ผมเชื่อว่าคนมีลูกทุกคนอยากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด…
หน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ หน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ด้านอื่นๆในครอบครัว
ส่วนหนึ่งเราทำเพื่อชีวิตเขา
อีกส่วนหนึ่งเราทำเพื่อตัวเราเอง
ครับ...
---
เดี๋ยวจะพาน้องมาดูดกระตุ้นน้ำนมแม่ทุก 2 ชั่วโมงนะคะ ระหว่างนี้คุณแม่พักผ่อนไปก่อนละกันค่ะ วันแรกจะมีฤทธิ์ของยาบล็อกหลังเยอะอยู่ รบกวนปรับอุณหภูมิห้องให้ต่ำๆเข้าไว้ และระวังจะอาเจียนนะคะ
พยาบาลบอกเล่าอาการที่อาจจะเกิดขึ้น สลับกับหน้าที่ที่ผมต้องรู้ คืนแรกหลังจากการผ่าตัดคลอดนั้น คุณแม่มีหน้าที่พักผ่อนให้เต็มที่ และรอให้ลูกคนดีขึ้นมาดูดนมเฉยๆ ส่วนคุณพ่อมึงมีหน้าที่แค่เฝ้าไข้ไป อย่าพูดมากคนป่วยต้องการการพักผ่อน
ครับ...
---
"เป็นไงบ้าง ส่งรูปหลานมาให้ดูหน่อย"
แม่ของผมไลน์มาถามอาการของภรรยา และกล่าวกำชับว่าท่านอยากเห็นหน้าหลานเสียเต็มแก่แล้ว
“รอแป๊บ ยังไม่ได้ถ่ายเลย พอดีตอนดูหน้าในห้องเนอสเซอรี่ เค้าไม่ให้ถ่ายรูปอ่ะ” ผมตอบแม่ไปในตอนเช้าก่อนที่จะส่งรูปรัวๆไปให้ดูในตอนบ่ายให้รู้ว่าหลานหน้าตาเป็นอย่างไร?
เฮ้ยๆๆๆ น่ารักมากกกกก เดี๋ยวแม่ไปเยี่ยมพรุ่งนี้เลย!!
แม่โทรมาพูดคุยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลังจากเห็นลูกของผม
นั่นแหละฮะท่านผู้ชม…
ลูกเราหลานเรานี่แหละที่น่ารักที่สุดในโลก!!
ครับ...
---
“วันแรกๆน้ำนมคุณแม่ยังไม่เยอะมาก เราจะให้นมผสมไปก่อนนะคะ” พยาบาล คุณหมอ เนอสเซอรี่ ต่างพร้อมใจกันอธิบายเรื่องความจำเป็นทีต้องให้นมผสมทดแทนนมแม่
อ้าว… เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา เค้าบอกกันว่านมแม่สำคัญ สำคัญมาก และมากที่สุด อย่าให้นมผสมเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้ลูกคุณขาดภูมิต้านทาน
“แต่น้ำนมคุณแม่มาแล้วนะครับ” ผมกล่าวอย่างมั่นใจ วันก่อนยังเห็นมาตั้งแต่ยังไม่คลอด ตอนนี้คลอดแล้วมันต้องมาสิวะ ไม่นะ!!! เราจะไม่ยอมให้เด็ดขาด
“มาไม่พอหรอกค่ะ ดูสิ น้องยังกินไม่อิ่มเลย” พยาบาลสวนกลับเบาๆ เล่นเอาผมหน้าสับสน แล้วความรู้ที่กูค้นมาจากเน็ต หนังสือ สารานุกรม คำภีร์ ฯลฯ มันไม่ได้บอกแบบนี้นี่หว่า
คำพูดของเพื่อนสนิทลอยขึ้นมาอีกครั้ง “แดกๆไปเหอะมึง” ในขณะที่คำพูดของผู้มีประสบการณ์หลายท่านสวนกลับมาอีกทางหนึ่งว่า “คุณจะพลาดโอกาสครั้งยิ่งใหญ่”
“ถ้าผมไม่ยอมให้นมผสม แต่จะให้รอนมแม่ นี่ได้ไหมครับ” ผมเอ่ยปากถามตามสิ่งที่ผมคิดไว้ ลูกของเรา เราต้องมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีสุด
“อ้อ ให้ไปแล้วล่ะค่ะ คุณพ่อ น้องร้องหิวจะแย่เอานะ” พยาบาลตอบสั้นๆกลับมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่เจออยู่เสมอ
ครับ…
---
ช่วงใกล้คลอด ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการดูแลเด็กแรกเกิดหลายเล่ม ศึกษาแนวคิดและจิตวิทยาต่างๆ ในการดูแลทารก เพื่อที่จะทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกที่เกิดมา
ยิ่งอ่านเยอะ ยิ่งมีทฤษฏีมากเท่าไร ผมกลับรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกสักคนหนึ่งให้ดีนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ สิ่งทีต้องระวัง สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อให้คนๆหนึ่งมีชีวิตสมบูรณ์นั้นช่างมีมากมายเสียเหลือเกิน นี่ยังไม่นับความขัดแย้งของทฤษฏีต่างๆ ความเห็นของคนเก่าคนแก่ ความรู้แบบครูพักลักจำ ไปจนถึงความสำคัญของวิชาการอีกมากมาย
ชั่วขณะหนึ่ง...
