แพมเกลียดคนเยอะยิ่งกว่าขี้
หญิงสาวในเสื้อสายเดี่ยวสีดำกับกางเกงสกินนี่ยีนส์นั่งกดโทรศัพท์ไถฟีดอินสตาแกรมอยู่ในปาร์ตี้ของเพื่อน -- โอเค มันเป็นการกระทำที่ชวนให้ด่าว่าส้นตีน มึงอยู่ในปาร์ตี้ยังจะเสือกเล่นโทรศัพท์ แต่จะทำยังไงได้ล่ะวะในเมื่อแพมอยากนอนอยู่บ้าน อยากนอนอยู่บ้านมากๆ อยากนอนอยู่บ้านที่สุดในโลก เพราะงานเยอะจนอยากตาย แต่ก็นอนไม่ได้ไง เพราะมันเป็นงานปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนสนิทตั้งแต่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดจากปาก
“อีแพมมมมม แดกกกก”
“กูเลิกเหล้าแล้วแน็ต”
“แดกกกก”
อีตัวดี..
เพื่อนที่ว่าของเธอชื่อแน็ต -- ผู้หญิงในเสื้อสายเดี่ยวสีขาวที่ประดับผ้าคลุมเจ้าสาวบนหัว ผู้ซึ่งเมาเป็นหมาแต่ยังเดินมากอดคอให้แพมลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งส่งเสียงกรี๊ดเรียกอีคริส เพื่อนสาวเออีหุ่นนางแบบ ที่เป็นคนถือขวดเหล้าอยู่ในขณะนี้ ให้เอาเหล้ามากรอกปากแพม
“มึงๆๆ ใจเย็น” เธอร้องเสียงหลง แพมโดนแน็ตล็อคแขนไว้ข้างหลัง ขณะเงยหน้าขึ้นรับว้อดก้าขมๆ จากคริส โดยมีอีเจนนี่ในเกาะอกสีดำยืนถ่ายคลิปลงสตอรี่อินสตาแกรมตามประสาเน็ตไอดอล
แพมร้อนไปทั้งคอ
ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินเหล้า สมัยเรียนเธอเรียนอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ที่เพื่อนทั้งรุ่นนัดกันไปกินเหล้าเป็นว่าเล่น ทั้งสาโทเหล้าป่าว้อดก้าแสงโสมหรือสารพัดเหล้าแพมก็กินหมด แต่ตอนนี้เธออายุปาเข้าไป 27 แล้วไงวะ แถมตั้งแต่ทำงานยังแทบไม่ได้ไปปาร์ตี้ ดังนั้นหลังจากโดนว้อดก้าเพียวกรอกปาก แพมก็บอกได้คำเดียวว่าเละ
“เก่งมากกกกก!!” แน็ตรวบตัวแพมเข้ามากอดแน่น เธอเซ -- ความมึนเริ่มต้นเข้ามาอยู่ในห้วงความรู้สึก มองแทบไม่เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไรตรงหน้า นอกจากพี่โจยืนถือแก้วหัวเราะ -- กับเพื่อนแปลกๆ ของพี่โจที่ชื่อทะเลเริ่มต้นเดินไปเต้นกับสาว ส่วนพี่โดมก็กำลังกดโทรศัพท์เพราะต้องดีลงาน
ใจนึกอยากด่าอีแน็ตว่าอีสารเลว แต่ปากมันกลับพูดไม่ออก เธอพยายามยืนนิ่งๆ สักพัก ก่อนที่เพลงอาวรณ์จะดังขึ้นจากเหล่านักดนตรีเบื้องหน้า
ตอนนั้นเองที่แพมรับรู้ได้ว่าตัวเองไม่มีสติ
เพราะเธอปีนโต๊ะ และร้องเพลงแข่งกับนักร้องอย่างไม่อายใคร
ให้มันรู้ไปดิว่าที่นี่ใครใหญ่
“กูแพมโว้ยยยยยยยย”
Found You
แพมคว้าขวดว้อดก้ากลิ่นพีชมาจากโต๊ะทั้งๆ ที่เกลียดพีชกว่าใคร แถมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมตอนนี้ถึงมานั่งอยู่ข้างหน้านั่งเล่นแบบนี้
