คำเตือน: มีเนื้อหาสปอยล์จากมังงะ ใครที่ไม่อยากโดนสปอยล์ห้ามกดเข้ามาอ่านเด็ดขาด!
“ฉันจะเข้าหน่วยสำรวจ” นั่นคือประโยคที่ผมบอกมิคาสะในวัยสิบขวบ ทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงระฆังเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจจากนอกกำแพงและกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วผมมักจะชวนมิคาสะไปชื่นชม ‘เหล่าทหารกล้า’ ด้วยกัน ผมนิยามพวกเขาไว้แบบนั้น เวลาที่ได้ยินพวกชาวบ้านต่อว่าหรือนินทาเหล่าทหารผมก็จะออกตัวปกป้องให้เองทุกครั้งและมักโดนตอกกลับด้วยประโยคที่ได้ยินจนชินชาว่า “เด็กอย่างเธอจะไปรู้อะไร” หรือ “อายุแค่นี้คิดเองไม่ได้” ไม่ก็ “ยังแบมือขอเงินแม่อยู่เลย” ผมในวันสิบขวบเตรียมตัวตอกกลับตลอดว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?” แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไปก็โดนมิคาสะลากตัวออกมาเสียก่อน การที่ผมปกป้องทหารกล้าที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องมนุษยชาติในกำแพงที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี่ผิดมากเลยหรือไง หลังจากนั้นมิคาสะก็เอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ นั่นทำให้ผมโดนแม่เทศนาเสียยกใหญ่ ครั้นเรียกให้พ่อมาช่วยคุยด้วยพ่อกลับบอกว่า “จะเปิดเผยความจริงในห้องใต้ดินให้เห็น“ ห้องใต้ดินเป็นห้องที่ผมเห็นพ่อลงไปทำงานที่นั่นอยู่บ่อยๆแต่ตัวผมกลับถูกห้ามเข้าไปที่นั่น รวมถึงแม่และมิคาสะด้วย ในห้องลับนั่นต้องเกี่ยวกับโลกภายนอกกำแพงแน่ๆ
แต่อนิจจา โชคกลับไม่เข้าข้างผมเลย ไททันยักษ์และไททันเกราะบุกเข้ามาในกำแพงทำให้ไททันตัวอื่นๆหลั่งไหลเข้ามาและจับมนุษย์กินอย่างโหดร้าย แม่ผมเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการบุกของพวกมันครั้งนั้นและพ่อผมก็อันตรธานหายไป ผมตัดสินใจเข้าร่วมการฝึกทหารในนาม ‘เอเรน เยเกอร์’ เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 5 ปี หนึ่งวันก่อนการสังกัดหน่วยทหารพวกไททันสารเลวนั่นก็พังกำแพงเข้ามาอีกครั้ง ผมคิดว่าผมต้องตายแน่ๆแต่จู่ๆสติก็หลุดไปโดยไม่ทราบสาเหตุและมารู้ตัวอีกทีตอนที่มิคาสะและอาร์มินบอกผมว่า “นายแปลงร่างเป็นไททันได้” บอกตามตรงผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีความสามารถแบบนั้น—มีตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปได้มาได้ยังไง? ผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับความลับในห้องใต้ดินที่พ่อต้องการจะบอกผมแน่ๆ—นั่นจึงทำให้ผมถูกกักขังอยู่ในคุกใต้ดินเพื่อรอพิจารณาว่าพลังของผมเป็นภัยหรือประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ “เธอคิดจะทำอะไรต่อจากนี้?” ผู้บัญชาการหน่วยสำรวจถาม ผมหลับตานึกคิด ภาพที่แม่โดนไททันป่าเถื่อนจับกินเหมือนอาหารยังติดค้างอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมกัดฟันและกำมือแน่น “สังกัดเข้าหน่วยสำรวจและล้มล้างไททันไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว” ผมตอบ
ผมในวัยสิบขวบเคยคิดว่าทำไมทุกๆครั้งที่เหล่าทหารกล้าเสร็จสิ้นภารกิจแล้วถึงไม่ยอมยิ้มหรือแสดงความยินดีเลยทั้งๆที่เท่มากขนาดนี้แท้ๆ คงภูมิใจน่าดูถ้าวันนึงผมได้เป็นหนึ่งในทหารเหล่านั้น เมื่อผมได้สัมผัสโลกภายนอกกำแพงด้วยตัวเองแล้ว ตัวผมในวัยสิบห้าปีถึงตระหนักได้ว่าความคิดในวัยเด็กนั้นช่างอ่อนต่อโลกนัก ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่ทันนึกด้วยซ้ำว่าการสูญเสียเพื่อนทหารที่เราไว้ใจนั้นน่าเศร้าถึงเพียงนี้ ผมคร่ำครวญกับตัวเองเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด ร้องไห้ที่ผมไม่สามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ได้ เสียใจที่ไม่สามารถปกป้องเพื่อนให้พ้นจากความตายได้ ผมโกรธและโทษตัวเอง
