหนา แต่เรายังจะมา และเมื่อมาถึง ฟ้าก็ค่อนข้างเปิดนิดนึง ซึ่งทำให้คุ้มค่าความตั้งใจที่มา

“เมื่อไหร่ที่เรามีความตั้งใจ ความสำเร็จอยู่ข้างหน้า”

5. ท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ

     วิถีธรรมชาติอย่างเต๋า ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้ เมื่อเราหยุดทางโลก ปล่อยวางทุกสิ่ง มองสิ่งเบื้องหน้า จะเห็นธรรมชาติและเราเข้าถึงมัน

“ธรรมชาติคือธรรมที่เราเข้าถึงได้”

เราเรียนรู้ตัวเองจากการท่องเที่ยวที่นี้ด้วยความคิดว่า ไม่ให้เป็นเมืองผ่าน ทำให้พบว่า ที่นี้สวยงามและสงบมากเพียงใด

“เมื่อเราปล่อยวางทุกอย่างในโลกนี้

เราพบความสงบสุขที่แท้จริง” 

"การปล่อยวางความทุกข์นั้น

ทำให้ฉันพบสุขในวันนี้

ทุกๆวันเป็นเวลาที่ดี

ใจกายนี้มีความสงบเอย

อย่าทนทุกข์ทรมานกายา

ใจยิ้มมามีสุขเบื้องหน้า

ใจไม่หลงติดในมายา

มีชีวาเบิกบานสงบใจ"

“ขอบคุณสำหรับการอ่านวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ ดั่งธรรมชาติแห่งธรรมแห่งนี้ค่ะ”

Look a Breathe