คิดไปคิดมาก็พอจะจำได้นิดหน่อยว่าเมื่อประมาณสิบนาทีก่อน เธอเซไปชนกับเพื่อนพี่โจคนหนึ่งที่มาสายกว่าใคร -- ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร แต่รู้แค่ว่าพี่โจยิ้มดีใจยกใหญ่ที่ได้เจอ
แพมจำได้อีกว่าพี่คนนั้นคว้าเอาไหล่เธอไว้ พร้อมกับเอ่ยถามอีแน็ตว่า ‘เพื่อนเมาแล้วแน็ต ยอมได้ไง’
ความทรงจำถัดมาคือเธอจับเขาล็อคคอพร้อมกับกรอกว้อดก้าใส่ปากบ้าง
ใช่
แพมจับผู้ชายแปลกหน้ากรอกว้อดก้า
แล้วตอนนี้เธอก็นั่งกับเขาอยู่หน้านั่งเล่นด้วยสภาพที่คาดว่าน่าจะดูไม่ได้ ล็อคแขนเขาไว้ แล้วบ่นชีวิตให้ฟังอย่างที่ถ้าเธอมีสติคงไม่มีวันทำอย่างแน่นอน
“งานเยอะชิบหายเลยรู้ปะ อยากลาออกอะ”
“แล้วทำไมไม่ออก”
“ออกแล้วจะเอาอะไรแดก เงินเดือนเยอะมาก เขาเพิ่งโปรโมตให้แพมเว้ย”
“เท่าไหร่ จ้างออกเอามั้ย”
“ไม่เอา!” เธอหันไปตวาดแว้ด เขาหัวเราะเสียงดัง จนเธอเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไปในสองข้างแก้มอย่างชัดเจน ท่ามกลางแสงไฟสลัวด้านหน้าร้านเหล้า
“ขอโทษๆ ไม่ต้องดุก็ได้” เขาว่า สองมือยกขึ้นลูบหัวเธออย่างถือวิสาสะ แต่ตอนนั้นแพมเองก็ไม่ได้มีสติมากมายที่จะด่าว่าสนิทกันหรือไง เพราะสิ่งที่เธอพูดออกไปมีเพียงคำว่า
“ลูบหัวแบบนี้จะอ่อยกันหรอ”
เขาไม่ได้ตอบ นอกจากหัวเราะเท่านั้น
สองมือน้อยยกขวดว้อดก้าขึ้นกรอกอีกครั้ง -- จนมือใหญ่ของผู้ชายข้างๆ ยกขึ้นปรามมือน้อยไว้เบาๆ
แพมหันไปมอง
ตอนนั้นเองที่เธอมีโอกาสได้เห็นหน้าเขาชัดๆ ปรากฏภาพของใบหน้าขาวๆ ที่ดูคุ้นๆ แต่แพมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน นอกจากรับรู้ได้ว่าไอ้ตี๋นี่คือเพื่อนพี่โจ -- เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำ คิ้วเข้มๆ มุ่นเข้าหากันน้อยๆ ขณะเอ่ยปรามพร้อมรอยยิ้มบาง
“พอได้แล้ว กินเยอะแล้วนะ”
“มึงก็กินด้วยดิ” ไม่พูดเปล่า มือน้อยยื่นขวดใสในมือให้เขาอีกต่างหาก
เขาหัวเราะอีกครั้ง ก่อนรับขวดใสไปดื่มอย่างว่าง่าย
แพมมองตาม เห็นเขากรอกว้อดก้าใส่ปากได้นานกว่าเธออยู่มากโขแล้วอดเอ่ยชมไม่ได้
“ทำไมเก่งจัง แพมกินห้าวิก็ไม่ไหวแล้ว”
เขาปรายสายตามอง แย้มรอยยิ้มขณะถอนขวดออกจากปากแล้วยื่นให้เธอ แล้วตอบสั้นๆ “เก่งไง”
“หลงตัวเอง”
“แล้วไม่เก่งหรอ”
“งั้นๆ”
แพมตอบพลางยกขวดขึ้นดื่มอีกครั้ง
เธอมองเห็นผู้คนผ่านไปเบื้องหน้ามากมาย หนึ่งในนั้นคืออีเจนนี่ที่เดินออกมาคุยโทรศัพท์ -- ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุยกับแฟนแน่ๆ เพราะมันทำหน้าเหมือนจะกินโทรศัพท์เข้าไปด้วยความโมโหอยู่แล้ว
“ไม่ไปหาเพื่อนหรอ?” ผู้ชายคนข้างๆ ถามเธอ แพมส่ายหน้า
“รำคาญ ทะเลาะกับผัวแน่ๆ”
“แล้วเราอะ ไม่มีแฟนหรือไง?”