ผมถามตัวเองว่า หรือรากำลังคิดผิดที่ให้เขาเกิดมาในตอนที่เรายังไม่พร้อม
แต่เอาเข้าจริง...
มันมีกี่อย่างที่เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้จริงๆสำหรับการมีชีวิต
ครับ...
---
ประมาณหกโมงเย็นของวันผ่าคลอดวันแรก…
เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับการพูดคุยเล็กน้อยระหว่างเรา
เธอไล่ให้ผมไปกินมื้อเย็น
เนื่องจากผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยหลังจากเที่ยงวัน
“อยู่คนเดียวได้นะ”
“ได้สิ นอนบนเตียงเฉยๆเอง”
“มีอะไรกดเรียกพยาบาลเลยนะ”
“อือ”
ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์จากตู้เซฟ (โรงพยาบาลที่นี้มีตู้เซฟให้ด้วยแฮะ) ล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
ผมได้ยินเสียงคล้ายๆ คนสำลักอะไรเบาๆ สองสามครั้ง
ผมรีบเดินกลับไปดูที่เตียง
เห็นเธออาเจียนออกมารดตัวเองเต็มไปหมด
ครับ…
---
“คนไข้อาเจียนนะคะ ถ้าไม่ไหวขอยาได้นะคะ”
“ครับ”
“วันนี้ปรับอุณหภูมิแอร์ให้ต่ำที่สุดเลยนะคะ”
“ครับ”
“ถ้ามีอะไรกดเรียกพยาบาลได้นะคะ”
“ครับ”
อาการคลื่นไส้และอาเจียน เป็นผลของยาบล็อคหลังที่ออกฤทธิ์ ผมนั่งมองสภาพของเธออยู่เงียบๆในห้อง ท่ามกลางอุณหภูมิต่ำสุดเท่าที่เครื่องปรับอากาศสร้างขึ้นมาได้
ผมนั่งอ่านทฤษฏีต่างๆ อีกครั้ง นั่งดูข้อมูลความรู้ในอินเตอร์เน็ต แล้วจดสิ่งที่ตัวเองต้องเรียนรู้ให้เป็นไวที่สุด การอุ้ม การดูแลทารก การจัดการอาการต่างๆ การสังเกตพฤติกรรม และเรื่องที่จำเป็นต้องรู้มากที่สุดในตอนนี้
บางทีแล้ว...
เราอาจจะทำได้ดีที่สุดเพียงแค่นี้จริงๆ
อยู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของคุณพยาบาลเนอสเซอรี่ ตอนที่เธอพาลูกมาขึ้นมาเรียกน้ำนมแม่ เธอบอกกับผมสั้นๆสองประโยคว่า…
“พ่อแม่ทุกคนย่อมมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่มีใครเป็นพ่อแม่มาตั้งแต่เกิดหรอก”
"พ่อแม่ของลูกทุกคน คือพ่อแม่ที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ"
ครับ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in