1 เมษายน 2005
อาทิตย์ ในวัย 25 ปี สวมเสื้อยืดตัวบางสีขาว คลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นสีกากีและกางเกงขาสั้นสีเดียวกัน เดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย เสียงเพลง yellow ของ coldplay คลอออกมาจากโทรศัพท์มือถือ Nokia 6630 ที่เขาอดทนทำงานหนักเกือบ 1 ปี เพื่อให้ได้โทรศัพท์เครื่องนี้มาครอบครอง
ละครโทรทัศน์รีรันตอนบ่ายฉายบนทีวี CRT จอแก้วเครื่องเก่า ที่เขาพยายามบอกให้แม่เปลี่ยนเป็นรุ่นที่ทันสมัยกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จ ทั้งที่เขาสรรหาเหตุผลดีๆ มาโน้มน้าว เช่น ทีวีรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องลุกไปกดปุ่มตัวเลขที่ข้างจอเพื่อเปลี่ยนช่อง เทคโนโลยีสมัยใหม่สร้างรีโมทคอนโทรลมาให้เราสามารถควบคุมจากทางไกลได้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องแพ้อยู่ดี เมื่อแม่ให้เหตุผลว่า ทีวีเครื่องนี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่คุณตามอบให้ตอนขึ้นบ้านใหม่ ก่อนท่านจะเสียในอีก 3 ปีต่อมา
เวลาบ่ายของวันนี้แม่นอนกลางวันและปล่อยให้พี่ กบ สุวนันท์ นางเอกดาวพระศุกร์ร้องไห้อยู่คนเดียวในจอทีวี ส่วนพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาข้างๆ
เป็นภาพคุ้นเคยที่เขามักเห็นตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าแม่จะนอนที่ไหนพ่อจะตามไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ ตลอด
“ไปก่อนนะพ่อ เดี๋ยวกลับมา”
“ออ”
พ่อเพียงขานรับในลำคอ โดยไม่ได้หันมามอง
อาทิตย์ปั่นจักรยานคู่ใจไปยังหอประชุมของหมู่บ้าน ที่ตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นนิทรรศการ “จดหมายและกาลเวลา”
แสงแดดในเดือนเมษาแทบจะเผาเขาให้ละลายลงไปกองบนพื้นถนน อาทิตย์หยีตามองไปข้างหน้า เห็นเอกภพและวีณะยืนสูบบุหรี่รอเขาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ด้านหน้าหอประชุม
“บ้านมึงก็อยู่แค่นี้ทำไมนานจังวะ”
เอกภพทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วถามอาทิตย์ที่กำลังพยายามเอาจักรยานพิงต้นไม้อยู่
“แม่งก็แต่งหล่ออยู่อะดิ มาแค่หอประชุมหมู่บ้าน แต่งมาทำไมก็ไม่รู้” วีณะเสริมทัพ
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของกู รีบเข้าไปได้แล้วพวกมึงอะ เอาของมาครบกันปะเนี่ย”
อาทิตย์ดึงซองเอกสารที่บรรจุรูปถ่ายของเขาไว้เต็มซองออกมา เอกภพและวีณะ พยักหน้าให้ก่อนจะกอดคอกันเดินเข้าไปสู่นิทรรศกาล บรรยากาศภายในนิทรรศกาลเงียบและสงบ แอร์ในห้องประชุมที่นานๆ จะได้ใช้งานทีแข่งกันทำงานจนเกือบลืมไปว่าอากาศข้างนอกร้อนเกือบ 38 องศา
อาทิตย์ เอกภพ และวีณะเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ไปรษณีย์ที่มีป้ายเขียนตัวใหญ่ไว้ว่า “บริการรับส่งจดหมายข้ามกาลเวลา” เขาดึงรูปถ่ายที่เพิ่งถ่ายหน้าบ้านกับพ่อและแม่ของเขาเมื่อ 3 วันก่อนออกมา ก่อนจะแนบลงไปในซองจดหมายพร้อมกับจดหมายที่เขาเพิ่งนั่งเขียนเมื่อคืน
