Control Z ซีรีส์สัญชาติเม็กซิโกที่ถูกปล่อยให้รับชมผ่านทาง Netflix อย่างสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว (พฤษภาคม) ก็เป็นซีรีส์วัยรุ่นอีกเรื่องหนึ่งสำหรับคนที่อยากจะฟังภาษาสเปน (แบบเรา) ตัวซีรีส์ตอนนี้ที่เพิ่งปล่อยมาล่าสุดเพิ่งมีเพียงแค่ซีซันเดียวเท่านั้น และมีแค่ 8 อีพี อีพีละ 30 นาทีกว่า ๆ บวกลบแล้วไม่เกิน 40 นาที เรียกได้ว่าถ้าอยากปั่นดูให้จบภายในวันเดียวจุก ๆ ก็ย่อมทำได้ โดยที่ไม่ได้ลำบากอะไรเลย
ตัวเรื่องเปิดมาอีพีแรกนำโดยนางเอกของเราก่อน Sofía Herrera (Ana Valeria Becerril) เป็นหญิงสาวมัธยมปลายท่าทางเซื่องซึม หน้าตาเบื่อโลกหน่อย ๆ กำลังเดินไปที่ประตูโรงเรียน ก่อนที่กล้องจะแพลนไปที่เด็กนักเรียนจำนวนมากในโรงเรียนที่พากันก้มหน้าเล่นโทรศัพท์บ้าง คุยเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่แทบทุกคนที่ถูกโฟกัสต่างก็มีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือกันทั้งนั้น จน เออ เราเริ่มเดาได้ละ ว่าเรื่องนี้ต้องมีประเด็นที่สื่อถึง Social Media แน่นอน เหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และมีการแนะนำตัวละครเพิ่มเติมอีกหลายตัว และซีรีส์ยังแสดงให้เห้นว่านางเอกนั้นมีความสามารถในการ "อนุมาน" ที่เริ่ดเป็นพิเศษยิ่งกว่า Sherlock Holmes ซะอีก อารมณ์แบบ สมมติมีใครสักคนที่ปากมันแผล็บเดินมาหา โซเฟียนางก็จะตอบได้เลยว่า คนเนี้ยเค้าไปกินไก่ทอดมานะ เพราะปากมีคราบน้ำมันเต็มไปหมดเลย ประมาณนี้ 55555555 เรียกได้ว่าแอบเวอร์เบา ๆ นะ เพราะนางเดาเก่งสุด ๆ อะ เดาแบบเก่งเกิ๊น
จากนั้นก็มีนักเรียนใหม่เข้ามาแนะนำตัวในคาบแรก มีชื่อว่า Javier Williams (Michael Ronda) เป็นฟีลแบบ คนให้ความสนใจหน่อย celeb ๆ เพราะพ่อนางค่อนข้างมีชื่อเสียง เคยเป็นนักฟุตบอลดังงี้มาก่อน แล้วก็ตามสูตร นางรีบเข้ามาผูกมิตรกับโซเฟียทันที ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ แรก ๆ โซเฟียก็ไม่ได้ดูใส่ใจอะไรขนาดนั้น แต่นางก็ตามติดโซเฟียอยู่บ่อย ๆ ก็เลยมาเป็นเพื่อนกันจนได้ (ที่ตอนหลังจะแอบ ๆ พัฒนาไปเป็นอย่างอื่น)
พอตกบ่าย ๆ เย็น ๆ นักเรียนทุกคนก็โดนครูใหญ่ Miguel Quintanilla (Rodrigo Cachero) เรียกประชุมรวม เดาได้ไม่ยากว่าพ่อหนุ่ม Javier (จริง ๆ อยากจะพิมพ์ภาษาไทย แต่ไม่แน่ใจว่าเขียนยังไง เดาว่าคงเป็น ฆาเวียร์ แบบนี้มั้งนะ) ก็จงใจเลือกนั่งข้างโซเฟียไปตามระเบียบ แม้จะมีเพื่อนกลุ่มไหนมาผูกมิตรก็ไม่แคร์ เพราะใจมีแต่โซเฟียจริง ๆ อะค่ะ พอประชุมไปสักพัก ครูใหญ่ก็พูดเรื่องปัญหาการติดโทรศัพท์ ติดโซเชียลของนักเรียน ว่าเนี่ย มันไม่ดีนะ บลา ๆๆ เดี๋ยวจะเปิดวิดีโอสอนมาตรการงดโทรศัพท์ (หรือคลิปอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ลืม 5555555 เอาเป็นว่าเค้าไม่อยากให้เด็กติดโซเชียล ติดโทรศัพท์อะ) ให้ดูนะจ๊ะเด็ก ๆ พอครูใหญ่ส่งสัญญาณให้ผู้ชายที่เป็นฝ่ายไอทีของโรงเรียนชื่อ Bruno (Mauro Sánchez Navarro) เปิดวิดีโอปุ๊บ -- สิ่งที่ครูใหญ่คาดหวังว่าจะได้เห็น กลับไม่ออกมาดังคาด
วิดีโอที่ถูกเปิดออกมา ดันกลายเป็นคลิปวิดีโอแหกนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียนที่ชื่อ Isabela de la fuente (Zión Moreno) แฟนสาวสุดที่รักของ Pablo García (Andrés Baida) ว่าจริง ๆ แล้วเธอนั้นเป็น transgender (คนข้ามเพศ) เรียกง่าย ๆ ก็คือเธอเคยเป็นผู้ชายมาก่อนอะแหละ แต่ตอนนี้ผ่าแล้ว (เดาว่างั้นนะ เพราะไม่งั้นพาโบลคงรู้ไปนานแล้ว แถมยังใช้คำว่าทรานส์อีก ตรงนี้ไม่แน่ใจจริง ๆ ค่ะ) ทำเอาคนทั้ง hall แตกตื่นกันเป็นแถบ อิซาเบลล่าช็อก พาโบลก็ช็อก ทุกคนช็อกจ้า แล้วเด็กในหอประชุมก็วิ่งหนีออกจากงานกันตาแตกไปเลย
