สวัสดีค่ะ
ในช่วงนี้หลายๆ คนจะเห็นว่ากล้องฟิล์มเริ่มกลับมาเป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพที่แสนจะฮ็อตฮิตขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะเพราะดาราเซเลปเริ่มโชว์ความสามารถในการถ่ายภาพ จนทั้งแฟนคลับและผู้ที่พบเห็นผ่านๆ สนใจในสีสัน เรื่องราวของภาพ และได้คำตอบว่า มันมาจากฝีมือการถ่ายกล้องฟิล์มไม่มากก็น้อย
ผู้เขียนขออนุญาติใช้คำว่าเรา และ ขอท้าวความไปเมื่อสมัยช่วงที่อยู่มัธยมปีที่ 1 จะว่าไปมันก็นานมากแล้วนะเนี่ยที่ครั้งหนึ่ง ก่อนที่เทคโนโลยี จะมีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่า ตอน ม.1 เราเคยจับกล้องฟิล์ม รู้สึกว่าเหมือนจะดูแก่ใช่มั้ย ก็ใช่แหละ...ไม่เถียง... บอกก่อนว่า ตอนนั้น ทุกคนรู้จักกล้องดิจิตอลกันแล้วแหละ แต่ด้วยความที่มันใหม่มาก และมีราคาที่แพงมาก แน่นอนว่าผู้ปกครองไม่ซื้อให้แน่นอน และตัวพวกท่านก็ไม่ได้เห็นความจำเป็น เพราะฟิล์ม 'ยังถ่ายได้' มันเป็นกล้องฟิล์มcompact ไม่ใช่กล้องฟิล์มrange finder อืม... สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ ขออธิบายง่ายๆว่า คอมแพคเนี่ย ก็คือ ใส่ฟิล์ม เล็ง ยกขึ้นถ่าย ได้เลย เป็นฟิล์มแบบอัตโตมัติ ถ่ายเสร็จ ก็กรอฟิล์มกลับเข้ากลักฟิล์มให้เอง ส่วน range finder วิธีใช้ก็จะอัตโนมัติ และอัตโนมือ บางอันก็เล็งโฟกัสความชัดให้อัตโนมัติ บางอันเราจำเป็นต้องปรับแสงด้วยตัวเองกะระยะด้วยตัวเอง กลับมาที่เจ้าฟิล์มที่เรามี ต้องขอโทษไว้ตรงนี้ ที่เราจำไม่ได้ด้วยน่ะสิ ว่าใช้รุ่นอะไร แต่ขอเล่าเหตุการณ์ที่ใช้กล้องฟิล์ม ในตอนนั้นให้ฟัง
วันกีฬาสี ใช่ เราตัดสินใจพกเจ้ากล้องฟิล์มไปถ่ายที่งานกีฬาสีของโรงเรียน ซึ่งคุณพ่อเป็นคนซื้อฟิล์มให้อีกที ตอนนั้นไม่รู้เรื่องหรอก ค่า iso อะไรนั่นน่ะ พอมาที่โรงเรียน เราก็ไม่ได้เที่ยวยกไปถ่ายตลอดเวลา ด้วยเพราะ ฟิล์ม 'มีจำนวนจำกัด' เราถ่ายมันตามอารมณ์ตอนนั้นที่อยากจะถ่าย ถ่ายรูปรุ่นที่แอบปลื้ม หรือใครที่เพื่อนๆ ชอบในระยะเกือบ 3 เมตร พอรูปออกมา แทบจะมองไม่เห็นพี่เขาด้วยซ้ำ เพราะฟิล์ม มันซูมไม่ได้ เพราะเราเป็น 1 ในไม่กี่คนในหมู่เพื่อนๆ ที่พกกล้องไป เราเลยอยากมีรูปในกล้องฟิล์มนี้บ้าง เราส่งให้เพื่อน กดถ่ายให้ และขอบคุณมาก มันถ่ายมาให้สองรูป รูปนึง เห็นเราครึ่งตัว อีกรูป เพื่อนที่ถ่ายด้วยหาย ตอนเราเห็นรูปเราทั้งเสียดายแต่ก็รู้สึกขำ กับภาพที่ออกมา จะว่ามันเป็นเสน่ห์ของฟิล์มก็ตรงที่ ตอนถ่ายไป ไม่รู้หรอก ว่าที่ถ่ายมันออกมาดีหรือเปล่า ขณะที่เรากำลังเต้นแร้งเต้นกาอยู่บนสแตน รุ่นพี่ที่คุมอยู่ก็เดินออกไป พร้อมกับยกกล้องดิจิตอลขึ้นมาถ่าย ความรู้สึกตอนนั้น น่าอิจฉาชะมัด เขาซูมได้ด้วย นึกแล้วก็ขำ ที่แอบบ่นกับกล้องฟิล์มตัวนั้นว่า ทำไมนายไม่มีจอให้ดูว่ารูปเป็นแบบไหน ทำไมนายไม่ซูมให้เรา ตอนนั้น ความรู้สึกว่าชอบฟิล์มมันไม่ค่อยมีหรอก ก็เจ้ากล้องดิจิตอลที่รุ่นพี่ถือมันน่าสนใจกว่า แต่สุดท้าย เราก็ใช้มันถ่ายไปหลายงานนะ หมดฟิล์มไปหลายม้วน แม้รูปที่ออกมาจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ แต่ไม่นาน เราก็วางมันลง และไม่ได้แตะมันอีกเลย เพราะตอนนั้นเหมือนมันจะพัง ใส่ฟิล์มแล้ว มันไม่กรอฟิล์ม ถ้าเป็นตอนนี้เราอาจจะเช็คถ่านนะ แต่ตอนนั้นเราคิดว่ามันพัง และฟิล์มม้วนนั้นก็พัง เพราะเราเปิดฝาหลังมันเรียบร้อย
