จากการที่เรานั่งงมโข่งอยู่หลายวันเป็นอาทิตย์ว่าจะหาคอร์สอะไรเรียนดีทั้งงมเองและ ให้เอเจนซี่ช่วยงมแถมอาจารย์ที่คณะยังมาช่วยแนะนำเราพบว่าจิตใจเรายังไงก็อยากไป ST.Martins อยู่ดีใจนั้นไปแล้วแต่กายหยาบยังไม่ตามไปเราพบว่า UaL มีคอร์ศิลปะยิบย่อยแง่วมากมายเลยอยากเขียนสรุปไว้ เผื่อใครอยากส่งลูก ส่งหลานไปเรียนช่วงปิดภาคหรือว่าไปเรียนเองอัพเดทความรู้ให้ตนเองสั้นๆ พอเป็นกระษัยยา  

                คอร์สแบบไหนดีนะที่ถูกจริตกับเรา?

                             ก่อนอื่นถามตัวเองก่อนว่าอยากไปเรียนเพื่ออะไร?

                            -อยากไปเรียนเพื่อพัฒนาการสื่อสารภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น 

                            -หรือเรียนเพื่อเตรียมตัวศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสำหรับน้องๆมัธยม

                           -หรือเตรียมศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาสำหรับน้องๆที่กำลังจะจบป.ตรี

         -หรือเป็นนักศึกษาทางด้านศิลปะอยู่แล้วแต่อยากไปดูซิว่าสถาบันการศึกษา     

          ทางด้านศิลปะในต่างประเทศเขาสอนอะไรยังไงกันบ้าง

         -หรือเรียนจบทำงานแล้วแต่อยากจะเปลี่ยนเส้นทางอาชีพมาทางด้านศิลปะเลยอยากจะมาเรียนเสริม

          -หรือประกอบอาชีพทางด้านการออกแบบและศิลปะอยู่แล้วแต่อยากได้ความรู้และเทคนิคตลอดจนอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆเข้ามาเป็นการไปสปาร์คไฟให้ชีวิต

          -หรือไม่อยากอะไรมากอยากไปใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนเฉยๆ

 หรือพอก่อน !

“หรือ” เยอะไปแล้วหละนะ

 

                       กรณีต้องการเน้นเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้สื่อสารได้หรือเรียนเพื่อเตรียมตัวศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียเงินมาเรียนในสถาบันภาษาในมหาวิทยาลัยเสมอไปอาจจะเป็นโรงเรียนสอนภาษาหรือ วิทยาลัย เฉยๆ ก็ได้ค่าเล่าเรียนก็จะถูกกว่าเล็กน้อยการเรียนก็เน้นการฝึกฝนในห้องเรียนคุณครูเป็นผู้ชี้ทาง แต่เราเองจะนำไปใช้ได้มากน้อยคล่องแคล่วหรือแทบจะไม่ได้กระเตื้องขึ้นมาสักเท่าไรอันนี้ก็แล้วแต่การฝึกฝนนอกห้องเรียนประกอบกันไปแต่หากว่าต้องการเรียนคอร์สระยะสั้นทางศิลปะหรือ คอร์ส ภาษาอังกฤษที่บวกศิลปะด้วย UALมีทางเลือกมากมายที่น่าสนใจอย่างเช่น........

               1.แนวเน้นไปเรียนภาษาอังกฤษ  มีคอร์สภาษาอังกฤษมีแบบไหนบ้าง ?    

                   1.1 Genneral English ภาษาอังกฤษทั่วไปมีให้เลือกระหว่างเรียน 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์กับ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และยังมีให้เลือกอีกว่าอยากเรียนภาษาอังกฤษทั่วไปอย่างเดียวคือเรียนทุกวันครึ่งวันเช้าเท่านั้นช่วงบ่ายก็ว่างออกไปแรดสิคะหรือจะเป็นภาษาอังกฤษทั่วไปบวกการพูด,ภาษาองักฤษทั่วไปบวกการเตรียมสอบ IELTS ทั้งนี้จะมีการสอบวัดระดับการเข้าคลาสไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ดับที่เก่งเกินไปจนไม่ทันหรืออยู่กับคนที่อ่อนเกินไปจนรู้สึกว่าทำให้คลาสดำเนินไปอย่างเชื่องช้าสำหรับ General English นี้จะมีเปิดสอนทุกวันจันทร์ไม่ต้องรอรอบตามประกาศของมหาวิทยาลัย