“ส่งไปวันที่ 1 เมษา 2020 ครับ”
อาทิตย์ยื่นจดหมายของเขาและเพื่อนให้กับพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ เธอไม่แม้แต่เงยหน้ามามองเขา มัวแต่ง่วนอยู่กับสมุดแสตมป์ตรงหน้า มือขาวซีดดึงซองจดหมายเข้าไปวางไว้ในกล่องที่เขียนว่า "อนาคต" และกลับมาลูบไล้แสตมป์เหมือนเดิม ทั้งสามคนมองหน้ากันแบบงงๆ
"เอ่อ... มีอะไรที่ต้องกรอกอีกไหมครับ" วีณะเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" เธอตอบเสียงนิ่ง
"อ่า...ขอบคุณครับ"
พวกเขาโค้งตัวให้เธอก่อนจะเดินออกมา จากหอประชุม
"พรุ่งนี้มาอีกไหมวะ" อาทิตย์ถามเพื่อน
"ไม่ว่ะ พรุ่งนี้กูไปกับแฟน" วีณะพูดโดยไม่เงยหน้าจากเกมส์งู
"กูไปพักร้อนกับพ่อที่หัวหินว่ะ มึงไปปะ" เอกภพตอบ
อาทิตย์ส่ายหน้าเบาๆ "ไม่อะ มึงไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาที่นี่ใหม่"
.
.
.
1 เมษายน 2020
พลูโตยกลังเก็บของกล่องสุดท้ายมาวางไว้หน้าทีวีก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาที่มีผ้าสีขาวคลุมอยู่
แสงแดดที่ทอผ่านเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนให้เห็นฝุ่นที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
เสียงรถมอเตอร์ไซค์หยุดอยู่หน้าบ้านก่อนจะสตาร์ทออกไปอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจเสียงนั้นสักเท่าไร
เขาทำเพียงมองไปรอบๆ บ้าน นาฬิกาแขวนผนังที่หยุดเดินมานานเท่าไหร่แล้วไม่แน่ใจนัก
โทรทัศน์จอแก้วเครื่องเก่าที่คุณยายเจ้าของบ้านย้ำนักย้ำหนาว่าขอให้ดูแลให้ดีที่สุด
ตั้งอยู่ตรงหน้าเขาติดกับหน้าต่างห้องนั่งเล่น เขาลองเสียบปลั๊กและเปิดเครื่อง พบว่ามันยังใช้ได้อยู่
พลูโตแอบแปลกใจเล็กน้อยที่พบว่า แม้จะเก่าขนาดนี้แต่ก็ยังใช้งานได้ดี เสียก็ตรงที่
ไม่มีรีโมทและภาพไม่คมชัดเท่านั้น เขาหลับตาลงชั่วครู่หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการย้ายบ้านครั้งนี้
พ่อแม่เขาเสียตั้งแต่อายุ 15 เขาใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่กับลุงและป้าที่ห้องชุดใจกลางเมือง
ก่อนจะได้งานทำและเก็บเงินย้ายมาอยู่บ้านคนเดียว อันที่จริงอยู่กับลุงและป้าก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก
เพียงแต่เขาเกรงใจเท่านั้นเอง บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากห้องของลุงกับป้ามากนัก จะกลับไปเยี่ยมกี่ครั้งก็ได้
พลูโต เดินออกไปแกะป้าย “บ้านหลังนี้ให้เช่า” ออกจากประตูรั้ว สายตาเหลือบไปเห็นซองจดหมายสีขาวที่โผล่พ้นกล่องไปรษณีย์หน้าบ้านออกมา เอื้อมมือไปหยิบพบว่า จ่าหน้าซองถึงบ้านหลังนี้
“แกะอ่านจะเสียมารยาทไหมนะ” เขาพึมพำกับตนเอง
ก่อนจะนำซองจดหมายเหน็บใส่กระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“เอาไว้ค่อยให้คุณยายตอนเจอท่านแล้วกัน”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in