"เฮ้ เคลาส์ ได้ยินว่าปาร์ตี้เมื่อคืนสุดยอดมาก" อีฟเอ่ยทักทาย ในมือของเธอมีกระดาษปึกใหญ่ติดมาด้วย — แน่ละว่าเป็นรายการสิ่งของยาวเหยียดที่เธอตรวจสอบมาแล้วเป็นอย่างดี "เสียใจจังที่ไม่ได้ไปงานด้วย"
"อย่าเสียใจเลย" ชายชราหัวเราะหึ เลื่อนแก้วกาแฟและหนังสือพิมพ์ไปไกลๆ เพื่อให้หญิงสาววางเอกสารลงบนโต๊ะได้สะดวก เขานึกสงสัยเหลือเกินว่าใครกันที่ปล่อยข่าวเกินจริงว่างานเลี้ยงอำลาของเขานั้นสุดยอดถึงขั้นที่คนหนุ่มสาวจะรู้สึกเสียดายได้ แต่เมื่อพิจารณางานล่วงเวลาที่เธอต้องจัดการข้ามคืนแล้ว เขาก็รู้สึกเห็นใจและเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าอย่างไร งานเลี้ยงคราวเกษียณอันจืดชืดของเขานั้นย่อมดีกว่าการจมจ่อมอยู่กับของขวัญมากมายที่ไม่ใช่ของตัวเองอยู่ดี เขานึกภาพอีฟเดินตรวจตราพนักงานที่นั่งห่อของขวัญกล่องแล้วกล่องเล่าอย่างแข็งขันให้ทันเส้นตาย อีกทั้งยังต้องคอยนับและดูแลความถูกต้องอย่างละเอียดละออเพื่อให้สิ่งของเหล่านั้นไปถึงปลายทาง ปลายปากกาตวัดลงบนกระดาษอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าร่างกายจะโหยหาชาร้อนๆ และเตียงนอนนุ่มๆ แล้วก็ตาม ในความคิดเห็นของเคลาส์ ตัวเขาเองเป็นเพียงคนส่งของเท่านั้น โดยที่สายงานการผลิตมหาโหดนั้นเป็นภาระหน้าที่ของคนเบื้องหลังอย่างอีฟและเอลฟ์ตัวน้อยของเธอ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขา — หรืออันที่จริงก็คือบรรดาชายแก่หนวดเฟิ้มในเครื่องแบบสีแดงเชยๆ ดันหัวแข็งและยังดึงดันจะใช้การผลิตแบบเดิมๆ ประเภทที่ของทุกชิ้นต้องผ่านมือก่อนบรรจุลงกล่อง ราวกับว่านั่นเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาเป็นผู้กำหนด แต่ว่าไม่เคยลงแรงเองสักครั้ง งานส่วนใหญ่ที่คนอย่างพวกเขาทำก็แค่อ่านจดหมายของเด็กๆ ที่มีน้อยลงทุกวัน เห็นได้ชัดว่าการเขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีอาจจะช่วยทำให้เขาสมหวังได้เร็วกว่า จิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสไม่ได้ยิ่งใหญ่และมีอำนาจอะไร พวกเขาเป็นร่างทรงของความย้อนแย้งที่ผู้คนพูดว่ามีอยู่จริงและไม่เชื่อว่ามีอยู่จริงในขณะเดียวกัน ไม่ได้มีตัวตนไปมากกว่าตาแก่ตัวใหญ่ที่ร้องโฮ่โฮ่โฮ่เสียงดังในห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนทั่วๆ ไป เคลาส์ไม่กล้าอ้างว่าพวกพ้องของเขาเป็นของแท้ด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นี่ ทำงานที่ความหมายเริ่มจางหายลงไปทุกๆ ปี ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
"ขอให้สนุกกับทัวร์ครั้งสุดท้ายนะ" หญิงสาวบีบบ่าเขาเบาๆ เป็นกำลังใจ ก่อนจะเดินไปส่งมอบรายการให้คนอื่นๆ ต่อ เคลาส์พลิกสำรวจเอกสารคร่าวๆ ใช้ปากกาแดงวงเส้นทางและจุดหมาย หลังจากดื่มกาแฟที่เย็นชืดจนหมด ชายแก่คว้าเสื้อคลุมสีแดงสดมาสวม ยัดหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างอยู่ใส่กระเป๋า แล้ววางหมวกคู่ใจที่ได้รับการซ่อมแซมจนเหมือนใหม่ลงบนศีรษะ ระหว่างทางเดินไปยังโกดังเก็บของ เขาได้ยินเสียงปรบมือและผิวปากจากเพื่อนร่วมงานที่แสดงความยินดีในโอกาสเกษียณของเขาเป็นระยะ "ต่อจากนี้จะได้ไปพักผ่อนที่หมู่เกาะเขตร้อนสักทีนะ เคลาส์" วิลเฮล์ม เจ้าหน้าที่แผนกขนส่ง พูดอย่างอารมณ์ดี ขณะที่นำเขาไปยังรถลากเลื่อนที่มีกวางเรนเดียร์คู่หนึ่งยืนรออยู่แล้ว เคลาส์ยื่นใบผ่านทางให้เพื่อนเก่าแก่ตรวจสอบและตั้งค่าเส้นทาง ดังเช่นที่เคยทำมาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้งก่อนหน้านี้ ความเคยชินไม่ได้ทำให้การเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเขาน่าตื่นเต้นหรือเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซาบซึ้งอย่างที่ควรจะเป็น แวบหนึ่งเขาคิดว่าตัวเองจะด้านชา ไร้ซึ่งความรู้สึกไปเสียแล้ว จนกระทั่งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วนึกขึ้นได้ว่าเขาปรารถนาอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย เคลาส์ยื่นหนังสือพิมพ์ให้เพื่อนที่ทำท่างุนงง ก่อนจะแจ้งความประสงค์ว่า "ฉันอยากแวะที่นี่ด้วย"