                   1.2 Academic English อันนี้จะเพิ่มความยากในเนื้อหาสาระ ขึ้นมาอีกนิดเหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยทั้งในอังกฤษเองและในต่างประเทศเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามาก็เช่นการนำเสนองาน การเขียนวิจัย การจดโน้ตการเขียนย่อหน้า ซึ่งมีทั้ง AcademicEnglish เฉยๆเลือกได้ทั้งเรียนเรียน 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์กับ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และ Academic English บวกการพูด และ Academic English บวกการเตรียมตัวสอบ IELTS แต่ การจะลงเรียนคอร์สอคาเดมิคได้นั้นต้องมีคะแนน IELTS ติดตัวไปอยู่ที่ 5.0-6.5 ก่อนเด้อ ถ้าไม่มีผลคะแนนก็สมัครไม่ได้อะคับ

                1.3 EnglishPlus Art and Design Year-round โดยพื้นฐานเลยก็คือเรียนเรียนภาษาอังกฤษ15ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยจะเป็น ภาษาอังกฤษในข้อ 1.1 หรือข้อ 1.2 ก็ได้แต่ต้องไปบวกกับวิชาเฉพาะทางศิลปะอีก7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ซึ่งวิชาเฉพาะทางศิลปะที่ว่านั้นจะมีรายละเอียดหัวข้ออะไรบ้างก็ขึ้นอยู่ดับตารางสอนในแต่ละปีที่เขาจะประกาศออกมาโดยในทุกเดือนนั้นจะมี วิชาหลักเหมือนกัน 3 หัวข้อ คือ 

               1 Drawing

               2.painting

               3.Design  

               แต่ในรายละเอียดของแต่ละเดือนนั้นก็จะสอนไม่เหมือนกันตัวอย่างเช่น…

                เดือนที่1 Drawing สอนหัวข้อไปวาดรูปในแกลอรี่,paintingสอนหัวข้อการรวาดรูปจาก Master piece  และDesign สอนการทำ 3D Model

                เดือนที่ 2 Drawing สอนหัวข้อวาดรูปสรีระมนุษย์,paintingสอนหัวข้อวาดภาพเหมือนบุคคล และ Design สอนหัวข้อMix media design   ยาวไปเรื่อยๆมีประมาณ 7 เดือนต่อปีเราจะลงกี่เดือนก็ได้เพราะวิธีการชำระค่าเล่าเรียนเขาจะคิดอิงเป็นรายสัปดาห์ที่เราลงเรียนภาษาอังกฤษเป็นหลักรู้สึกว่าขั้นต่ำจะอยู่ที่4 สัปดาห์หรือ 1 เดือน ไม่อย่าง นั้นมันจะไม่ครบเนื้อหา ของเดือนอะคับ

                     1.4 English Plus Fashion Year-Round อันนี้หลักการคล้ายๆ ข้อ 1.3ข้างบนค่ะ คือเรียนภาษาอังกฤษแบบ 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะเป็น general English ก็ได้ หรือacademicEnglish ก็ได้ แต่ว่าแตกต่างกันที่เน้นวิชาเฉพาะด้านแฟชั่นเท่านั้นยกตัวอย่างเช่น

               เดื่อนที่ 1 สอนหัวข้อ fashion drawing

               เดื่อนที่ 2 สอนหัวข้อ fashion Trends and design

               เดือนที่ 3 สอนหัวข้อ Fashion PR &Marketing

              ประมาณนี้ วนไปเรื่อยๆ ใน 1ปีเริ่มต้นที่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน

               1.5 English Plus Communication Year-Round หลักการเหมือนข้อ 1.3และ ข้อ 1.4 แต่ว่าเนื้อหาวิชาเฉพาะนั้นเน้นวิชาว่าด้วยการสื่อสารถ้าตีความเป็นวิชาเฉพาะของบ้านเราก็คล้ายๆเอาบางรายวิชาของนิเทศศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์ มาบรรยายให้ฟังสั้นแบบรวบรัดใน 7ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2ครั้ง ตลอด 1เดือน นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น

