หลังจากที่เห็นปกกราฟิกโนเวลน่ารัก ๆ ผ่านตาบ่อยครั้ง และรู้ว่าเรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นซีรีส์ใน Netflix เราถึงได้ตัดสินใจลองอ่านเรื่องนี้แบบจริง ๆ จัง ๆ สักที และถึงแม้ว่าจะอ่านจบไปนานหลายอาทิตย์แล้ว แต่เรื่องราวในเล่มนี้ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ (หรือเรียกอีกอย่างก็คือไม่มูฟออน ;_;) รวมถึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราอยากเขียนรีวิวเก็บไว้
ข้อมูลเบื้องต้น
ชื่อเรื่อง: Heartstopper: Volume One
ผู้แต่ง: Alice Oseman
หมวดหมู่: การ์ตูนคอมมิค, กราฟิกโนเวล, Young Adult, LGBT, Queer, Gay, ชีวิตมัธยมปลาย
หมายเหตุ: เราอ่านเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษใน Webtoons, หนังสือ Volume 1 ตรงกับเนื้อหาบทที่ 1 และ 2 ใน Webtoons
** สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองอ่านแบบออนไลน์ แนะนำให้อ่านในเว็บ tapas นะคะ เพราะเป็นช่องทางที่อ่านฟรี ถูกลิขสิทธิ์ และเป็นช่องทางที่ผู้แต่งจะนำรายได้ส่วนหนึ่งบริจาคให้กับหน่วยงานที่ช่วยเหลือประเด็นสังคมต่าง ๆ ที่ผ่านมามีการบริจาคเพื่อช่วยเหลือสถานการณ์วิกฤตในยูเครน รวมถึงนำไปสนับสนุน Trans Community ในอังกฤษ หลังจากนี้เราก็จะอ่านใน tapas อย่างเดียวแล้วค่ะ **
https://tapas.io/series/Heartstopper
เรื่องย่อ
Charlie และ Nick พบกันครั้งแรกในคาบเรียนหนึ่ง การได้นั่งเรียนข้างกันทำให้พวกเขามีโอกาสพูดคุย ทำความรู้จักกัน และกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว ความสนิทสนมนี้เองที่ทำให้ Charlie เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อ Nick แต่เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเหมือนกันหรือไม่ เพราะทั้งโรงเรียนต่างรู้กันว่า Charlie เป็นเกย์ ในขณะที่ภาพลักษณ์ของ Nick เป็นนักกีฬารักบี้ของโรงเรียน และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสเตรทด้วย
คำเตือนเนื้อหาในนิยาย
มีเนื้อหาที่แสดงถึงการคุกคามทางเพศ (sexual assault) การบีบบังคับและมีพฤติกรรมล่วงเกินร่างกายผู้อื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม, มีตัวละครที่แสดงออกว่ารังเกียจบุคคลที่รักเพศเดียวกัน (homophobia), การกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน (bullying)
สิ่งที่ชอบในเล่มนี้
ในส่วนนี้จะพูดถึงสิ่งที่ประทับใจ พร้อมกับเล่าคร่าว ๆ ว่าผู้อ่านจะได้เจออะไรในเรื่องบ้าง อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน แต่ผู้อ่านยังสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ว่าควรอ่านดีมั้ย
? เนื้อเรื่องเรียบง่ายแต่อิ่มเอมใจ เป็นการเล่าเรื่องของวัยรุ่นอายุ 15-16 ปีที่แต่ละวันก็ไปเรียน ซ้อมดนตรี ซ้อมกีฬา คุยแชทกับเพื่อน ไปเที่ยวบ้านเพื่อน เสริมด้วยเรื่องราวกุ๊กกิ๊กเวลามีโมเมนต์กับคนที่แอบชอบ อ่านแล้วยิ้มตามได้ไม่ยากเลย
? ภาษาอ่านง่าย เพราะส่วนใหญ่ดำเนินเรื่องด้วยประโยคสนทนาของตัวละคร เหมาะสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษและคนที่กำลังมองหาเรื่องราวที่มีเนื้อหาย่อยง่าย อ่านได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ
? ตัวละครหลักน่ารักและเคมีเข้ากันมาก พอมีเรื่องที่ทำให้สนิทกัน ทั้ง Nick และ Charlie ก็คุยกันถูกคอเลย และต่างคนต่างเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ คอยถามว่าโอเคมั้ย มีเรื่องอะไรอยากเล่าให้ฟังมั้ย ซึ่งคนแต่งก็โน้มน้าวให้เราเห็นจริง ๆ ว่าสองคนนี้โชคดีมากที่ได้มาเจอกัน ทำให้ผู้อ่านคอยเอาใจช่วย อยากให้ทั้งคู่ใจตรงกันสักที
? สอดแทรกเรื่องการค้นหาอัตลักษณ์ทางเพศ มีฉากที่ตัวละครหลักรู้สึกสับสนและเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับตนเอง ลองเสิร์ชกูเกิ้ลว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า เป็นฉากเล็ก ๆ แต่มันพิเศษตรงที่เราไม่ค่อยเห็นฉากเหล่านี้ในสื่อเท่าไร ทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาที่คน ๆ หนึ่งอึดอัดว้าวุ่นใจ สงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นคืออะไร และต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน
