เป็นงานศึกษาที่เปิดโลกและเปลี่ยนทัศนะของเราที่ีมีต่อคนไร้บ้านอย่างพลิกฟ้าคว่ำดินเลยก็ว่าได้ พลิกในลักษณะที่ว่าทุบกะลาเราให้แตกและทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีทัศนะที่คับแคบมาโดยตลอด นับถือการศึกษาของอาจารย์ที่นำตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของคนไร้บ้านเพื่อให้ได้เห็นและสัมผัสวิถีชีวิตของคนไร้บ้านให้ได้มากที่สุด นัยหนึ่งเราว่าเป็นวิธีการศึกษาที่ทลายภาพจำ ลดระดับการจ้องมอง หรือเรียกว่าเป็นการลดการมองจากเลนส์ของคนมีบ้านไปสู่การมองคนไร้บ้านให้มันเหลือช่องว่างให้น้อยที่สุด เมื่ออ่านเนื้อหาก็ทำให้รู้ว่าเราเข้าใจคนไร้บ้านผิดไปทั้งหมดรวมถึงเปลี่ยนทัศนะจากที่มองคนไร้บ้านว่าเป็น 'ปัญหาของสังคม' ที่ต้องแก้ไขมาเป็นการมองว่าสังคมต่างหากที่มีปัญหาเลยนำไปสู่การเกิดขึ้นและเพิ่มขึ้นของคนไร้บ้าน เนื่องจากการถูกผลักให้ต้องกลายเป็นชายขอบของสังคมนั้นเกิดจากปัญหาที่ทับซ้อนกันหลายมิติในสังคม หากสังคมต้องการจะแก้ไขหรือลดการเกิดขึ้นของคนไร้บ้านนั้นจะต้องเริ่มต้นที่ตัวของสังคมเองเป็นอย่างแรก ไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมาย การจ้องมอง และการปฏิบัติต่อคนไร้บ้านที่เจือปนไปด้วยอคติและสายตาดูแคลน สังคมต้องขจัดการมองคนไร้บ้านว่าเป็นสิ่งที่แปลกปลอมที่ต้องกำจัดหากแต่จงมองพวกเขาอย่างมีมนุษยธรรมให้มากขึ้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นโดยคนมีบ้านและเป็นคนมีบ้านที่มองคนไร้บ้านอย่างมีมนุษยธรรมหาใช่การมองด้วยสายตาของผู้ทรงโปรดที่จะมาช่วยให้พ้นทุกข์ สรุปได้ว่า คนไร้บ้านไม่ใช่ 'เขา' ที่ 'เรา' ต้องกำจัด หากแต่คือหนึ่งพวกเราทั้งหลายที่ล้วนได้รับผลกระทบจากโครงสร้างสังคมอันบิดเบี้ยวต่างหาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in