               เดื่อนที่ 1 สอนหัวข้อ Communication Design

               เดื่อนที่ 2 สอนหัวข้อ Animation

               เดือนที่ 3 สอนหัวข้อ DSLR Film Making

               เราสามารถเลือกลงกี่เดือนก็ได้สมมติถ้าสนใจแค่หัวข้อเดียวที่เขาเปิดเราก็ลงแค่ English Plus Communication แค่คอร์สเดียวส่วนเดือนอื่นๆที่เหลือก็เรียนแต่ภาษาอังกฤษธรรมดาก็ได้

               1.6 English Plus Summer Courses  หลักการคือเรียนทั้งภาษาอังกฤษเรียนทั้งศิลปะคล้ายๆ ข้อ 1.3-1.5 แต่เน้นสอนช่วงเทอม Summer เท่านั้นส่วนวิชาเฉพาะเขาจะเปิดวิชาอะไรบ้างนั้นต้องดูตารางสอนที่เป็นโบชัวร์รายปีการศึกษาของศูนย์ภาษาเขาดูนะคะโดยจะมีความยาวทั้งที่เป็น 2 อาทิตย์ และ 4 อาทิตย์ 

2.แนวเน้นไปเรียนศิลปะมีคอร์สระยะสั้นมีแบบไหนบ้าง ?

                   คอร์สระยะสั้นทางด้านศิลปะนั้นความยาวของคอร์สนั้นไม่แน่นอนมีตั้งแต่ 1วัน, 3,วัน,5 วัน, 1 อาทิตย์, 10 วัน,1เดือน บางวิชาเรียนทั้งวันบางวิชาเรียนตอนเย็นอย่างเดียวอันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราอยากจะลงเรียนอะไรไม่ได้ผูกเกี่ยวข้องกับคอร์สภาษาองักฤษข้างต้นถ้าดูแล้วเราไม่ได้ติดเรียนภาษาอังกฤษก็หาวิชาที่สนใจลงเรียนได้   แต่เดี๋ยวก่อน  คือไม่ใช่ว่าชื่อวิชาใดที่เปิดในเว็บในความเป็นจริงจะได้เปิดสอนทั้งหมดนะคะอย่าเพิ่งช็อปปิ้งคอร์สเพลินเราต้องอีเมล์ไปถาม หรือ ลงทะเบียนไปก่อนบางทีถ้าเขาไม่เปิดถือว่าเป็นความผิดของทางสถาบันเราจะได้รับเงินคืนแต่ถ้าเป็นความผิดของเราเองที่ไม่สามารถไปเรียนได้ก็จะๆไม่สามารถทำเรื่องเพื่อขอรับเงินคืนได้

                 ตัวอย่างชื่อ Short Course ต่างๆที่เขามีสอน เช่น.......

3D Design Development, 

Furniture Design,

      Product Design for 16 to 18 YearOlds,  

Art Direction For Film,Documentary Storytelling,

YouTube Content Marketing Strategy,

Cool Hunting Fashion, 

Contemporary Art Exhibition and Event Management,

·   ส่วนสถานที่เรียนนั้นก็ไม่แน่นอนอะคับถ้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษเฉยๆก็เรียนที่ Holburn แน่ๆส่วนวิชาที่เราลงนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาเปิดสอนที่แคมปัสไหน ซึ่ง UAL มีทั้งหมด 6 แคมปัส

               หมายความว่าไงอะคับ?

                ก็หมายความว่ากรณีที่คุณลงเรียนภาษาอังกฤษตอนเช้าตอนเที่ยงคุณต้องหิ้วร่างของคุณนั่งรถไฟไปcampus นั้นๆ เพื่อที่จะไปเรียนให้ทันต่อนประมาณ13.30น.

               และนั่นหมายความว่าอะไรอีกคับ?

               ก็หมายความว่าอาหารกลางวันเหรอ?ลืมไปได้เลยเอาข้าวใส่ปิ่นโตมา หรือ กินแซนวิช ข้างทางรวบตึงน่าจะเวิร์คสุดถ้ารอซื้อข้าวกล่อง Take away ตามร้านก็โอเคแต่ต้องกินเร็วๆไม่มีเวลาที่จะมานั่งชื่นชมรสชาติของอาหาร ท่องไว้ว่าหลัง 17.00น. จึงจะค่อยเป็นเวลาของเราและเดินทอดน่อง  ทอดหุ่ย หลี่หนุ่ม หาของอร่อยกินได้อย่างเต็มที่

  นั่นหละฮะท่านผู้ชม! ชีวิตในมหานครใหญ่