? ผู้แต่งพยายามลบภาพเหมารวมของเกย์ บางคนยังคิดว่าคนที่เป็นเกย์จะต้องเล่นกีฬาไม่เก่ง ทั้งที่การเป็นเกย์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเล่นกีฬาเลย และเราก็ไม่ควรตัดสินรสนิยมทางเพศของคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกและการแต่งกายของเขาด้วย
? พูดถึงการยืนหยัดเพื่อตัวเองและเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ toxic โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา คนที่อยู่ด้วยแล้วมีแต่จะทำให้เราสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง
ความรู้สึกหลังอ่าน
** ส่วนนี้เป็นส่วนสุดท้ายของการรีวิวแล้ว หลังจากนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่ชอบในเรื่องแบบสปอยล์เต็มที่และหวีดยาวเป็นมหากาพย์ รวมถึงจะมีการแปะภาพบางส่วนในเรื่องด้วย ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านสามารถข้ามส่วนนี้ได้เลยนะคะ **
ประเด็นแรก คนชอบพล็อต strangers to friends to lovers อย่างเราถูกใจสิ่งนี้มากกก ยังนึกขอบคุณปากกาแท่งนั้นอยู่ทุกวันที่ทำให้ทั้งสองได้คุยกัน หลังจากที่รู้ปมปัญหาเรื่อง Ben รวมถึงเรื่องที่ Charlie เคยโดนรุ่นพี่แกล้งเมื่อเทอมก่อน เราดีใจจริง ๆ ที่ตอนนี้น้องมี Nick อยู่เคียงข้างและกลับมาเป็นเด็กร่าเริงได้อีกครั้ง หุบยิ้มไม่ได้เลยเวลาเห็นคู่เพื่อนชุบแป้งทอดอยู่ด้วยกัน ค่อย ๆ เรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน เป็นความน่ารักที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย สุดยอด
ประเด็นที่สอง การดำเนินเรื่องเร็วก็จริง โดยเฉพาะพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในช่วงท้ายบทที่ 2 (ซึ่งตัดจบได้ค้างคามากกกก หน่วงหัวใจอย่างที่สุด) แต่เรื่องราวก่อนหน้านั้นก็อบอุ่นมาก เราได้เห็นคู่นี้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่สนิทกัน ทักทายกันบ้างในห้องเรียน ชวนเข้าชมรมรักบี้ เรื่อยมาจนถึงตอนที่คุยกันกะหนุงกะหนิง สามารถเล่นหัวบีบแก้มกันได้แล้ว ระหว่าง Nick และ Charlie มันเป็นความสัมพันธ์ที่เติมเต็มกันและกันจนเรารู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทหรือคนรัก ทั้งคู่ก็จะยังคงสนับสนุนกัน ให้กำลังใจกันเสมอ (เพราะฉะนั้นเคลียร์กันดี ๆ นะ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานปาร์ตี้วันเกิดน่ะ ;_;)
ประเด็นที่สาม คนชอบไดนามิกคู่ชิปแบบ sun & moon ก็ถูกใจสิ่งนี้อีกเช่นกัน ตอนแรกนึกว่าคาแรคเตอร์ของ Nick จะเป็น himbo คืออยู่แก๊งเด็กนักกีฬา ซื่อบื้อ หน้าตาดีไปวัน ๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วน้องเป็นเด็กสดใสและแสนดีกว่านั้นมากกก รู้สึกผิดเลยที่เคยคิดแบบนั้น ชอบที่ Nick เอาใจใส่ดูแลคนรอบข้างอ่ะ อย่างตอนที่เห็น Charlie สีหน้าไม่ค่อยดีก็คอยสังเกตการณ์ห่าง ๆ แล้วยังให้กำลังใจคนอื่นเก่งด้วย มีหลายครั้งเลยที่น้องพูดให้ Charlie มั่นใจในตัวเองมากขึ้น เชียร์อัพสุด ๆ อีกอย่างที่เอ็นดูคือ Nick ติดสกินชิพมากเวลาอยู่กับ Charlie มือไวตลอด เขินสุดก็ตอนที่ Charlie ไปตัดผมมาใหม่ น้องทักแล้วเอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มเพื่อนเบา ๆ เฮ้อ พ่อพระอาทิตย์ของพี่
ส่วน Charlie ก็เป็นตัวแทนของ moon ที่นุบนิบมาก รวมถึงเป็นตัวละครที่นิสัยใกล้เคียงกับเราตรงที่บางครั้งก็เป็นคนคิดมาก วิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเอง ฮือ แต่ในกรณีของ Charlie คือเห็นแล้วอยากดึงตัวมากอดทุกทีเลย ตัวเล็กแค่นี้ แต่แบกรับอะไรไว้คนเดียวเยอะจัง ;_; อยากพูดให้เขามั่นใจในตัวเองเยอะ ๆ อยากให้เขาพบเจอแต่คนดี ๆ ในชีวิต เพราะ Charlie เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายมาก อยู่ด้วยแล้วน่าจะสนุกอ่ะ แล้วเป็นคนเรียนเก่ง เล่นมาริโอ้คาร์ตเก่ง ตีกลองเป็น เล่นรักบี้ก็ได้อีก สุดยอดยอดเยี่ยมที่หนึ่ง!