วิลเฮล์มส่ายหน้าอย่างระอาใจ ไม่ผิดจากที่คาด "นายเอาจริงเหรอ เพื่อนยาก" เขาถาม แม้ว่าเคลาส์จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ว อีกฝ่ายจะยอมใส่อะเล็ปโปเพิ่มลงไปในพิกัดของเขาจนได้ "หาเรื่องแหกกฎได้จนนาทีสุดท้ายเลยนะ" น้ำเสียงที่เอ่ยคำตำหนินั้นเต็มไปด้วยความรักใคร่ปนระอาใจ "นายจะต้องหนาวแน่ๆ ให้ตายเถอะ"
เคลาส์ยักไหล่ เขารู้จักความหนาวเหน็บประเภทอื่นที่เลวร้ายกว่าสภาพอากาศมากมายนัก วิลเฮล์มช่วยเขานำกล่องของขวัญสำรองใส่ถุงผ้าใบใหญ่ ทั้งที่ปากบ่นไม่หยุด อันที่จริงเรื่องระเบียบการต่างๆ ดูไม่สลักสำคัญหรือร้ายแรงอย่างที่เพื่อนของเขากล่าวอ้างไปเรื่อย เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าคงไม่มีใครกล้าขัดผู้อาวุโสอย่างเคลาส์อยู่แล้ว จะติดก็ตรงที่พวกเขาไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยากรไปกับที่ที่ไม่มีเด็กๆ เขียนจดหมายมาหา ไม่มีใครแขวนถุงเท้า หรือว่าไม่เหลือปล่องไฟให้หย่อนข้าวของลงไปตามธรรมเนียมอีกแล้ว แม้วัฒนธรรมและความเชื่อจะไม่ได้ขัดขวางภารกิจของเหล่าซานต้า และการทำความความดีต่างหากที่เป็นคติประจำใจในการให้รางวัล แต่ในสถานที่บางแห่ง เด็กๆ ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับการทำความดีหรือการละเล่นซุกซนตลอดปี พวกเขาแค่ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ในแต่ละวัน ซึ่งนั่นทำให้รายชื่อจำนวนมากตกหล่นไปจากระบบ ยังไม่นับว่าคนที่นี่มีงานล้นมือกันตลอดปีและไม่อาจเอาใจใส่ได้ถ้วนถี่ เคลาส์จำตัวเองในขวบปีแรกๆ ของการทำงานได้ชัดยิ่งกว่ามื้อเช้าที่เพิ่งกินไปวันนี้ เขาเคยเรียกร้องให้มวลหมู่ซานต้าหันมาให้ของขวัญเด็กทุกคนเหมือนๆ กัน กำจัดรายชื่อเด็กดีกับเด็กดื้อออกไปให้หมด ผลลัพธ์ของความพยายามในวันนั้นลงเอยด้วยการที่ผองเพื่อนร่วมงานกล่าวหาว่าเขาฝักใฝ่สังคมนิยมและนิยมจอห์น ล็อก — ช่างหัวพวกนั้นเถอะ
เคลาส์บังคับเจ้ากวางให้เดินไปยังลิฟต์ วิลเฮล์มส่ายหน้าให้เขาอย่างปลงๆ ก่อนเอ่ยว่า "นายมันไอ้ตัวแสบ" เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเด็กหนุ่มที่สมคบคิดกันทำความผิดโดยไม่ละอาย ไม่ใช่ชายชราที่ควรทำงานด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังซานต้ายกมือบอกลา "เอาละ บีมฉันที สก็อตตี้" เขาหยอกเจ้าหน้าที่ที่แกล้งถอนใจอย่างหนักหน่วงเกินจริง วิลเฮล์มกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ แล้วในนาทีถัดมา จิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสก็ได้ฤกษ์โบยบินบนท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาว
เคลาส์ถอนใจออกมาเป็นควันขาว อากาศหนาวได้เรื่องอย่างที่เขาได้รับคำเตือน นั่นเป็นปัญหาที่มากับสายงานของเขาอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับใครหลายคนข้างล่าง "ลดระดับลงหน่อย รูดี้" เขาสั่งกวางลากเลื่อน "ให้เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นด้วย เด็กดี"
เมืองด้านล่างส่องประกายสว่างแค่เพียงริบหรี่ เคลาส์โยนของขวัญกล่องแรกลงไป — ของขวัญที่มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่จะเห็น
ซานตาคลอสมาเยือนเมืองของเธอแล้ว
Aleppo, Syria / Photograph: George Ourfalian/AFP/Getty Images / Source: The Guardian
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in