แพมนิ่ง
คิ้วเรียวได้รูปมุ่นเข้าหากัน -- เธอมองเห็นชายตรงหน้าทำท่าจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเร็วกว่า
แพมเริ่มต้นพรั่งพรูความในใจออกมา เรียกให้ผู้ชายตรงหน้าเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“มึงรู้ปะ! แพมนะ เกิดมา 27 ปี ไม่เคยมีผัวสักคนเลยอะ!”
“ถามจริง?”
“เออ! เพื่อนบางคนก็ทำให้แพมรู้สึกอะ ว่าการที่ไม่มีผัวคือการที่กูไม่มีค่าหรอวะ แบบกูไม่สวยไม่น่ารักหรอ”
“ไม่จริงเลย” เขาส่ายหน้า
“ไช่ แพมก็รู้ว่าไม่จริงเว้ย เพราะกูว่ากูสวย”
“…”
“ไม่เห็นด้วยหรอ! ถ้าไม่เห็นด้วยก็ออกจากประเทศนี้ไปเลย!”
“เห็นด้วยๆ”
“แล้วเนี่ย อีแน็ตแต่งงานใช่ปะ ปีหน้าอีเจนแต่งงาน อีคริสกับผัวทอมของมันก็รักกันดี สุดท้ายแล้วแพมอะ จะไม่มีผัวจนตายเลยหรอ มันก็ไม่ใช่ปะวะ”
“เออๆ ไม่ใช่ๆ” ไม่แน่ใจว่ามันเออออด้วยมารยาทรึเปล่า แต่อย่างน้อยบทสนทนาเรื่องความไร้ผัวแล้วมีคนเข้าใจนี่มันก็ทำให้แพมสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
เธอจัดการดื่มว้อดก้าอึกๆ สลับกับการยื่นให้ผู้ชายตรงหน้าดื่มบ้าง
สักพักหนึ่งหัวก็เริ่มหนัก
แพมซบใบหน้าลงกับเสื้อเชิ้ตสีดำของอีกฝ่าย เรียกให้เขาโวยวายอย่างไม่เป็นจริงเป็นจังนัก
“เอาหน้ามาถูทำไม”
“หัวแพมหนัก” เธอตอบเสียงอ่อย
“…”
“มีปัญหาหรอ” ดวงตากลมช้อนขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่าย ขณะเอ่ยฟังคำตอบของเขา
“ไม่ๆ ไม่มีครับ”
“แอดไลน์แพมหน่อยดิ๊” ไม่ว่าเปล่า มือน้อยแบขึ้นตรงหน้าผู้ชายที่สมควรถูกเรียกว่าคนแปลกหน้า -- มองเห็นเขาเลิกคิ้ว
“แอดทำไมวะ”
“เผื่อวันไหนแพมมีผัว จะทักไปอวดมึงคนแรกเลย”
“…กูพี่มึงนะเนี่ย”
“กูเมา!” เธอแหวอีกครั้ง
เขาหัวเราะ หยิบโทรศัพท์ยื่นให้เธอพิมพ์ไลน์ไอดีไปอย่างว่าง่าย ก่อนเป็นฝ่ายเริ่มต้นโน้มใบหน้าลงมากระซิบกับหูของเธอบ้าง
“เริ่มเมาแล้วว่ะ กลับบ้านมั้ย”
แพมช้อนดวงตาขึ้นมอง เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองลงมาอย่างที่เธออ่านไม่ออกว่ามันหมายความว่าอะไร
ต้นแขนถูกกระชับไว้ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้า
แพมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงตอบตกลง
แต่เอาเป็นว่าไม่กี่นาทีต่อมาเธออ้วกหน้าร้าน โดยมีเขาคอยลูบหลังพร้อมเสียงหัวเราะ สุดท้ายเธอขึ้นไปอยู่บนรถเขาจริงๆ
Found You
“ตกลงคอนโดอยู่ไหน พาวนจะทั่วกรุงเทพแล้วนะ”