หลังจากช่วง ม.ต้น เราก็ไม่ได้สัมผัสกับคำว่าฟิล์มอีกเลย ม.ปลาย เราได้ กล้องดิจิตอลมา 1 ตัว มหาลัยฯ ก็ได้ DSLR มาอีกตัว เราพอใจกับกล้องที่ใช้อยู่ แต่แล้ว เราก็หันกลับมามองกล้องฟิล์มอีกครั้ง อาจจะเหมือนหลายๆ คนที่มาเพราะกระแส หรือหลายคน ที่เล่นก่อนกระแส เรายอมรับว่า เรากลับมามองมันเพราะกระแสจริงๆ แต่กลายเป็นว่า ความรู้สึกตอนที่ใส่ฟิล์มแล้วกดถ่าย มันย้อนกลับมา ตอนที่เรากลับมาใช้ฟิล์ม ม้วนแรกหลังจากผ่านไปเกือบ 10 กว่าปี ด้วย 'กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้ง' ม้วนแรก ก็งูๆ ปลาๆ ถ่ายได้บ้างไม่ได้บ้าง เราเลยมองหาฟิล์ม ดีดี สักตัวสำหรับตัวเอง ตอนแรกเราดูรีวิวแนะนำต่างๆ และอยากได้เต็มไปหมด แต่ก็ไปเจอกับกล้องตัวที่เล็กมากๆ ดูกระทัดรัด น้ำหนักเบา และรูปร่างสวยงาม ถูกใจมาก หลังจากนั้น ก็ค้นพบว่าในตอนแรกกล้องรุ่นนี้ มันก็ไม่ได้แพงมาก โอเค... มันแพงในระดับนึงอยู่แล้ว แต่เพราะเราดันมาชอบมันตอนที่มันก็กำลังดังพอดีไปอีก ตอนที่เจอรุ่นนี้ไม่ค่อยเห็นคนรีวิวเท่าไหร่ เลยตัดสินใจที่จะครอบครอง แต่เซเลปกล้องฟิล์มหลายๆคน ดันรีวิวเจ้ากล้องตัวนี้ ราคาก็เลยพุ่งไปซะมือสั่น แต่สุดท้าย เราก็ได้มันมาครองด้วยความช่วยเหลือจากน้องที่รู้จักกัน ในราคาดี แม้จะแพง แต่ก็ถือว่าถูกแล้วในตอนนี้ และม้วนแรกที่ถ่าย 'ฟิล์มหมดอายุ' ที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกที เพราะความทรงจำที่ใช้ฟิล์มแบบคอมแพค มันคนละฟิลลิ่งกับการที่ใช้range finder แบบกะระยะ 'สนุก' นี่คือสิ่งที่คิด ตอนกดม้วนแรกไป ลืมไปด้วยซ้ำว่าฟิล์มมันจำกัด ใช่... สองม้วน ด้วยความรวดเร็ว
ในสมัย ม.ต้น ถ้าเรานำฟิล์มไปล้าง ในราคาร้อยกว่าบาท เราจะได้เป็นการล้างรูปออกมาเป็นแผ่นกระดาษ ไม่ใช่ได้ไฟล์รูปดิจิตอล ถ้าอยากให้มันอยู่ในแผ่นซีดี จะต้องจ่ายเพิ่มอีก กลับกัน ตอนนี้ เราล้างฟิล์มในราคาร้อยกว่าบาท จะได้มาแค่ไฟล์ดิจิตอล ไม่ได้รูปภาพเป็นแผ่นกระดาษ เราจะต้องนำรูปไป
ปริ้นท์เองอีกที ความสนุกเหมือนยังไม่สุด เพราะกล้องฟิล์ม มีมากหน้าหลายตา ความรู้สึกอยากได้กล้องฟิล์มเพิ่ม มันกำลังเรียกร้องว่า ตัวนั้นก็สวย ตัวนี้ก็น่าสนใจ น่ากลัวจริงๆ พลังความหลงใหลนี้ บอกกับตัวเองว่า ตัวเดียวก็ยังไม่ค่อยได้ออกไปถ่ายรูปเลย จะเอาอีกตัวทำไม แต่ก็กดเปิดร้านในไอจีหรือเฟสบุ๊ค เพื่อหาตัวที่ 'ถูกใจ' ต่อไป ในตอนนี้ ยังมีแค่ 1 ถ้ากลับมาอ่านอีกรอบ อาจจะมี 2 ก็ได้ มักน้อยจริงๆ
อืม ตัวเรากะไว้ว่า จะเขียนสั้นๆ แต่ที่ดูแล้ว ก็ไม่สั้นเท่าไหร่ และก็หวังว่าคงจะไม่ยาวเกิน ถามว่า คุณผู้อ่านได้อะไรจากบทความนี้ ก็คงเป็น เจ้าคนเขียน อยากได้กล้องฟิล์มเพิ่มอีกสักตัวเลย หาที่ระบายว่า 'ชั้นอยากได้กล้องฟิล์มจังเลย' สินะ เอาล่ะ ถึงเวลาที่เราควรจะหยุดเขียน และเปิดดูร้านกล้องฟิล์มกันต่อ(?) รูปปก ก็มาจากฟิล์มม้วนแรกของกล้องฟิล์มตัวแรกของตัวเอง สำหรับใครที่กำลังอยู่ในโลกของกล้องฟิล์ม เราก็กำลังอยู่โลกเดียวกันนะคะ
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in