ต้องเกริ่นนำก่อนว่ามีช่วงระยะเวลาหนึ่งประมาณ 3-4 เดือนที่ผมได้มีโอกาสไปเป็นนักศึกษาช่วยงานอยู่ที่ชั้น 4 ของหอสมุดกลางประจำมหา’ลัย แต่ทว่าสิ่งที่กำลังจะเล่าให้อ่านต่อจากนี้ไม่ใช่ประสบการณ์การทำงานอันอิ่มอกอิ่มใจ มากด้วยความสนุก เต็มไปด้วยความท้าทาย หรือการต้องเสี่ยงตายจากการถูกสันหนังสือยักษ์หล่นใส่หลังในห้องใต้ดินแต่อย่างใด เพราะเรื่องที่จะนำมาเล่าให้อ่านจริง ๆ คือ ประสบการณ์ความปอดแหกที่เกิดจากความหลอนของหอสมุดกลางในช่วงยามวิกาล
ครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นในวันที่ผมต้องเฝ้าหอสมุดถึง 3 ทุ่ม คนเดียวเป็นครั้งแรก พี่ ๆ เจ้าหน้าที่เลยรับขวัญปลอบใจไม่อยากให้ผวาด้วยการเม้าท์มอยเรื่องผีที่แต่ละคนเคยเจอในหอสมุดกันอย่างออกรส
หอสมุดมีกี่ชั้น พวกพี่เล่าถึงทุกชั้น แค่นั้นยังไม่พอ พวกพี่ ๆ ยังอุตส่าห์ย้อนไปถึงประวัติความเป็นมาว่าที่ตรงนี้เคยเป็นสุสานมาก่อน แถมยังเคยขุดเจอโครงกระดูกตรงที่ใกล้ ๆ ชั้นใต้ดินอีกต่างหาก
พี่ครับ ถ้าจะเล่ากันขนาดนี้ โทรหาพี่ป๋องมั้ยครับ
ในขณะเดียวกัน เรดที่กลัวผีมากถึงมากที่สุดอยากจะถามพี่ ๆ เจ้าหน้าที่มากว่า ห้องนี้มีหนังสือบทสวดมนต์มั้ยครับ
ครั้งที่สองเกิดขึ้นในวันที่ผมต้องเฝ้าหอสมุดถึง 3 ทุ่ม คนเดียว…อีกแล้ว
โดยทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่พี่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ชั้น 3 (ส่วนผมนั้นอยู่ชั้น 4) ทักไลน์มาบอกว่า “น้องเรด ลงไปเอาหนังสือที่ห้องใต้ดินให้พี่หน่อยได้มั้ย”
ครับ ห้องใต้ดินหอสมุดกลางช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม อะไรมันจะเหมาะเจาะกับเวลาทำการของผีขนาดนี้
แต่เมื่อได้รับคำสั่งมา นายทหารใจกล้า (แต่เรียนคณะการสื่อสารมวลชน) ก็ต้องปฏิบัติตามอย่างไร้การงอแงใด ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ไม่เอาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!! กลัวแล้ววววววววววว!!! นู๋ไม่อยากลงไปปปปปปปปป!!!”
สุดท้ายก็ต้องลงลิฟต์ไปอย่างจำยอม แต่ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด…โอ้ พระเจ้ากรีก ไม่มีไฟเปิดอยู่เลยสักดวง นี่พวกพี่รณรงค์แคมเปญปิดไฟยามดึกพึ่งแสงจันทร์กันอยู่หรอครับ
“พี่ครับ ไฟมันปิดหมดเลย”
ส่งข้อความไปรายงานสถานการณ์ตามระเบียบ
“กล้าเข้าไปเอามั้ย ระวังโดนผีหลอกนะ ถ้ากลัวก็กลับขึ้นมาเลยก็ได้”
โอ้โห พี่พิมพ์มาอย่างนี้ ชายชาติทหาร (แต่เรียนคณะสื่อสารมวลชน) ที่อุตส่าห์ถ่อลงมาจากชั้น 4 ขนาดนี้แล้ว มีเหรอที่จะไม่ตอบกลับไปว่า “กลัวครับ งั้นผมกลับขึ้นไปนะครับ”
ทำไงได้ ก็คนมันกลัว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in