“การท่องเที่ยวในวันสบายๆ
และเรียนรู้ประวัติศาสตร์
พร้อมกับเรียนรู้ผู้คนในการดำเนินชีวิต
ก็ถือว่าคุ้มค่า”
ในระหว่างที่เรากำลังค้นหาว่า จะไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งที่ไหนดี สายตาเราก็พลันไปเห็นเมืองอุจิ และได้ไปอ่านตำนานรักเก็นจิ ทำให้เรารู้สึกลุ่มหลงในวิวสวยๆ และเรื่องราวที่สุดแสนจะตื่นเต้นจากตำนานนี้ และเป็นจุดเริ่มต้น ของการออกเดินทางไปญี่ปุ่นในครั้งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน
เราได้เดินทางมาถึงอุจิ เราตัดสินใจพักคืนหนึ่ง และได้เดินทางไปที่ศาลเจ้า
ในขณะเดินทางไป ได้เห็นคนจัดงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นสมัยโบราณ เรารู้สึกว่า น้ำตาจะไหลเลย เพราะหาดูได้ยากในสมัยนี้มาก และงานแต่งงานดูเรียบง่ายและสวยมาก เราได้ถ่ายรูป
และเดินทางไปถึงศาลเจ้า (Uji Shrine) แต่ไม่แน่ใจว่า ศาลเจ้านี้ไหม เราถามคุณป้าญี่ปุ่น คุณป้าแกบอกว่า ใช่ และไม่เพียงเท่านั้น ชวยคุยด้วยว่า เห็นงานแต่งไหม คนที่เห็นการแต่งที่หาดูได้ยากนี้จะโชคดีนะ
คุณป้าสอนวิธีการไหว้พระของญี่ปุ่นให้อีกด้วย ว่า ต้องไหว้ 1 ครั้ง ตบ 3 ครั้ง และไหว้อีก 1 ครั้ง ถึงค่อยไปสั่นกกระดิ่ง และให้รมควันเข้าไปในหัว 3 รอบ เป็นอันเสร็จพิธี คุณป้าใจดีมาก ชวนคุยสนุก ก่อนจะกล่าวคำอำลากันไป
และหลังจากนั้น เราก็มาเสี่ยงเซียมซี แปลกๆ โดยการบอกกับศาลเจ้า (Ujigami Shrine) และหยิบกระต่ายขึ้นมา เปิดคำทำนาย แต่อ่านไม่ออก คนในนั้นแปลให้ฟังว่า ดี เราก็เอากลับ และตอนหลังจากไทย ไปเปิดพจนานุกรมแปลอีกที ก็รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ว่า ตรงหลายเรื่องมาก
พวกเราเดินทางไปดูคล้ายๆเก๋งจีน ที่เป็นการสร้างด้วยหิน (Stone Pagoda) ที่มีเพียงแค่ 2 ที่ในโลก คือ ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่นี้เก่าแก่สุดและสวยงามสุดอีกแห่งหนึ่งในโลก
ถัดไปจากนี้ เราเดินทางไปดูพิพิธภัณฑ์เก็นจิ (The Tale of Genji Museum) ที่เป็นตำนาน ที่เดี่ยวเราจะคัดลอกตำนานจากวิกิพิเดียมาให้เพื่อนๆทุกคนอ่านก่อน เมื่อไปเที่ยวกันที่พิพิธภัณฑ์จะได้สนุกขึ้นค่ะ
ตำนานเก็นจิ
เขียนโดย มุราซากิ
(สิ่งสำคัญคือเป็นผู้หญิง ที่คนสมัยนั้นยกย่อง โดยที่ความเป็นจริงคือ คนสมัยนั้น ไม่ยกย่องผู้หญิง
หรือให้ผู้หญิงเขียนหนังสือได้)
