เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นพ่องงง ได้อะไรมากกว่าที่คิดพรี่หนอม
01 : มีน้อง?
  • ทำไมต้องคนเราเรียกการมีลูกว่า “น้อง” ? เป็นคำถามหนึ่งที่ผมสับสนในตัวเองเหมือนกัน นั่นสินะ ทำไมเราไม่เรียกลูกว่า “ลูก” แต่เรียกว่า “น้อง” แทนวะ 


    ลองค้นหาคำตอบในโลกออนไลน์ดู ชาวเน็ตเค้าบอกว่าน้องเป็นคำที่น่ารักกว่า คือ ลองคิดดูนะ ถ้าบอกว่ามีลูกมันดูจริงจัง แต่ถ้าบอกว่ามีน้องอยู่นั้นมันฟังน่าทนุถนอมยังไงก็ไม่รู้สินะ งือออ >//<


    เมื่อก่อนตอนที่ผมยังไม่รู้ว่า “น้อง” หมายถึง “ลูก” ผมแอบโง่คิดว่าคนเราสมัยนี้แม่งกวนตีนเหลือเกิน ถามกูหลังแต่งงานอยู่ได้ว่า เมื่อไรจะมีน้อง … แหม่ แม่กูก็แก่เสียขนาดนี้ มึงจะให้มีน้องอายุห่างกัน 30 ปีนี่มันใช่เหรอคะหัวหน้า?


    แต่ที่น่าตลกก็คือ… พอลูกคลอดออกมา หลายคนเริ่มเปลี่ยนคำเรียกลูกจากน้องในท้องมาเป็นพี่ เอ้า ตกลงนี่จะให้เรียกยังไงวะเนี่ย - -”


    ---


    หลังจากมีน้อง เอ้ย ลูกแล้ว สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการฝากครรภ์ แน่ละ พอรู้ตัวว่ามีลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายคงจะมีตามมาอีกเยอะว่า เราจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี การมีลูกมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ มันมีนู่นนั่นนี่ ภาระ และสิ่งที่จะตามมาอีกเพียบบบ

    ผมนั่งมองผลตรวจครรภ์ เอามือไปลูบท้องเธอแล้วถามสั้นๆ ว่า
    “ตัวเองคิดไว้หรือยังว่าจะให้ลูกเรียนที่ไหน”
    “ให้เกิดมาก่อนดีไหมอ่ะคะ” เธอตอบเบาๆ พลางส่ายหน้า เหมือนรู้สึกว่ากูเอาอนาคตไปฝากไว้กับคนบ้าแบบนี้ได้ยังไง?

    เรื่องบางเรื่องเรามักจะจินตนาการกว้างไกลไปกว่าที่คิด แต่ลืมไปว่าจริงๆแล้วชีวิตที่ให้ใช้นั้น มันเป็นวันต่อวัน ไม่งั้นเขาจะมีคำว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” ไว้ทำไมเล่า

    "นั่นสินะ ... ขอให้เขาเกิดมาแข็งแรงปลอดภัยก็พอ"


    ---

    “แม่ ลูกมีลูกแล้วนะ”
    “อะไรนะ”

    “นั่นแหละ แม่กำลังจะมีหลาน”
    “อืมมม.. ดีแล้ว มึงจะได้มีเพื่อน”


    เมียก็อยากให้กูมีเพื่อน แม่ก็อยากให้กูมีเพื่อนอีก กูดูเป็นคนขี้เหงาโดดเดี่ยวขนาดนี้เลยหรอวะ ผมคิดในใจแบบนั้น


    ว่าแต่... คนเราเค้ามีลูกไว้เพื่ออะไรกันนะ? เอาไว้เป็นเพื่อน เลี้ยงดูยามแก่เฒ่า ผิดพลาดทางเทคนิค ชีวิตมีปัญหา แน่ล่ะว่า เราก็เห็นตัวอย่างหลายตัวอย่างที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น 



    ในแง่ของการเป็นลูกเช่นกัน เราก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่คาดหวังอะไรจากเรา สิ่งที่พวกเขาคาดหวังอาจจะเพราะพวกเขาขาด ไม่มี หรือว่าเขาแค่อยากให้เราเป็นคนอย่างที่เค้าตั้งใจไว้


    นี่คงเป็นความซับซ้อนระหว่าง ความจริง และ ความคาดหวัง ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับมันเมื่อเลือกที่จะมีอีกหนึ่งชีวิตใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา (มั้ง)


    ---


    “น้องแข็งแรงดีค่ะ.. น้ำหนัก 3350 กรัม เดี๋ยวถ้าเช็คแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ จะพาขึ้นไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่ห้องตอนบ่ายๆนะคะ” หมอที่ดูแลเด็กแรกเกิดบอกกับผมแบบนั้น


    ยังไม่ได้ทันจะถามอะไรต่อ คุณหมอผ่าคลอดเดินผ่านเข้ามาแสดงความดีใจอีกคนหนึ่ง

    “ยินดีด้วยนะครับ น้องแข็งแรงดี”