รู้นะว่าคนข้างๆ ถามว่าอะไร แต่เธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตอบอะไรออกไป คือไม่รู้จริงๆ
คลับคล้ายคลับคลาว่าตอบว่า ฮอกวอตส์ จนสุดท้ายคนฟังมันคงท้อ เพราะในที่สุดเขาก็เลิกถาม
แพมไม่รู้ว่าเราสองคนขับผ่านด่านไปกี่ด่าน แต่ที่แน่ๆ เราก็ผ่านทุกด่านหลังจากที่ไอ้คนแปลกหน้ามันยื่นบัตรและแบงค์ในกระเป๋าตังค์ให้ตำรวจทุกด่าน
ไม่รู้เหมือนกันว่ารวยมาจากไหน แต่ไอ้การคอรัปชั่นนี่คือแพมเกลียดมาก เกลียดเสียจนส่งเสียงด่าไปด้วยซ้ำว่า “รู้มั้ยเพราะมีคนอย่างแกเนี่ยประเทศชาติถึงไม่เจริญ”
เธอเห็นเขาปรายสายตามองพร้อมเสียงหัวเราะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตอบอะไร
เพราะกลับกลายเป็นว่าเธอหันมาให้ความสนใจกับภาพของกรุงเทพด้านนอกแทน
มือน้อยของแพมยกขึ้นนาบกระจกไว้อย่างที่เธอชอบทำเวลานั่งรถ
ก่อนที่อีกไม่กี่นาทีต่อมา เธอจะเลี้ยวเข้าสู่อาคารที่ไม่คุ้นตาในทีสุด
ดวงตากลมของเธอหันกลับไปมองใบหน้าของชายแปลกหน้าราวกับกำลังตั้งคำถาม -- แต่ตอนนี้ในหัวมันเริ่มต้นมึนจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว แต่ก็โชคดีเพราะเขาเอ่ยตอบราวกับอ่านใจได้
“ก็เห็นไม่ตอบซะทีอะ นอนนี่ไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวบอกเพื่อนให้”
“แกพาแพมเข้าม่านรูดหรอ”
เขาหัวเราะ เอื้อมมือมาจัดการปลด Safty Belt ให้เธอ ก้มหน้าแล้วช้อนตามองพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ใช่ม่านรูด คอนโดเราเอง”
เธอเอียงคอ
“ทำไมพาแพมมาคอนโด”
“ก็เธอไม่ยอมบอกว่าคอนโดเธออยู่ไหน”
“จะฟ้องแม่” ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ริมฝีปากกำลังเบะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอช้อนตามองเขาบ้าง
แพมมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
มันหล่อเหมือนรูปสลัก -- ดูดีเสียจนเธอไม่คิดว่านี่คือใบหน้าของมนุษย์จริงๆ น่ะหรือ
สองมือของแพมยกขึ้นจับใบหน้าของเขา ขณะที่แขนของเขายังจัดการดึง Safety Belt ให้กลับเข้าไปสู่ที่เก็บของมันอย่างเบามือที่สุด
แพมได้ยินเสียงเพลงของ Cigarettes after Sex ที่เธอจำได้ทันทีจากเสียงเบสทุ้มๆ อันเป็นเอกลักษณ์ กับเสียงนักร้องที่ชวนให้แสงไฟสลัวของลานจอดรถเริ่มต้นมืดลงราวเวทมนต์
ดวงตากลมมองไปทั่วใบหน้าหล่อ ก่อนเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว เมื่อสติเริ่มต้นค่อยๆ หายไปทุกขณะ