เหตุการณ์อันน่าตื่นตกใจนี้มีชื่อเสีย(ง) โด่งดังลามไปทั่วโรงเรียน ต้นเหตุของเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก account แอคหนึ่งที่จงใจเปิดบัญชีมาเพื่อใช้ แฉ ความลับของคนในโรงเรียนนี้โดยเฉพาะ โดยไม่ได้หยุดอยู่แค่ความลับของอิซาเบลล่าแค่คนเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงคนอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งสร้างทั้งความหวาดกลัวและความอับอายให้ใครหลาย ๆ คนเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้คงจะไม่น่าตกใจและน่าสั่นกลัวสำหรับโซเฟียเท่าไหร่นัก ถ้าไอ้เจ้าแอคแหกเรื่องชาวบ้านนี่ ไม่ได้ดันส่งข้อความมาหาเธอว่า มันก็จะแฉความลับของเธอด้วยเช่นกัน ทำเอาโซเฟียถึงกับเครียดและแอบกำหมัดเบา ๆ ประจวบเหมาะเจาะกับที่มีเพื่อนในห้องคนหนึ่งที่ชื่อ Raúl León (Yankel Stevan) ลูกนักการเมืองชื่อดังที่เพิ่งโดนโพสต์คลิปแหกว่าพ่อของเจ้าตัวน่ะเป็นไอ้คนโกงกิน! มาขอความช่วยเหลือกับโซเฟีย ว่าให้ช่วยตามหายอดนักแฉคนนี้ให้ที ผลสรุปคือ เรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น โดยการที่โซเฟียต้องสืบหาตัวแอคแหกนี้ให้จงได้ โดยมี Javier กับราอูลมาคอยช่วยเหลือ (และชิงดีชิงเด่นกันแย่งโซเฟีย) เพื่อสวัสดิภาพของเพื่อน ๆ ร่วมห้องและร่วมโรงเรียน รวมถึงความลับของตัวเธอเอง ที่แน่นอนว่าโซเฟียก็ไม่อยากให้มันถูกแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน เธอจึงตัดสินใจตามหาตัว hacker คนนี้ทันที
ซ้ายสุด : ราอูล, ตรงกลาง : ไม่ทราบ, ขวามือ :
Natalia Alexander (Macarena García Romero) เป็นพี่น้องกับ
María Alexander (Fiona Paloma)
และเพื่อนของอิซาเบลล่า
มาพูดถึงข้อดีของซีรีส์กันก่อนดีกว่า ประการแรกเลย คือ ตัวซีรีส์มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ แบบสะดุดตาตั้งแต่เห็นเรื่องย่อเลยอะ และดำเนินเรื่องได้สนุก มาก ๆๆๆๆ แบบสำหรับเรานะ อันนี้คือไม่ได้อวยเลยกับการดำเนินเรื่อง คือต้องชม ว่าเดินเรื่องสนุกมากจริง ๆ ดูแล้วตื่นเต้น ลุ้นกับตัวละครไปด้วย ใครใคร่จะเดาก็เดาได้อย่างสนุกสนานแน่นอน ไม่มีจุดให้ง่วงเลยแม้แต่จุดเดียว อารมณ์เหมือนดูซีรีส์สืบสวน แต่เปลี่ยนจากมีคนตาย เป็นคนโดนแฉความลับผ่านทางโซเชียลแทนอะ แล้วก็ไม่มีปมไหนที่ยังไม่เคลียร์นะ คิดว่า คือตัวซีรีส์มันก็ให้ clue กับเรามาตั้งแต่ตอนประมาณอีพีก่อนสุดท้ายละ พออีพี 8 ปุ๊บก็เคลียร์เลย โล่งใจ แต่ยังไม่รู้อะดิว่ามันจะเอาปมไหนไปเล่นในซีซัน 2 ได้อีก ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ
ประการที่สอง ซีรีส์ดูสะท้อนสังคมวัยรุ่นสมัยนี้ดี ถ้าลองตัดประเด็นที่ว่าคนเราแฮ็กข้อมูลชาวบ้านได้ครอบคลุม และลึกมากกกกขนาดนั้นได้ยังไง (วะ) ก็ยังมีประเด็นต่าง ๆ ที่ค่อนข้างใกล้ตัววัยรุ่นอย่างเรา ๆ อยู่หลายอย่าง เช่น เรื่องการเป็นชู้ เซ็กส์ (ลืมเตือนไปเลยว่าเรื่องนี้มีฉากเซ็กส์ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน แถมเห็นชัดด้วย ถ้าเทียบกับซีรีส์สเปนด้วยกันอาจไม่เยอะถึงขั้นเรื่อง Élite ((มั้ง)) แต่ก็ใช้ได้อยู่ คนไหนที่ต้องเปิดทีวีแล้วเขินพ่อแม่ก็ระวังด้วยคร้าฟ 55555555) LGBTQ+ ยาเสพติด การโดน bully ที่ก่อความเจ็บปวดทั้งทางจิตใจและทางร่างกาย เป็นต้น แต่สิ่งที่ดูจะเห็นชัดที่สุด ก็คงจะเป็นผลด้านลบของโซเชียลมีเดียอะ แบบเห็นได้ชัด ชัด เลย ว่าเรื่องนี้จงใจสะท้อนตัวอย่างในการใช้โซเชียลในทางที่ิผิด ๆ จนสร้างความเดือดร้อนไปทั่วน่ะแหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in