เราไม่ได้เจอกันมาเกือบสามปีแล้ว ไม่ใช่แค่ไม่ได้เจอสิ ผมไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากเค้าคนนั้นเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างดีสุดที่ผมจะรับรู้ได้ว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่ก็คือข้อความที่ผมส่งไปจะขึ้นว่า “อ่านแล้ว” ประมาณสามถึงสี่เดือนครั้ง แม้จะไม่มีการตอบกลับใดๆ
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นระหว่างเรา เอาเข้าจริงๆ ผมลืมไปแล้วเสียด้วยว่าเรื่องอะไร เพราะไม่ว่าจะด้วยความงี่เง่าของผมหรือทิฐิของเขาก็ตาม มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว มันไม่ใช่ความผิดใคร แต่สิ่งที่เหตุการณ์นั้นทิ้งไว้ให้ผมคือความเจ็บปวด มันกัดกินและกัดกร่อนหัวใจผมทุกครั้งที่ผมนึกถึงไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ความทรงจำที่ผมมีต่อเค้า ถึงแม้ภาพมันจะค่อยๆเลือนลางและจืดจางลงไปตามกาลเวลา แต่ความเศร้าของมันยังคงเกาะกินหัวใจผมทุกครั้ง
เอาเข้าจริงๆ บางครั้งผมก็ยอมรับว่าผมต้องใช้เวลาพักนึงเพื่อนึกหน้าเค้าให้ออก มันเลือนลางเต็มที ตลอดสามปีที่ผ่านมา ผมทำเรื่องโง่ๆตั้งเยอะ ทั้งร้องไห้ฟูมฟาย สะอึกสะอื้น แอบเฝ้าแถวๆที่เค้าอยู่และหวังจะได้เจอโดยบังเอิญ (ซึ่งไม่เคยเจอ) พยายามแอบส่องโซเชียลของเค้าทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าถูกบล็อคทุกทาง หรือแม้แต่การไปแสร้งคุยกับเพื่อนเค้าเพียงแค่อยากสืบข้อมูลว่าเค้าสบายดี
ผมพึ่งเข้าใจพวกนาซ่าที่พยายามส่งสัญญาณวิทยุออกไปยังอวกาศ ด้วยความหวังที่แสนจะริบหรี่ว่าจะมีใครได้ยินและตอบกลับมาบ้าง
แต่ในเคสผม ไม่ว่าข้อมูลใดๆที่ได้มาโดยทางอ้อม มันไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย แต่กลับกันมันทำให้รู้สึกแย่ลงไปอีก เหมือนมือที่มองไม่เห็นพยายามดึงผมจมลงไปในน้ำลึก มันอึดอัดและทรมาน แม้เงยหน้าไปเราจะเห็นผิวน้ำแต่เราก็ไม่สามารถขึ้นไปหายใจได้ แต่ผมก็ไม่เคยตอบตัวเองได้ซักครั้ง ว่าทำไมต้องอยากรู้เรื่องราวของเค้าด้วย ทั้งๆที่ผมอาจจะตายจากความทรงจำเค้าแล้วก็ได้มั้ง
เป็นสามปีที่ปราศจากการตอบรับใดๆ จนเช้าวันหนึ่ง…..