“แพมไม่เคยจูบเลย”
เธอมองเห็นเขายิ้ม
ภาพค่อยๆ เบลอและกระโดดไปมา -- ทว่าเสียงของเขากลับชัดเจนพอๆ กับความโหวงในท้องน้อย เมื่อมือของเขากำลังไล้เข้ามาใต้เสื้อสายเดี่ยวของเธออย่างถือวิสาสะ
“อยากลองปะล่ะ” เขากระซิบ เสียงลมหายใจดังอยู่ข้างหูขณะที่มือของแพมเริ่มต้นล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาบ้าง
“อื้อ”
จูบของเราเริ่มต้นขึ้นเมื่อชายตรงหน้าประทับเรียวปากอิ่มลงบนปากบางของเธอ -- เธอลังเลชั่วครู่ เมื่อจูบของเขาไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่เราสองคนประทับปากเข้าหากันเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเริ่มต้นรุดเข้ามามอบความหอมหวานและรสขมๆ ให้กับโพรงปากของแพม
แพมไม่ได้ใสขนาดที่จะไม่เคยดูฉากจูบในหนังฝรั่ง ดังนั้นหลังจากที่เธอลังเลชั่วครู่ แพมก็จัดการจูบตอบเขาได้ในที่สุด
เราสองคนผละออกจากกัน ผู้ชายคนนั้นจัดการยื่นขวดว้อดก้าที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยให้แพมดื่ม
“กินมั้ย?” เขาถาม เธอพยักหน้าพร้อมรับมาอย่างว่าง่าย ดื่มได้สองสามอึกก็ให้เขาจัดการที่เหลือ
จูบร้อนระหว่างเราเริ่มต้นอีกครั้ง เรียกสัมผัสบางที่แปลกใหม่ให้กับห้วงความรู้สึกของแพม
สองมือน้อยยกขึ้นแนบแก้มของเขาไว้ ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นก้าวข้ามมาอยู่ที่เบาะของเธอ พร้อมกับกดเอนเบาะให้เราสองคนได้ลงไปนอนราบ
มือใหญ่ของเขาร้อนราวกับเป็นไฟอุ่นๆ โดยเฉพาะเมื่อมันลากไล้ผ่านหน้าท้องภายใต้เสื้อสายเดี่ยวตัวโคร่ง -- เธอรับรู้ได้ว่าเรียวปากของเขากำลังมอบจูบให้ไปทั่วนวลแก้มและลำคอ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายกระซิบถาม “ไปต่อบนห้องมั้ย?”
แพมปรือตามองใบหน้ารูปสลักตรงหน้า
เธอพยักหน้า ก่อนปล่อยให้เขาเป็นคนอุ้มเธอขึ้นห้องในอีกวินาทีต่อมาในที่สุด
Found You
ทันทีที่ประตูบานใหญ่ของห้องปิดลง เราสองคนก็มอบจูบให้กันและกันอีกครั้ง แพมรับรู้ได้ว่าเธอถูกเขาอุ้มเข้าเอวทั้งๆ ที่ยังจูบกันไม่ปล่อย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ้าปูที่นอนสีอะไร
เสื้อสายเดีี่ยวสีดำถูกถอดออกไปในที่สุด ผู้ชายคนนั้นจัดการมอบจูบให้กับเนินอกของเธออย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน สองมือของเขาช้อนหลังของเธอขึ้นมาขณะโอบรัดให้เราสองคนกอดกันแนบชิด แล้วเอ่ยกระซิบขออนุญาต
“ถอดได้มั้ยครับ?”