    “อ่า… แล้วภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ”

    “เรียบร้อยดีครับ นอนพักอยู่ เดี๋ยวรอดูอาการสักชั่วโมงจะส่งขึ้นไปห้องพักครับ”


    ผมไม่รู้หรอกว่า การผ่าคลอดลูกจะเจ็บแค่ไหน… แต่ผมคิดว่ามันเป็นความแข็งแกร่งของผู้หญิงทุกคนที่ตั้งท้อง อดทนรอมาถึงวันนี้ วันที่ได้เจอกับสิ่งมีชีวิตหน้าใหม่


    ภาพของภรรยาที่อุ้มท้องมาตลอด 39 สัปดาห์ ความหนักหนาของการคลอดลูก ทำให้ผมนึกถึงความลำบากของแม่ขึ้นมาเป็นภาพซ้อนทับกันระหว่างคนสองคน แม่เราต้องผ่านอะไรมากมายขนาดไหน ผมคิดภาพไม่ออกเลยเหมือนกัน


    กว่าที่เด็กคนหนึ่งจะมีชีวิตถึงวันนี้ - วันที่เขามีลูก -  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ


    ---


    “ในห้องผ่าตัด เค้าคงหนาวนะ ตัวเองจับมือเค้าแน่นๆ แล้วอย่าลืมขอหมอเอาผ้าห่มมาคลุมด้วยนะ”
    “ได้สิ” ผมรับคำเธออย่างหนักแน่น ทั้งที่รู้ตัวดีว่าเป็นคนกลัวเลือดแบบสุดๆ แค่เจาะเลือดกูยังเบือนหน้าหนี แล้วนี่มันห้องผ่าตัดนะเว้ยยยย กูจะมีชีวิตอยู่ในนั้นได้ยังไง


    ภาพในหัวของผมปรากฎขึ้นมาเพียบตามซีรีย์ที่เคยดู ชุดสีเขียว ห้องผ่าตัด ไฟใหญ่ๆ กลิ่นยาฆ่าเชื้อ กูจะอยู่ในสภาวะแวดล้อมแบบนี้สินะ กลิ่นคาวเลือด เสียงหมอพูดคุยกัน ด้วยศัพท์ยากๆ ฯลฯ


    บรรยากาศแบบนี้ชวนให้เราขาสั่น ใจสั่น แถมยังมือเย็นเฉียบ กูจะทำยังไงดีพอที่จะเข้มแข็งและเป็นกำลังใจให้กับเมียต่อไป โดยที่เธอไม่รู้ว่าผมกลัว


    เอาว่ะ… สู้โว้ยยยย เมียจ๋าผัวมาแล้วจ๊ะ!! คนผ่าตัดเค้าก็กลัวอยู่แล้ว คนให้กำลังใจอย่างเราต้องสู้สิวะ ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะอยู่ข้างเธอ จับมืออยู่ไม่ห่าง ถูมือสองข้างให้อุ่นๆไว้ ในวินาทีนั้น ผมต้องเป็นกำลังใจให้กับเธอ ผมมั่นใจว่าผมทำได้แน่ๆ สู้ๆ เราทำได้!! #ปลุกใจแป๊บ


    ภาพตัดกลับมาที่คืนก่อนผ่าตัด

    พยาบาล Says : คุณพ่อไม่ได้เข้าห้องด้วยนะคะ เมื่อก่อนที่นี่เคยให้เข้า แล้วมีคุณพ่อเข้าไปจนเป็นลมติดๆกัน หมอกับพยาบาลเสียสมาธิในการทำงานค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยคุณพ่อหรือคุณแม่ก่อน โรงพยาบาลเราเลยตัดสินใจไม่ให้คุณพ่อเข้าไปด้วยค่ะ 


    โอเคจบ... บางทีการวางแผนล่วงหน้าก็ไม่ใช่คำตอบสินะ 



    ---


    ผมยืนมองดูเขาอีกสักพัก ปล่อยให้ดูคุณหมอเด็กฉีดยากระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสต่างๆ เพื่อป้องกันไวรัสบีจากแม่ไปสู่ลูกเรียบร้อย (ตามคำสั่งเมีย) ก่อนจะที่ขอตัวเดินกลับไปพักที่ห้อง รอเวลาที่จะได้พบหน้ากับเมียและลูก 


    ความรู้สึกแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผม ผมโพสความรู้สึกสั้นๆลงทวิตเตอร์ว่า




    ความหมายของ "ชีวิต" ที่ว่านั้น มันไม่ใช่ชีวิตของผม ไม่ใช่ชีวิตของเธอ แต่มันเป็นชีวิตของคนๆหนึ่งที่เราต้องแบกรับเขาต่อไป - เพื่อให้เขามีชีวิตรอด - โดยที่เราไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน จะต้องทำอย่างไร มันจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้บ้าง ผมไม่รู้ และตอบไม่ได้หรอกครับ


    ผมรู้เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับชีวิตผม...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in