ในรัชสมัยของจักรพรรดิพระองค์หนึ่งได้รับการเรียกขานกันว่า จักรพรรดิคิริสึโบะ พระองค์ทรงสนิทเสน่หานางสนมผู้ต่ำศักดิ์ผู้ถูกเรียกขานว่า คิริสึโบะโนะโคอิ (Kiritsubo no Koi) ซึ่งสร้างความอิจฉาริษยาให้กับพระชายาสนมกำนัลในทั้งหลาย โดยเฉพาะ พระชายาตำหนักโคคิ (Kokiden) ผู้เป็นบุตรีของ ท่านอุไดจิน (เสนาบดีฝ่ายขวา) ผู้ทรงอำนาจยิ่งในราชสำนักและพระชายาตำหนักโคคินั้นยังให้กำเนิดพระโอรสองค์โตซึ่งดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารด้วย
เพราะความอิจฉาริษยาทำให้ทั้งพระชายาและสนมกำนัลในพากันกลั่นแกล้ง นางสนมคิริสึโบะ อย่างโหดร้ายอีกเหล่าเสนาอำมาตย์ยังกริ่งเกรงว่าจักรพรรดิของพวกเขาจะหลุ่มหลงสตรีจนชาติล่มจมเช่นจักรพรรดิจีนลุ่มหลงพระสนมหยางกุ้ยเฟย
ต่อมานางสนมคิริสึโบะผู้บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจตั้งครรภ์และคลอดพระโอรสน้อยที่มีรูปโฉมงดงามอย่างที่มิเคยมีมาก่อนยิ่งทำให้ จักรพรรดิคิริสึโบะ ยิ่งรักใคร่นางมากเท่าทบทวีคูณความอาฆาตมาดร้ายต่างๆยิ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว นางสนมคิริสึโบะ ถูกกลั่นแกล้งจนล้มป่วยอาการทรุดหนักและเสียชีวิต ยังซึ่งความโทมนัสแก่ จักรพรรดิคิริสึโบะ เหลือประมาณ จึงทุ่มเทความรักทั้งมวลให้แก่พระโอรสองค์น้อยจนหมดสิ้น
เมื่อพระโอรสน้อยเจริญวัยโหรชาวเกาหลีทำนายดวงชะตาของพระโอรสว่าหากเป็นเชื้อพระวงศ์จะยังความล่มจมมาสู่ประเทศแต่หากเป็นขุนนางค้ำจุนราชบัลลังก์จะยังความสุขสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้น จักรพรรดิคิริสึโบะจึงจำต้องถอดพระโอรสน้อยออกจากการเป็นเชื้อพระวงศ์ลดชั้นเป็นสามัญชนพระราชทานนามสกุล มินะโมโตะ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า เก็นจิ ด้วยเป็นเด็กชายที่งดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจึงได้รับการขนานนามว่า ฮิคารุ เก็นจิ หรือ เก็นจิผู้เจิดจรัสนั่นเอง
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ ได้รับพระชายาองค์ใหม่ผู้มีหน้าตาคล้าย คิริสึโบะโนะโคอิ อย่างมากนางได้รับการขนานนามว่า พระชายาฟุจิทสึโบะ (Fujitsubo) ตามชื่อตำหนักที่นางพำนักอยู่ในวัง แม้เก็นจิจะถูกลดชั้นเป็นสามัญชน แต่พระจักรพรรดิคิริสึโบะ ยังคงเอ็นดูและดูแลเขาอยู่ในวัง ด้วยได้รับการบอกเล่าว่า พระชายา ฟุจิทสึโบะ มีใบหน้าละม้ายมารดาของเขา เก็นจิจึงสนิทสนมกับนางมาก จนกลายเป็นความรัก