แพมมองหน้าเขา
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาคุ้นเคยอย่างที่แพมบอกไม่ถูกว่าเคยเห็นจากไหนมาก่อน แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากที่สุดบนใบหน้าหล่อนั้นคงหนีไม่พ้นเรียวปากอิ่มที่ทุกครั้งที่แพมมองเห็นกลับกลายเป็นว่าเธอรู้สึกราวกับมันกำลังเชื้อเชิญให้เธอมอบจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักพอ
นั่นทำให้แพมพยักหน้า
เกาะอกสีดำถูกถอดออกไปพ้นตัวแล้ว เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ตอนนี้ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไว้ด้วยเพียงชั้นในลูกไม้สีดำตัวสวยเท่านั้น ชายตรงหน้าถอดเสื้อ เผยร่างกายชวนมองให้เธอเห็นภายใต้ความมืดตรงหน้า ก่อนที่จูบร้อนของเขาจะค่อยๆ ทวีความรุนแรง เรียกให้แพมทำตามสัญชาตญานที่เธอไม่เคยได้รู้จัก
เธอแรับสัมผัสนั้น ขณะที่เขาเองก็ค่อยๆ ไล้ใบหน้าลงมาตามหน้าท้อง จรดจนเล่นซนอยู่เบื้องบนชั้นในสีดำ
มันเป็นเรื่องน่าอายที่สุดเท่าที่ชีวิต 27 ปีของแพมจะเคยได้สัมผัส แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกลับกำลังเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งจิกมือทั้งสองข้างลงบนผ้าปูที่นอนของเขาเสียอย่างนั้น
สัมผัสแปลกประหลาดเรียกให้น้ำใสเอ่อคลอในดวงตาของเธอจากความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย เท้าสองข้างจิกลงกับผ้าปูที่นอน เธอส่งเสียงน่าอายออกมาในที่สุด รับรู้ได้ว่าบัดนี้เขากำลังกลับขึ้นมามอบจูบให้กันอีกครั้ง
มือข้างหนึ่งของแพมเลื่อนลงไปสัมผัสกับกางเกงของเขา -- พบว่าบัดนี้มันเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวเดียวเท่านั้น
“จะถอดหรอ?” เขากระซิบถาม
“ได้มั้ย?” เธอตอบ
“จะถอดให้เรามั้ยล่ะ”
ใบหน้าของเธอร้อนผะผ่าว ไม่รู้ด้วยเพราะฤทธิ์เหล้าหรือแรงอารมณ์กันแน่ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความกระดากอายที่บัดนี้ไม่มีเหลืออย่างแน่นอน
สุดท้ายเขาก็เป็นคนถอดเองนั่นแหละ
มือใหญ่จัดการจับมือน้อยให้สัมผัสกับตัวตนที่เคยถูกปกปิดของเขา เราสองคนสบตากันขณะที่มือน้อยทำท่าจะชักหนีเมื่อมันโดนเข้ากับสิ่งนั้นของเขาเข้าจริงๆ
แพมเบิกตากว้าง ส่วนเขาก็หัวเราะ
“ไม่เคยใช่ปะ?”