ประเด็นที่สี่ Nellie น่ารักมาก! รักทุกฉากที่น้องโผล่มาเลย ตัวละครหลักของเรื่องนะ แย่งซีนทุกคน 5555 น้องเป็นเหมือนกาวใจที่ทำให้ Nick กับ Charlie มีเรื่องได้คุยกัน เจอกันบ่อยขึ้น ยากมากที่จะไม่โดนน้องตก
และประเด็นสุดท้าย เราอยากพูดถึงฉากที่ชอบ ถ้าให้เลือกมา 3 ฉากจากทั้งหมดใน Volume 1 ฉากแรกที่ชอบคือตอนที่พี่น้องบ้าน Spring กอดกัน
หน่วงมากตอนที่ Tori เดินเข้ามากอดปลอบน้อง ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่ก็รับรู้ได้ว่า Tori เป็นห่วงน้องมากจริง ๆ เพราะแต่ละคนมีวิธีการดูแลคนที่เรารักต่างกัน และสิ่งที่พี่สาวอย่าง Tori ทำก็คือการดูแลอยู่ห่าง ๆ ให้น้องได้มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่จะเป็นคนที่คอยถาม คอยสังเกตเสมอว่าน้องรู้สึกยังไง
ฉากที่สอง แน่นอนว่าต้องเป็นตอนที่คุณครู Singh สอนเด็ก ๆ ทีมรักบี้เกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศ
เป็นตัวละครที่โผล่มาไม่กี่ฉาก แต่ได้ใจเราไปเต็ม ๆ คำพูดของครูทำให้เรากลับมาทบทวนกับตัวเองว่า เรายังมีความเชื่อผิด ๆ อย่างที่ครูพูดเอาไว้รึเปล่า นอกจากนี้ เรื่องเพศยังมีความไหลลื่นมากกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีตัวเลือกเพียงแค่สเตรทกับเกย์
ส่วนฉากที่สามคือตอนที่ Nick นอนร้องไห้
คำว่าช่วยด้วยของน้องทำเราเศร้าตามไปด้วยเลย ใจพี่หล่นวูบ อยากดึงตัวมากอดแน่น ๆ มันคงเป็นความรู้สึกอึดอัดสำหรับ Nick มากจริง ๆ ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เราก็คงอยากปรึกษาใครสักคนเหมือนกัน แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าบอกออกไปแล้ว จะทำอย่างไรหากอีกฝ่ายรับไม่ได้ มองเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะถ้าคน ๆ นั้นคือบุคคลสำคัญในชีวิต
หากจะให้สรุปสิ่งที่ได้จาก Heartstopper Volume 1 คงบอกได้คำเดียวว่าดีใจมาก ๆ ที่ตัวเองตัดสินใจอ่านเรื่องนี้ นอกจากเนื้อเรื่องความรักที่ชวนให้ใจชื้นแล้ว เรายังได้ทำความเข้าใจกับความหลากหลายทางเพศมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าผู้แต่งใส่ใจและพยายามสร้างภาพตัวแทนของคนใน queer community ที่ถูกต้อง ทั้งยังเป็นตัวอย่างให้กับสื่อในปัจจุบันด้วยว่าเราสามารถพูดถึงประเด็นต่าง ๆ ในสังคมควบคู่ไปกับการขายโรแมนซ์ได้
เราตั้งใจจะเขียนรีวิวให้ครบทุกเล่มเลย (ปัจจุบันคุณอลิซกำลังเขียน Volume 5 อยู่) และจะพยายามเขียนออกมาให้ต่อเนื่องมากที่สุดค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวอันแสนยาวเหยียดนี้จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจอ่าน Heartstopper เหมือนกับเรา เพราะเราอยากหาคนหวีดเรื่องนี้ด้วยมาก ๆ 55555
สุดท้ายนี้ ขอฝากตัวอย่างซีรีส์ Heartstopper ด้วยนะคะ เพิ่งปล่อยมาเมื่อวันก่อนนี่เอง จะลองอ่านก่อนแล้วค่อยไปดูซีรีส์ หรือดูซีรีส์แล้วค่อยไปตามอ่านก็ได้ แต่มั่นใจว่าดูแล้วเขินม้วนต้วน ยิ้มจนปวดแก้มทั้งสองเวอร์ชันแน่นอน (ตั้งแผงขายทุกทางแล้วนะ!) ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ด้วยนะคะ ขอให้เป็นวันที่ดีของทุกคนค่ะ ?
- Minari
15.04.2022
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in