เมื่อเก็นจิเข้าพิธี เก็มปุกุ (บรรลุนิติภาวะ) เมื่ออายุ 12 ปี และแต่งงานกับ ท่านหญิงอาโออิ ธิดาของสะไดจิง (เสนาบดีฝ่ายซ้าย) ผู้มีอายุมากกว่าโดยการจัดการของพระจักรพรรดิเพียงหวังให้สะไดจินผู้เรืองอำนาจสนับสนุนค้ำชูให้เก็นจิและคานอำนาจกับ อุไดจิง การแต่งงานครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของเก็นจิและภรรยาไม่ใคร่ราบรื่นเขาจึงมักจะหาข้ออ้างไม่ไปหาภรรยาแต่จะใช่เวลาส่วนมากอยู่ในวัง เกนจิมีสหายสนิทคนหนึ่งซึ่งได้รับการเรียกขานว่า โทโนะจูโจ เขาเป็นพี่ชายของท่านหญิงอาโออิและเป็นบุตรชายคนโตของสะไดจิง
เก็นจิมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาหนึ่งในนั้นคือ อดีตพระชายาโรคุโจ ผู้เป็นพระชายาขององค์มกุฎราชกุมารที่ล่วงลับไปแล้วนางเป็นหม้ายมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ อากิโคโนมุ ด้วยความที่นางอายุมากกว่าและถือตัวเก็นจิจึงรู้สึกอัดอัดกับความสัมพันธ์
เย็นวันหนึ่งขณะที่เก็นจิกำลังเดินทางไปเยี่ยมแม่นมของเขาซึ่งเป็นมารดาของ โคเรมิตสึ คนสนิทของเขา เขาบังเอิญมีโอกาสแลกเปลี่ยนสาส์นและต่อมามีความสัมพันธ์กับสตรีที่เขาเรียกว่า ยูงะโอะ (Yugao) อยู่มาคืนหนึ่งเขาพายูงะโอะไปพักค้างคืนที่คฤหาสน์รกร้าง ยูงะโอถูกวิญญาณคนเป็นที่เกิดจากความอาฆาตแค้นของอดีตพระชายาโรคุโจฆ่าตาย เก็นจิล้มป่วยเดินทางไปรักษาตัวกับพระธุดงค์ที่ คิตะยะมะ ระหว่างรักษาตัวจนหายเขาพบกับเด็กหญิงน้อย ๆ ผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับพระชายาฟุจิทสึโบะเป็นอันมาก เนื่องจากนางเป็นบุตรีของ เฮียวบุเคียวโนะมิยะ พี่ชายของพระชายา ฟุจิทสึโบะ ดังนั้นนางจึงมีศักดิ์เป็นหลานสาวของพระชายาฟุจิทสึโบะ เก็นจิตั้งชื่อเด็กหญิงน้อยคนนั้นว่า มุราซากิ นางอาศัยอยู่กับยายซึ่งบวชเป็นชีอยู่ที่คิตะยะมะ มารดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากไม่ใช่ภรรยาเอกบิดาของนางจึงไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก
ระหว่างห้วงเวลานั้น พระชายาฟุจิทสึโบะ ล้มป่วยเล็กน้อย จึงลาราชการมาพักผ่อนที่บ้านเดิมของนางชั่วระยะเวลาหนึ่ง เก็นจิรู้ข่าว จึงลักลอบไปหานางและมีความสัมพันธ์กันเป็นคืนแรกและคืนเดียว พระชายาฟุจิทสึโบะตั้งครรภ์คลอดบุตรชายของเก็นจิ โดยพรางว่าเป็นพระโอรสของจักรพรรดิคิริสึโบะ เด็กชายที่เกิดจากความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ ต่อมาได้ขึ้นเป็น จักรพรรดิเรเซ
ต่อมายายของมุราซากิตาย เก็นจิจึงรับตัวนางไปอุปการะที่ คฤหาสน์นิโจ เขาเลี้ยงดูอบรมนางให้เติบโตขึ้นเป็นสาวงามตามอุดมคติของเขาเอง