แพมส่ายหน้า
“ทำแบบนี้” มือใหญ่จัดการสอนอย่างที่พูด ขณะที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังเล่นซนกับเธอเช่นเดียวกัน
แพมปรือตา
ภาพเขากำลังหลับตากำลังค่อยๆ จางลงไปด้วยหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตาของเธอ เช่นเดียวกันกับที่หูเริ่มต้นอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงครางต่ำๆ ของเขาด้วยซ้ำ
แพมรับรู้ได้ว่าผีเสื้อกำลังบินว่อนทั่วหน้าท้องของเธอ ก่อนที่ทุกการกระทำของเขาจะหยุดลง เมื่อเสียงกระซิบของเขาเอ่ยขึ้นข้างหู “ไม่ไหวแล้วว่ะ ขอเข้าเลยได้มั้ย”
“…”
แพมไม่ได้ตอบ เขาเองก็คงคิดว่าเธออนุญาต
ทว่าเขากลับไม่ได้กระทำอย่างที่ว่าในทันที เจ้าของร่างสูงจัดการเอื้อมมือไปยังหัวเตียง ทำท่าเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง แต่กลับเอ่ยสบถออกมาแทน
“Shit”
“อะไร” แพมถามเบาๆ
“มันหมดว่ะ” เขาหันมาตอบ
แล้วเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้มือเล็กๆ จัดการกระชากให้แขนของเขาเข้ามาหากัน พร้อมมอบจูบให้เขาอีกครั้งหนึ่ง
เราจูบกันไปซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งเขากระซิบถามอีกรอบหนึ่ง “ไม่ไหวแล้ว.. ไม่ไหวแล้วจริงๆ นะ”
“อื้อ..”
“เอาไง”
“ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
ราวกับนั่นคือคำอนุญาต
แพมรับรู้ได้ว่าสัมผัสบางอย่างรุดเข้ามายังเบื้องล่าง เรียกเสียงร้องเบาๆ ให้ดังไปทั่วห้องพักของชายแปลกหน้า
“เจ็บหรอ?” เขาถาม
“เจ็บ”
“จะให้หยุดมั้ย”
“ไม่.. ไม่เอา”
สองมือของเธอจิกไปทั่วแผ่นหลังของเขาไปหมด -- โดยที่ไม่นึกรู้สึกผิดสักนิดว่าอาจทำให้เขาเจ็บได้
แต่ในเมื่อเธอเองก็เจ็บเหมือนกัน
กลับกลายเป็นว่าไม่นานเราสองคนต่างคนต่างส่งเสียงไปทัั่วห้องไปหมด โดยที่เราต่างคนต่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร
เขาช้อนตัวแพมขึ้นมากอดรัดไว้แน่น เราทั้งสองคนมอบจังหวะแห่งความปรารถนาให้สลับกับส่งเสียงไปทั่วห้องใหญ่ ก่อนที่ชายแปลกหน้าคนนั้นจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำพูดในที่สุด
“เธอ.. แม่งโคตรดีเลยว่ะ”
“อื้อ..”
“เราชื่อเจฟ... เรียกเราหน่อยดิ”
“เจฟ..”
“เธอชื่อแพมใช่มั้ย..”
“อื้อ”
อันที่จริงคนอย่างแพมควรจะต้องกังวลกับร้อยแปดสิ่งที่กำลังจะตามมาด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องท้องทั้งโรคติดต่อสารพัดที่อาจเกิดขึ้นจากความมักง่ายในครั้งนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไม่เอ่ยปากให้เขาหยุด ซ้ำยังเอาแต่เร่งให้เขาเร็วขึ้นด้วยซ้ำ
เราสองคนกอดกันแน่นอย่างที่ไม่ควรจะทำ
“เธอ.. ไม่ไหวแล้ว” เขาว่า
แพมไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
แต่กลับกลายเป็นว่าร่างกายของเธอกำลังเย็นวาบราวถูกสาดไปด้วยน้ำแข็ง -- แพมได้ยินเสียงของตัวเองร้องประสานกับเสียงของเขา ตามมาด้วยสัมผัสแปลกประหลาดที่อุ่นวาบเข้ามาในร่างกายของตัวเอง พร้อมกันกับเสียงสบถของเขาที่ดังขึ้นตอนนั้น
“ชิบหาย” เขาว่า “ลืมเอาออกว่ะ ขอโทษ”
เธอปรือตามอง
“ชิบหาย.. ทำไงดีวะเธอ”
…เอาอีก
เสียงในหัวของแพมดังชัด
เธอไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทิ้งตัวลงนอน พร้อมกับรั้งต้นคอของเขาให้เข้ามาหากัน พร้อมมอบจูบร้อนให้กันอีกครั้ง
เราผลัดกันเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยที่ไม่เคยแนะนำตัวให้ได้รู้จักกันดีๆ ด้วยซ้ำแม้แต่ครั้งเดียว
Found You
แพมไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ที่เป็นตัวปลุกให้เธอลืมตาตื่นขึ้นในยามสาย
แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่าน ความปวดเมื่อยไปทั่วกาย หรือเสียงคนคุยโทรศัพท์ในห้องกันแน่
“โจ คือกูไม่ได้ตั้งใจ ไอ้สัส”
หนวกหู..
