“ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน”
คุณถามผมขณะที่นั่งอยู่ด้วยกันในมุมโปรดของเรา มือข้างหนึ่งของคุณมีแก้วชาร้อน ส่วนมืออีกข้าง…มันอยู่ในมือของผม
“ผมอาจจะอยู่มานาน…” ผมตอบคุณ เว้นช่วงไปเล็กน้อย แล้วยิ้มให้คุณเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มที่คุณบอกว่ามันน่าหมั่นไส้นักหนา ก่อนจะเอ่ยต่อ “และอาจจะฉลาดกว่าพวกสมองนิ่มบางคน แต่ผมก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องนี่นา”
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้กลับมาคือกำปั้นของคุณที่ชกเข้ามาอย่างจังกับอก
“จ้า พ่อคนเก่ง”
คุณว่าแบบนั้น เอนอิงศีรษะและลำตัวเข้ามาหาผมมากขึ้น และมันคงเป็นความเคยชินไปแล้ว ที่สองแขนของผมจะโอบรอบคุณโดยอัตโนมัติ
คุณเคยบอกว่าตัวผมเย็น เย็นเกินคนปกติธรรมดา ก่อนที่คุณจะเงียบไปแล้วหัวเราะออกมา คุณบอกว่าคุณลืมลืมไปว่าผมไม่ใช่
ชั่วครู่หนึ่งผมเกิดเจ็บแปลบขึ้นมาในอก—อาจเพราะหัวใจสองดวงทำให้ผมเจ็บปวดมากขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
แล้วก็อีกนั่นแหละ คุณ—เป็นคุณที่ดูออกว่าผมรู้สึกอย่างไร คุณกอดผม
กอดที่ทั้งแน่นและอุ่น พร้อมกับบอกผมว่าไม่เป็นไร ตัวคุณร้อน ตัวผมเย็นเดี๋ยวมันก็พอดีเอง
และมันเป็นเช่นนั้น
คุณอุ่น—อุ่นเหมือนดวงตะวัน แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกร้อนเหมือนโดนไฟแผดเผา ราวกับแสงแดดอ่อนในยามเช้าและช็อกโกแลตร้อนในฤดูหนาว
“ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้วคุณจะทำยังไง”
คุณถามผมสองครั้งตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ครั้งแรกในขณะที่ผมเฝ้าไข้คุณ ครั้งต่อมาเป็นขณะที่เรานั่งอยู่ด้วยกันที่หน้าเตาผิง ผมจำได้ว่าครั้งนั้นผมถึงกับถือแก้วชาค้างไว้อยู่นาน มือข้างที่เล่นผมของคุณอยู่ก็หยุดลงเช่นกัน
ผมคงไม่พูดว่าเหมือนเวลาหยุดลง
เวลาไม่มีวันหยุด
และมันไม่—
“ผมคงออกเดินทางไปเรื่อยๆล่ะมั้ง…” ผมตอบคุณไปแบบนั้น แต่ผมตอบคุณไปไม่หมด
ผมคงออกเดินทางไปเรื่อยๆแต่คงไม่กลับมาที่โลกอีกต่อไปแล้ว
คุณพยักหน้า วางแก้วชาร้อนของคุณลงกับโต๊ะเล็กๆข้างเรา พร้อมกับนำแก้วของผมไปวางด้วย
สองมือของคุณดึงกระชับผ้าห่มสีอ่อนขึ้นมาคลุมตัว แนบอิงศีรษะเข้ากับอกของผม
เป็นตอนนี้เองที่ผมคิดว่าอยากให้เวลาหยุดลง
หยุดลงแค่ตรงนี้...ตอนที่มีเรา
“ดีแล้ว… คุณอยู่ได้ก็ดีแล้ว"
คุณว่าแค่นั้นสองแขนกอดผมไว้แน่น ใบหน้าแนบกับอกของผม จนผมกลัวว่าคุณจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นจนแทบจะทะลุออกมา
อันที่จริงมันก็ไม่เชิงว่าผมจะอยู่ได้หรอก
ผมเพียงแต่ต้องก้าวต่อไปเท่านั้นเอง ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากนั้นอีกแล้ว
แม้กระทั่งจะเหนี่ยวรั้งคุณไว้
หากว่าวันหนึ่งวันใดคุณไม่ต้องการอยู่กับผมอีกต่อไปแล้ว ผมก็ต้องปล่อยคุณไป
หรือหากวันใดเวลาของคุณมาถึง ผมก็ไม่อาจฉุดรั้งคุณไว้ได้เช่นกัน
เวลา…
เวลาไม่—
“ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน”
ผมมาหวนนึกถึงคำถามนี้ของคุณอีกครั้งในระหว่างที่ผมอยู่ใน “ฝันร้าย”ของผมเอง ระยะเวลาที่ผมอยู่ในนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมนึกถึงมัน
แต่เป็นคุณ — คุณที่ผมใช้เหนี่ยวรั้งตัวตนของผมไว้เสมอมา
เวลาไม่มีความหมายกับผมมานานแล้ว ถึงแม้ว่าโดยธรรมชาติผมจะสามารถรับรู้ถึงการไหลผ่านของเวลาได้ก็ตาม
เวลาไม่ได้เนิ่นนานเท่าไรนักถ้าเทียบกันกับในความรู้สึกของผม
ความทรงจำของเราและการจากไปของคุณกลับทำให้ผมรู้สึกราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์
มันทั้งขมขื่นและหอมหวานในเวลาเดียวกัน
มันให้ความหวังกับผม ให้ความหวังที่จะได้พบคุณอีก ความหวังที่เราจะเป็นเหมือนอย่างเดิมในสถานที่ที่มีเพียงเรา กระนั้นผมก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าคุณไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ (และไม่ว่าโลกไหนๆ) ในช่วงเวลาของผมอีกต่อไปแล้ว
ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน?
นานเท่าที่ความทรงจำของบุคคลหนึ่งจะสามารถจดจำไว้ได้กระมัง
เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง
เวลาไม่—
ทุกอย่างมีค่าและราคาของมัน กระนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ผมพร้อมจะจ่าย
เสี้ยววินาทีมีค่ามหาศาลสำหรับผม เสี้ยววินาทีก่อนคุณจะเหลือไว้เพียงแต่ชื่อ เหลือไว้เพียงแต่ความทรงจำ
เสี้ยววินาทีนั้นผมช่วงชิงมันมา
เพียงแค่นี้ก็คุ้มค่า
ไม่มีสิ่งใดในจักรวาลจะมีค่ากับผมไปกว่าคุณอีกแล้ว
ผมจ่ายการช่วงชิงเวลาในครั้งนี้ด้วยคำว่าเรา
ถ้าพูดให้ถูกผมแลกด้วยการจากลาระหว่างเรา
ไม่มีอีกแล้ว ความทรงจำที่จะสร้างขึ้นร่วมกัน
ไม่มีอีกแล้ว คุณและผมในทาร์ดิส
ผมจะเก็บทุกอย่างไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด เก็บไว้ราวกับสมบัติล้ำค่าที่จะไม่มีวันหาใด้อีกแล้ว ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกไหน
เก็บไว้ในสถานที่ที่เวลาจะไม่มีวันได้กล้ำกรายและพรากไปอีก
และเวลา… ไม่เคยปรานีผู้ใด
ฟรีเปเปอร์เอง(....) สวัสดีเราเซมเปอร์ ลงสำหรับคนที่ไม่ได้ไปงาน #เราก็เช่นกัล(....) จริงๆแล้วเราเป็นคนใช้หน้ากระดาษเปลืองมากเลยละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in