ในที่สุดท่านหญิงอาโออิก็ตั้งครรภ์ลูกของเก็นจิในงานเทศกาลคาโมะ นางมาชมเทศกาลที่มีเก็นจิอยู่ในขบวนแห่ด้วย แต่บังเอิญบ่าวของนางลบหลู่หมิ่นเกียรติ และทะเลาะแบะแว้งกับบ่าวของอดีตพระชายาโรคุโจ เรื่องที่จอดรถเทียมวัวเพื่อชมเทศกาล อดีตพระชายาโรคุโจเสียหน้าและเจ็บแค้นเป็นอันมาก จนกลายเป็นวิญญาณคนเป็นสิงสู่หลอกหลอน จนอาโออิตายหลังคลอดบุตรชายนาม ยูงิริ ได้ไม่นาน ในเวลาต่อมาเก็นจิสมรสกับมุราซากิผู้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวผู้งดงามเฉลียวฉลาดมีรสนิยม
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ สวรรคต พี่ชายต่างมารดาของเก็นจิ บุตรชายของพระชายาโคคิเด็งขึ้นเป็นพระ จักรพรรดิซุซะกุ อำนาจทางการเมืองของเก็นจิเสื่อมถอยลง และด้วยความเจ้าชู้เก็นจิลอบมีความสัมพันธ์กับ โอะโบะโระสึกิโยะ น้องสาวของพระชายาโคคิเด็ง ผู้เข้าถวายตัวเป็นไนชิโนะคามิผู้ที่จักรพรรดิซุซะกุสนิทเสหา เมื่อความแตกเก็นจิเนรเทศตัวเองไปยัง สุมะ เมืองชายทะเลอันรกร้าง โดยให้มุราซากิช่วยดูแลคฤหาสน์และทรัพย์สมบัติทั้งหลายให้
เก็นจิเดินทางไปอะคะชิตามคำเชิญของนักบวชแห่งอะคะชิ และมีความสัมพันธ์กับบุตรีของนักบวชแห่งอะคะชิจนนางตั้งครรภ์
จักรพรรดิซุซะกุอภัยโทษและเรียกตัวเกนจิกลับเมืองหลวง เนื่องจากเกิดภัยพิบัติขึ้นพระองค์และพระราชมารดาประชวรโดยไร้ทางรักษา ท่านอุไดจิง บิดาของพระราชมารดาก็เกิดเสียชีวิต เก็นจิขึ้นมาเรืองอำนาจอีกครั้ง จักรพรรดิซุซะกุสละราชสมบัติ บุตรชายของเก็นจิที่เกิดกับฟุจิทโบะอย่างลับ ๆ ขึ้นเป็นจักรพรรดิเรเซ เก็นจิสร้างคฤหาสน์ที่โรคุโจเพื่อพาภรรยาทั้งหลายมอยู่ด้วยกัน และยังรับอุปการะสตรีไร้ที่พึ่งพิงทั้งหลายที่เขาเคยรู้จักอีกด้วย
เมื่อเก็นจิอายุได้ 40 ปีได้อภิเษกกับพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ พระธิดาองค์ที่ 3 ของ จักรพรรดิซุซะกุซึ่งออกผนวช และฝากฝังพระธิดาให้เก็นจิ นางมีอายุเพียง 13 -14 ปีด้วยความกระทบกระเทือนจิตใจจากความเจ้าชู้ของเก็นจิ มุราซากิก็ล้มป่วยมาเรื่อย ๆ ขณะที่เก็นจิย้ายมุราซากิไปพักฟื้นที่คฤหาสน์นิโจ คะชิวะงิเพื่อนของยูงิริบุตรชายของเก็นจิ พบเห็นพระธิดาอนนะซังโนะมิยะโดยบังเอิญจนหลงรักนางมาก ฉวยโอกาสในคืนวันหนึ่งที่เก็นจิไม่อยู่ ลอบเข้าหานางและมีความสัมพันธ์กับนางจนนางตั้งครรภ์ เก็นจิล่วงรู้ความสัมพันธ์นี้เขากดดันจนคะชิวะงิล้มป่วยด้วยความรู้สึกผิด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ เมื่อคลอดบุตรชายของคะชิวะงินาม คาโอรุ ออกมานางก็ออกบวชเป็นชี