พวกเราเหล่าทหารทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รู้ความลับเกี่ยวกับห้องใต้ดินที่บ้านของผม จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึง (แต่กว่าจะไปถึงได้น่ะช่างเจ็บปวด เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยชีวิตและเลือดของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน) ผมได้รับรู้ความลับจากบันทึกของพ่อว่า พ่อของผมเป็นชาวเอลเดียและเป็นมนุษย์ที่มาจากนอกกำแพง โดนชาวมาเลย์ลงโทษโดยการส่งชาวเอลเดียมาที่เกาะพาราดีส—เกาะที่พวกผมอาศัยอยู่ในกำแพงและถูกขนานนามไว้ว่าเป็นเกาะปีศาจหรือเอลเดียลูกหลานปีศาจ—ฉีดสารให้กลายเป็นไททันไร้สติและเร่ร่อนไปมาในเกาะ แต่พ่อผมกลับโดนชายคนหนึ่งช่วยไว้และส่งต่อพลังไททันโดยการทำให้พ่อกลายเป็นไททันไร้สติและ ‘กิน’ ผู้ที่ถือครองพลังนั้นอยู่ จากนั้นพ่อก็เข้ามาในกำแพงเพื่อหาสันติวิธีให้แก่ชาวเอลเดีย หลังจากกำแพงมาเรียแตกพ่อผมก็ใช้วิธีเดียวกับชายคนนั้นเพื่อให้ผมสืบต่อพลังไททันในวัยสิบขวบ ผมจึงได้รับพลังไททันนั่นมา ชื่อของมันคือ ‘ไททันจู่โจม’
แน่นอน ความทรงจำของผู้ถือครองพลังคนก่อนถูกส่งมายังตัวผมด้วย ผมได้มองเห็นภาพความทรงจำต่างๆของคนก่อนๆรวมถึงพ่อด้วย ภาพเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกว่าโลกภายนอกกำแพงนั้นโหดร้าย ผมเห็นชาวมาเลย์เกลียดชาวเอลเดียเข้ากระดูกดำ ความอคติฝังลึกในจิตใจคนกลุ่มนั้น ต่อให้ชาวเอลเดียทำดีมากเพียงใดก็จะโดนพวกเขาเหยียดหยามอยู่ทุกที นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมยังมองเห็นนวัตกรรมหลายสิบอย่างที่ไม่มีในกำแพง รวมถึงสังคมและการใช้ชีวิตด้วย จากนั้นผมก็มองเห็นความทรงจำในอดีตของตัวเอง ผมเห็นภาพที่ตัวผมได้เข้าสังกัดหน่วยสำรวจช่วงแรกๆ เห็นภาพที่เพื่อนในหน่วยโดนไททันจับกิน เห็นภาพที่ผมมักทะเลาะกับแจนเป็นประจำ เห็นมิคาสะกับอาร์มินที่คอยเป็นห่วงผมเสมอ เห็นซาช่ากับคอนนี่แอบขโมยของว่างในโรงครัว เห็นไรเนอร์และเบอร์โทรตล์ประกาศตนเป็นคนทรยศ มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน วันนึงผมได้รับรู้อนาคตที่ถูกส่งผ่านพลังมาให้ผม ผมได้เห็นบางอย่างที่ร้ายแรงมากๆจนทำให้ผมจิตตก มันคือแผนการที่ตัวผมในอนาคตกำหนดไว้อยู่แล้วและทำให้ถูกส่งต่อมาให้ตัวผม ณ ปัจจุบัน ผมจึงตระหนักได้ว่าตัวผมในอดีตนั้นยิ้มมากกว่าปัจจุบันเสียอีก ตัวผมในตอนนี้น่ะต่างออกไปมากโข ผมรู้สึกไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
หนทางเดียวที่ชาวเอลเดียกับชาวมาเลย์จะสงบสุขได้คือต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายไป หายไปจากโลก โค่นล้างเผ่าพันธุ์มันไม่ให้คงเหลือ ผมตัดสินใจลบล้างเผ่าพันธุ์มาเลย์เพื่อปกป้องรักษาเกาะชาวเอลเดียที่เติบโตขึ้นมาตั้งแต่ๆเด็กๆไว้ จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายบ้านเกิด ผมต้องสร้างอิสระให้กับตัวเอง ไม่สนว่าจะมีใครเห็นด้วยหรือไม่ ผมจะเดินไปตามทางของตัวเอง ไททันจู่โจมจะต่อสู้เพื่ออิสระของตัวเองเท่านั้น วินาทีที่ผมรู้ว่าพวกไททันไร้สตินั้นหายไปจากภายนอกกำแพงหมดแล้วเป็นวินาทีเดียวกับที่ผมรู้สึกผิดหวังที่รู้ว่ายังมีมนุษย์นอกเกาะหลงเหลืออยู่ ศัตรูของชาวเอลเดียไม่ได้มีแต่ชาวมาเลย์แต่เป็นทุกคนที่หวาดกลัวต่อพลังไททันและต้องการกำจัดชาวเอลเดียลูกหลานยูมีร์ออกไปต่างหาก
เมื่อผมได้เดินหน้าต่อไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมจะไม่หันหลังกลับ ต่อให้นั่นเป็นการหักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจของเพื่อนพี่น้องหรือการคร่าชีวิตผู้คนก็ตาม หากเราไม่จำกัดคนพวกนั้น เราก็จะโดนพวกมันจำกัดเสียก่อน ผมตัดสินใจยืมพลังจากบรรพบุรุษยูมีร์ปลดปล่อยไททันนับพันในกำแพงออกมา—เพื่อต้องการทำลายคนที่จะมาพรากอิสระไปจากผมให้หมด—และประกาศแก่ชาวเอลเดียทุกคนให้รับรู้ว่า
“หากต้องการที่จะหยุดฉันล่ะก็ มีเพียงวิธีเดียวคือการปลิดชีพฉันเท่านั้น”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in