“มึงจะให้กูทำยังไงล่ะวะ ก็กูทำไปแล้วไอ้เหี้ย”
หนวกหูมาก..
“ยัง ยังไม่ตื่น แต่..”
“เงียบๆ ได้มั้ยอะ” เธอรวบรวมแรงทั้งหมดเอ่ยขึ้นขัดในทันที
แต่คงคิดผิด
เพราะพอเอ่ยคำพูดออกไปปุ๊บ แพมก็พอจะสัมผัสได้ว่าลำคอแห้งผาก เธอหลับตาแน่นอีกครั้ง นึกประหลาดในหัวใจว่าตอนนี้เธออยู่ห้องตัวเองหรือบ้านแน็ตกันแน่ถึงได้มีเสียงคนคุยโทรศัพท์ชวนให้ปวดหัวแบบนี้
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น
..เพดานไม่คุ้น ห้องอีแน็ตต้องมีดาวติดดิ
ห้วงความคิดแล่นวาบเข้ามาในทันที ก่อนที่เธอจะจัดการค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ตอนนั้นเองที่หัวใจของแพมหล่นวูบ
หนึ่งคือเธอปวดไปทั้งตัว
สองคือ..
ไอ้สัส ทำไมโป๊วะ..
สองคือเธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตัวเองไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนตัวสักชิ้น
ส่วนสาม..
ผู้ชายแปลกหน้าที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของเสียงอันน่าหนวกหูกำลังยืนหน้าโง่อยู่ที่ปลายเตียง -- กายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปิดอยู่เท่านั้น
ชายคนนั้นเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อ -- ริมฝีปากอิ่ม ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งๆ ตาตี่ๆ ที่มองไกลๆ ก็พอจะรู้ว่าเป็นสีน้ำตาลเข้มในยามที่มันต้องกับแสงอาทิตย์
สิ่งนั้นเองที่เรียกความทรงจำให้ค่อยๆ เข้ามาประติดประต่อในหัวของแพม
เธอมองเห็นดวงตาของเขาเบิกกว้าง โทรศัพท์ราคาแพงของเขาถูกวางลงบนโต๊ะที่ไม่ไกลกันนักโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะเอ่ยคำบอกลากับคู่สนธนา
สองขาของเขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างเก้ๆ กังๆ ขณะที่สองมือยกขึ้นราวผู้ร้ายกำลังจะมอบตัว หรือไม่ก็ผู้ฝึกแร็พเตอร์ในจูราสิคพาร์ค
…ไอ้ชิบหาย
“เธอ.. ใจเย็นๆ นะ”
ดวงตากลมของแพมมองเห็นตาตี่ๆ ของเขากำลังมองมายังเธอ -- ตอนนั้นเองที่สติเริ่มต้นกลับเข้ามาในห้วงความรู้สึก
แพมกรี๊ดลั่น
เขาเองก็กรี๊ดตามเช่นกัน
เราสองคนผลัดกันกรี๊ด แถมกรี๊ดลั่นกว่าเดิมเมื่อผ้าขนหนูของเขาหลุดออกจากเอว
ทุกอย่างกำลังบอกว่า แพมเพิ่งนอนกับคนแปลกหน้าจริงๆ !!!!!
Found You
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in