มุราซากิล้มป่วยหนักขออนุญาตเก็นจิออกบวชเป็นชี แต่ด้วยความรักใคร่ผูกพันในตัวนางอย่างมาก เก็นจิจึงไม่อนุญาตและมุราซากิก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทำให้เก็นจิเสียใจมากเขาสะสางเรื่องราวทุกอย่าง และออกบวชเพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
ภาพจากตำนานมาจากภาพในพิพิธภัณฑ์ที่ถ่ายบางภาพและภาพจากการค้นหา
หลังรู้ตำนานแล้ว น่าจะทำให้ทุกคนเที่ยวสนุกขึ้น คราวนี้ เราก็จะเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์กัน ซึ่งเขาจะให้ถ่ายแค่บางที ในพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งนี้กลับเก็บเรื่องราวที่ทรงคุณค่าของวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลกเอาไว้อย่างดี โดยมีภาพวาดของมุราซากิ ลายมือเขียนของมุราซากิ และหุ่นจำลองของคนสมัยก่อน มำให้เรารู้ถึงเรื่องและศึกษาเรื่องราวของคนสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ว่า เขามีความคิดหรือมีการใช้ชีวิตอย่างไร
ถัดจากนี้ เราอยากให้ทุกคนจินตนาการว่า หยิบเหรียญ 10 เยน มา เราจะเห็นวัดหนึ่งในเหรียญนี้ นั้นคือ สถานที่เที่ยวต่อมา คือ วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) วัดนี้ค่าเข้าค่อนข้างแพง แต่ขอบอกว่า คุ้มค่า คุ้มราคามาก เมื่อเราได้เข้ามาชมถึงที่
เรากลับพบโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งสวยงามตระการตาและประทับใจมากกับ การเที่ยวชมวัดในอากาศเย็น ขณะที่ดอกไม้เปลี่ยนสี อวดโฉมกันอย่างสวยงาม ไม่เพียงเท่านั้น ข้างในที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปยังสวยไปด้วยศิลปะของภาพถ่าย ศิลปะของศาสนาอย่างสวยงาม และเราสามารถขึ้นข้างบน และมองวิวลงมาสร้างความสวยงามให้กับสายตาเป็นอย่างมาก
อยากบอกว่า ภาพจริง สวยกว่า ภาพถ่ายมาก เพราะมันทำให้เราสุดประทับใจไม่รู้เดิม และหลังจากเราออกมา ก็เลยมาจัดอาหารประจำถิ่นเขาซักนิด รสชาติอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
และในระหว่างทางที่จะเดินไปสถานีรถไฟอุจิ โดยที่เราเดินเล่นรอบๆ และเราได้เจอผู้หญิงชราคนหนึ่ง เดินมาส่งเราถึงสถานี พร้อมชวนคุยตลอดทาง และยิ้มให้จนลับสายตา เรารู้สึกประทับใจคนที่นี้มาก เป็นมิตรและน่ารักสุดๆ
จบการท่องเที่ยวที่อุจิและเดี่ยวไปต่อเรียวกังของอุจิในทริปหน้า
(ครั้งถัดไป)
“ท้องฟ้าสวยสง่ายามไม้ผลิ
ไม้เปลี่ยนสีสันแข่งกันอวดโฉม
ไม้ทำให้ใจฉันเบิกบานจน
ฉันสุขสมปรีดีความสวยเอย
เปรียบดั่งคนหลงรักในชายนี้
คงได้มีความสุขช่วงรักแรก
เมื่อผ่านไปนานวันเริ่มแรกแย้ม
รู้ใจแจ่มชื่นว่ารักคืออะไร”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in