ตั้งแต่รู้ตัวว่ามีลูก... ผมตัดสินใจขอลางานประจำ 1 เดือนเต็มๆ มาเพื่อทำภารกิจเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ณ จุดนี้ต้องกราบขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ และเจ้านายใจดีที่ให้โอกาสได้ทำตามความฝันด้วยครับ (เหรอ)
แต่ถ้าใครได้อ่านหลายๆตอนที่ผ่านมา จะรู้ว่าชีวิตผมนั้นต้องมีการเดินทางอยู่เสมอ แบบว่าเลี้ยงลูกอยู่พัทยา แต่มีหน้าที่การงานที่กรุงเทพ ดังนั้นหลังจาก 1 เดือนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเขา ผมจะต้องปล่อยเด็กชายตัวน้อยนี้ให้เติบโตเพียงลำพัง ไม่สามารถอยู่ดูเค้าเติบโตได้เหมือนทุกวันนี้ (เปล่าหรอกครับ จริงๆคือแม่มันเลี้ยง ส่วน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ผมรับผิดชอบ ผลัดๆกันไป #บัย)
“หมด 1 เดือนนี้คงคิดถึงลูกแย่” มิตรสหายหลายคนกล่าวสบประมาทไว้ โดยเฉพาะพวกพี่ๆที่มีประสบการณ์ต้องทำงานไกล เหินห่างจากลูกทั้งหลาย ยิ่งพูดขู่ให้กลัวกันเข้าไปใหญ่
“ร้องไห้แน่นอน ไม่ต้องสืบ” เพื่อนสนิทอีกจำนวนหนึ่งถึงขั้นท้าผม บอกว่ามึงต้องผ่านความรู้สึกนี้ไปไม่ได้แน่ๆ ผม (ในตอนนั้น) ยิ้มรับ แล้วบอกตัวเองว่า ไม่หรอก เราต้องผ่านไปให้ได้ (สะบัดผมเชิดหน้าใส่ เพื่อบอกว่ากูนี้เท่แค่ไหน #ถุย)
ณ วันนี้ที่กำลังเขียนอยู่ วันเวลาผ่านมาเกินครึ่งเดือนแล้ว ผมเหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันกว่าๆ ที่จะต้องกลับไปทำงานทำการและหน้าที่ตามปกติ
ผมไม่รู้หรอกว่า ณ วันนั้นมันจะเป็นอย่างไร รู้สึกแบบไหน แต่ผมได้เจอบททดสอบมาแล้วหนึ่งครั้ง ในช่วงเวลาสั้นๆ เลยอยากบันทึกไว้ให้ตัวเองได้กลับมาอ่านอีกทีเมื่อวันนั้นเดินทางมาถึง…
อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ผมมีเรื่องให้ต้องเข้ากรุงเทพ อันดับแรก คือ ไปอบรมเตรียมสอบตำแหน่งใหม่จำนวนสองวัน และเข้าไปเคลียร์ภารกิจอีกหลายเรื่องในช่วงนั้นพอดี เลยถือโอกาสไปจัดการให้เรียบร้อยในช่วงสุดสัปดาห์นี่แหละ #สองวันเพื่อฝันอันยิ่งใหญ่
ผมแพลนออกจากคอนโดในตอนเช้าตรู่วันเสาร์ และกลับมาอีกทีคืนวันอาทิตย์ ผมคิดในใจว่านี่เป็นครั้งแรกที่ต้องออกห่างจากลูกน้อย ตลอดเวลา 10 วันกว่าๆที่อยู่กับเขามา ไม่มีตอนไหนเลยที่ผมอยากจะอยู่ห่างจากเขา (ยกเว้นตอนมันร้องไห้ไม่หยุด กับเรียกหาแต่นมแม่นี่แหละ หึ!)
“เธอว่า เราจะคิดถึงลูกไหมวะ” ผมเอ่ยปากถามภรรยาแบบขำๆ
“เดี๋ยวถ่ายรูปส่งไปให้ดูเยอะๆนะ” เธอตอบกลับมาสั้นๆแบบว่ามึงไม่รอดแน่
ขับรถออกมาจากคอนโดไม่ถึงสามกิโล ผมโทรหาเมียแล้วถามว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง”
เมียตอบกลับด้วยความเกรงใจ “นอนอยู่เหมือนเดิม นี่เพิ่งออกไปเองนะ” ซึ่งความหมายของข้อความนี้คือ “ลูกน่ะไม่ได้เป็นไรหรอก แต่มึงน่าจะเป็นบ้า”
อาห์… ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปแล้วสินะ
“เป็นไงคุณพ่อมือใหม่”
“ได้นอนไหม โอเคหรือเปล่า”
“ไม่เห็นเอารูปน้องมาให้ดูเลย”
ฯลฯ
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทำงานกล่าวแซวตามประสา ผมแชร์ประสบการณ์ไปบ้าง พูดขำๆบ้าง ในใจก็คิดถึงลูกน้อยว่าจะเป็นยังไง ภรรยาของผมจะเหนื่อยไหมเพราะว่าเธอเพิ่งผ่าคลอดมาได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ คิดไปคิดมาก็เริ่มรู้สึกว่า เราน่าจะอยู่ให้นานกว่านี้ค่อยกลับมานะเนี่ย
แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ มันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบอย่างที่ใจเราคิดหรอก ผมนึกสัพยอกตัวเองในใจ จากคนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูก และไม่เคยคิดว่าจะต้องมีชีวิตที่เต็มไปด้วยการเดินทางแบบนี้ อยู่ๆ มันกลายเป็นชีวิตแบบนี้ได้ยังไงกันวะ
แต่มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ...
ความห่างไกล มักถูกใช้เป็นบททดสอบความรักของหนุ่มสาว และแน่นอนว่าหนุ่ม (แก่) อย่างผม ถึงแม้จะผ่านเลยช่วงเวลานั้นมาแล้วก็ตาม แต่ประสบการณ์ทั้งหลายก็ทำให้เข้าใจความรักมากขึ้น (มั้ง)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in