02
รถไฟไทยเป็นรถไฟที่ตรงเวลามาก
สอบเสร็จแล้วต่างคนต่างรีบวิ่งกลับหอไปเปลี่ยนชุดแบกสัมภาระแล้วมาเจอกันที่คิวรถตู้หน้ามหาวิทยาลัย ตอนรถตู้ออกมันก็เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วอ่ะ ทุกคนก็แบบฉันต้องไปขึ้นรถไฟตอนบ่ายโมงสี่สิบห้า ตั๋วรถไฟก็ยังไม่มีพวกเราผลัดกันโทรหารถไฟไทย ว่าบัตรเหลือกี่ที่แล้วคะ จนรถไฟไทยจำชื่อเราได้(มึงจะโทรมาทำอะไรกันนักหนาอีเด็กพวกนี้!)
ลงรถตู้ต่อแท็กซี่
ลงแท็กซี่ ต่อMRTไปหัวลำโพง
ไปถึงหัวลำโพงตอนบ่ายโมงสี่สิบเจ็ดนาที วิ่งด้วยความเร็วแสงไปถึงตู้รับตั๋วพร้อมกับบัตรประชาชนของเพื่อนๆทุกคนในมือของเราและบิ๊กซีเราก็ต้องพบกับความตกตะลึงสองครั้งด้วยกัน
ครั้งแรกคือ รถไฟออกไปแล้วนะคะ
ครั้งที่สองคือตั๋วก็หมดแล้วด้วยค่ะ
- ผ่าง -
กูวิ่งเพื่อใคร พวกกูรีบเพื่อใคร พวกกูรีบไปทำไม โว้ยยยยยยยยยยยย!!!
เดินกลับมาหาเพื่อนๆที่เพิ่งวิ่งมาถึงพร้อมบอกกับทุกคนแบบที่ตัวเองโดนมา
พวกเราทุกคนเลยตัดสินใจเอาว่าเดี๋ยวไปรถไฟรอบสี่ทุ่มแล้วกัน ถึงเชียงใหม่เที่ยงๆ ไม่รีบหรอก ไม่แพงด้วยก็เลยเดินไปซื้อตั๋วกัน เสียเงินกันไปคนละ 271 บาทถ้วนพร้อมกับทำใจว่าเราคงต้องนั่งรอรถไฟอีกขบวนตั้งนาน แต่คราวนี้เราจะไม่พลาดแล้ว
รถไฟไทยตรงเวลามากเราจะขึ้นก่อนรถออก เราจะไม่ตกรถไฟอีก
/ก้มหน้าลงมองตั๋วรถไฟในมือด้วยสายตามุ่งมั่นที่สุด
เมื่อเวลาสำคัญมาถึงพวกเราเตรียมตัวกันอย่างดี เข้าห้องน้ำเรียบร้อย เช็คของเรียบร้อยพอสถานีประกาศว่ารถไฟขบวนของพวกเรา(ที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในอีก14ชั่วโมงข้างหน้า)ได้จอดเทียบสถานีแล้วมีหรือพวกเราจะรอช้า รีบไปขึ้นเลยจ้า บอกแล้วไง ตรงเวลาขนาดนี้เราจะไม่ยอมตกรถแน่ๆ
บนรถไฟมีคนไม่เยอะมากนั่งสบายๆ ทุกคนดูเตรียมพร้อมที่จะเดินทาง และ...หลับ
เดอะแก๊ง
อากาศในประเทศกรุงเทพนี่มันร้อนอบอ้าวจริงๆนะแบบร้อนมาก จะร้อนอะไรขนาดนั้น รถไฟออกจากสถานีได้ตรงเวลาเป๊ะ(ไม่ได้ประชดนะพูดจริงๆ) เวลาผ่านไปไม่นาน ก็สลบกันหมดทุกคน
เอวัง
เจอกันตอนตื่นแล้วกันกูง่วง
ตื่นเช้ามาก็พบว่าตัวเองอยู่แพร่ จังหวัดแพร่!
โอ้ มาย กอชทำไมรถไฟวิ่งเร็วขนาดนี้ (ป่าว มึงอ่ะหลับเป็นตาย ใครปลุกก็ไม่ตื่น)
สิ่งเดียวที่พอจะกันหนาวได้คือ "ถุงเท้า"
สิ่งแรกที่ร่างกายสัมผัสได้ก็คือความหนาวเหน็บ ที่อยู่รอบๆตัวเรา แม่งหนาวฉิบหายหนาวจนรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาสักตัว (ลืมบอกไป ที่หอไม่มีเสื้อกันหนาวพอมากรุงเทพก็ลืมบอกให้แม่เอามาให้ที่หัวลำโพงอีก โง่จริงๆ)มันหนาวจนรับรู้ได้ว่าทริปนี้กูต้องคุ้มแหละนี่ขนาดอยู่บนพื้นไม่ใช่บนดอยยังเย็นขนาดนี้ พูดไปแล้วก็ดีใจจริงๆคิดไม่ผิดเลยที่มาเที่ยวเชียงใหม่ ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่นั้นตัดภาพไปที่นอกหน้าต่างแล้วถึงกับสะพรึง
หมอก!!!
หมอกครับท่านผู้ชม!!!
ไม่ใช่หมอกแบบสายหมอกอ่อนโยนเหมือนหมอกจางๆหรือควันแต่แม่งเป็นหมอกแบบ TheMist อ่ะ!!! (ถ้าใครงง ให้เอาThe mist ไปเสิร์ชลองหาดูพวกตัวอย่างหนังนะคะ แล้วจะเข้าใจ) หมอกหนามากหนาจนนึกถึงหนังเรื่องนี้ แอบพูดกับเพื่อนว่านี่กูจะโดนสัตว์ประหลาดจับไปกินหรือเปล่าวะเนี่ยเป็นภาพที่สวยงามและน่ารำคาญในเวลาเดียวกันเกิดมาไม่เคยเห็นหมอกอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็ทำให้เรามองไม่เห็นอะไรข้างทางเลยคือบางทีกูก็อยากถ่ายรูปชิคๆมั้ย ว่าถึงแพร่แล้ว พอ พอกันที หมดสิทธิ์
สถานีระหว่างทาง
เช้าวันนั้นทุกๆคนกินข้าวกันบนรถไฟพอกินเสร็จจะรออะไรล่ะ... หลับต่อ
(ใครไม่หลับไม่รู้แต่ที่รู้ๆกูหลับ 5555)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in