ผมส่งข้อความหาเค้า เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผมไปพบเจออะไรดีๆมา ผมมักจะอยากเล่าให้เค้าฟัง วันนั้นผมส่งเรื่องราวของอดีตคู่รักดาราคู่นึง ที่เคยรักกันมาก แต่มีเหตุให้ต้องเลิกรากันไปแบบไม่ดีนัก ผ่านไปหลายสิบปี จนวันหนึ่งทั้งสองคนได้กลับมาเจอกันและกอดกันด้วยมิตรภาพที่ดี ผมแค่อยากแชร์เรื่องราวดีๆแบบนี้ให้เค้า
ไม่สิ! ผมโกหก ผมพยายามสื่อให้เค้ารู้ว่า ผมอยากให้เป็นแบบดาราคู่รักเก่าคู่นั้น
หลังจากนั้นกี่ชั่ววินาทีที่ส่งไป ข้อความผมถูก “อ่านแล้ว” และเขาพิมพ์ตอบกลับมาสั้นๆว่า…
“อย่าเลยครับ ผมขออยู่แบบนี้”
ผมอ่านทบทวนประโยคสั้นๆนั้น เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมจำไม่ได้ แต่เหมือนเวลาช่วงนั้นมันเป็นอนันต์ ทุกอย่างรอบตัวผมหยุดนิ่ง ตอนนั้นความรู้สึกผมมันปนกันไปหมด…
ผมไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจดีรึเปล่าว่าในที่สุดเค้าก็ตอบมาหาผม
หรือผมควรจะมีความหวัง เพราะอย่างน้อยผมก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้บล็อคผม และมันเป็นช่องทางเดียวที่เขาอนุญาตให้ผมเข้าถึงเค้าได้
หรือจริงๆแล้ว ผมเสียใจมาก เพราะแม้เวลาผ่านไปสามปีแล้ว แต่เค้าก็ไม่คิดลืมความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เค้าทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราเเป็นเรื่องไม่จริง แล้วคำพูดที่เคยกระซิบบอกรักผมล่ะ สัมผัสที่แสดงให้ผมรู้สึกว่าเค้ารักผมมากแค่ไหนล่ะ มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยจริงๆเหรอ
และในความรู้สึกที่มันสับสนปนเปนี้ ความเศร้าชนะแบบขาดลอย
และผมก็เกลียดตัวเองมากเช่นกัน เพราะที่หลังจากอ่านประโยคนั้น ผมตอบไปแบบโง่ๆว่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ตัวดี ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้อยู่แล้ว นอกจากเห็นคุณมีความสุขในทางที่คุณเลือก”
เหี้ย..มึงจะตอบพระเอกไปทำไม ! นี่มันเป็นแค่คำพูดที่ผมใช้ปิดบังความอ่อนแอไว้ ทำเสมือนว่าผมเป็นพวกเข้าใจโลกเสียเต็มประดา ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย!
แต่ผมหวังลึกๆว่าเค้าจะรู้ทันผม
หลังจากนั้นผมไม่กล้าส่งข้อความอะไรกลับไปอีกเลย ไม่กล้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อนะว่าประโยคสั้นๆประโยคเดียวกลับมีนัยยะของการบอกลาไว้อย่างแยบยล ทำให้ผมอ่านแล้ว ไม่กล้าที่จะคิดหรือจะหวังอะไรอีกต่อไป
เอาจริงๆผมรู้คำตอบนี้ของเค้ามานานละ ก็ตลอดสามปีนี้ที่ห่างกันไปนี่แหระ แต่ผมแค่ไม่ยอมรับและพยายามซ่อนมันเอาไว้ในส่วนลึกที่สุด แต่ประโยคนั้นกลับขุดมันขึ้นมา เพื่อให้บอกบอกตัวเองว่า มึงควรพอได้แล้ว
จริงๆแล้ว ความเงียบตลอดสามปีที่ผ่านมาของเค้าคือคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว เค้าไม่น่ากลับมาบอกลาผมเลยจริงๆ ไม่น่าเลย
ลาก่อนนะครับ คนที่ผมเคยรักสุดหัวใจ
ผมอาจจะเห็นแก่ตัวนะ แต่ลึกๆแล้วผมไม่อยากให้เค้ามีใคร เพียงเพราะผมกลัวว่าเค้าจะลืม ว่ารักที่เราเคยมีมันดีแค่ไหน
ส่วนความทรงจำของผมที่มีต่อคุณ ผมจะค่อยๆทยอยส่งคืนกาลเวลาอย่างช้าๆ อาจจะช้ามากจนผมลืมไปก็ได้ว่าผมคืนมันไปหมดแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in